ตอนที่ 90 กรณีซับซ้อน (2)

ตอนที่ 90 กรณีซับซ้อน (2)

“พี่ครับ ยังดีอยู่ใช่ไหม เหนื่อยหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นใบหน้าของฉินเคอวั่งเป็นกังวล ฉินมู่หลานก็หักห้ามที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ไม่ต้องห่วง พี่ไม่เหนื่อยหรอก”

จางโถวชายชราผู้ขับเกวียนในหมู่บ้านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้น “เคอวั่งเอ๊ย พวกเธอสองคนนั่งรถกันทั้งคู่แล้วยังจะเหนื่อยอยู่อีกหรือ อย่าจุกจิกไปนักเลย ตลอดทางฉันได้ยินเธอถามพี่สาวแบบนี้หลายรอบแล้ว จนหูฉันหลอนกับคำนี้ไปหมดแล้ว”

“ฮ่าๆๆ…ใช่แล้วเคอวั่ง พวกเรารู้ว่าพี่สาวของนายกำลังตั้งท้อง แต่นี่มันกังวลมากไปหน่อยมั้ง”

ยังมีคุณป้าอีกหลายคนที่เข้าไปเที่ยวในเมืองด้วยกัน ระหว่างที่ทุกคนนั่งอยู่บนเกวียนวัวก็ได้เห็นความกังวลของฉินเคอวั่งที่มีต่อฉินมู่หลาน แต่พวกเขาทราบกันดีว่าตระกูลฉินต่างรักใคร่เอ็นดูฉินมู่หลานมาโดยตลอด จึงค่อนข้างคุ้นเคยและได้แต่คร่ำครวญในใจ ต่อให้ฉินมู่หลานจะแต่งงานออกเรือนไปแล้ว แต่ครอบครัวของสามีก็ใจดีกับเธอมากเช่นกัน แตกต่างจากหญิงสาวในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก

สุดท้ายแล้ว ครอบครัวในหมู่บ้านส่วนใหญ่จะเอ็นดูเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง หากเป็นอย่างฉินมู่หลานที่โดนเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็กก็คงไม่มีเรื่องเช่นนั้นอย่างแน่นอน

ไม่ใช่สิ ก็ยังมีอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้เซี่ยเจ๋อน่า ลูกสาวของตระกูลเซี่ยก็ถูกที่บ้านเอ็นดูค่อนข้างมาก แต่ได้ยินมาว่าหลังจากเซี่ยเจ๋อน่าแต่งงานไป ความสัมพันธ์กับทางบ้านแม่สามีก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

เมื่อนึกถึงเรื่องนั้น เซี่ยเสี่ยวเม่ยผู้เป็นสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้านเย่เถี่ยจู้จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “มู่หลานเอ๊ย หลังจากที่น้องสามีของเธอแต่งงานไป ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยกลับมาที่บ้าน เหมือนพวกเราจะได้ยินว่าฝ่ายชายทำร้ายร่างกายหล่อนด้วย นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?”

มีคนในหมู่บ้านเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ตระกูลเซี่ยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ทราบเรื่องราวว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อนึกขึ้นได้ จึงเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้ม แล้วตอบกลับ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ตอนแรกน้องสามีของฉันยืนกรานหัวชนฝาว่าจะแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นให้ได้ เพราะชื่นชอบเขามาก เขาดูเป็นคนดีขนาดนั้น ไม่น่าจะทุบตีหล่อนหรอกค่ะ”

พูดขึ้นมา ฉินมู่หลานก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เจอเซี่ยเจ๋อน่ามาพักหนึ่งแล้ว หากลองนับดู สิ่งที่เธอลงมือทำกับเซี่ยเจ๋อน่าก็น่าจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ขบเม้มปากเล็กน้อย

ตอนแรกเธอไม่ได้ต้องการแก้แค้นเซี่ยเจ๋อน่าอย่างโจ่งแจ้ง แต่ลอบกระทำการบางอย่างแทน ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่สามารถอยู่ร่วมโลกนี้ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากเกาหยวนทำร้ายร่างกายเซี่ยเจ๋อน่าไปแล้ว และคงมีครั้งที่สองตามมา เธอจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้ชีวิตของเซี่ยเจ๋อน่าเป็นอย่างไร

เซี่ยเสี่ยวเม่ยในตอนแรกต้องการจะถามว่าเซี่ยเจ๋อน่าโดนทำร้ายร่างกายจริงหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฉินมู่หลาน ก็โดนเบี่ยงเบนความสนใจไปในทันที

“อะไรนะ…ผู้ชายคนนั้นเป็นคนเมือง เป็นคนที่เซี่ยเจ๋อน่าเจอด้วยตัวเองหรือ แล้วยังเรียกร้องจะแต่งงานกับเขาแบบหัวชนฝาอีก แบบนี้ตระกูลเซี่ยคงไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานของหล่อนตั้งแต่แรกใช่ไหม? แต่สามีของหล่อนเป็นคนในเมืองนี่นา การแต่งงานครั้งนี้ก็ควรที่จะเป็นเรื่องดีสิ ทำไมตระกูลเซี่ยถึงไม่ยอมกันนะ”

คนอื่น ๆ ก็ฟังแล้วหูผึ่ง

เป็นเพราะเซี่ยเจ๋อน่าแต่งงานกะทันหันเกินไป พวกเขาจึงไม่ทราบเรื่องอะไรเลย เมื่อได้ยินเข้าว่าเซี่ยเจ๋อน่าแต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองแล้ว ทุกคนจึงรู้สึกประหลาดใจ เพราะมันเป็นเรื่องยากที่หญิงสาวชนบทจะได้แต่งงานกับหนุ่มในเมือง

เมื่อเห็นทุกคนรับฟังกันด้วยท่าทางสงสัย ฉินมู่หลานจึงยกยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ค่ะ ฉันรู้อะไรไม่ค่อยมากเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานของน้องสามี”

แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้ ป้าคนหนึ่งก็อดที่จะเอ่ยขึ้นสียไม่ได้ “ตระกูลเซี่ยไม่ยอมรับ เพราะเล็งอีกบ้านหนึ่งเอาไว้ให้เซี่ยเจ๋อน่าแล้วใช่ไหมล่ะ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาวางแผนจะมานัดดูตัวกันที่บ้านแล้ว แต่เซี่ยเจ๋อน่ากลับหันหลังแล้วไปแต่งงานกับหนุ่มในเมืองแทน เฮ้อ…ผู้หญิงคนนี้นี่ช่างหัวสูงเหลือเกิน ไม่ชอบหนุ่มชาวบ้าน อยากไปแต่งกับหนุ่มในเมืองแทน แต่ถ้ามีใจกันตั้งแต่แรกแล้ว ก็ไม่ควรนัดดูตัวกับอีกคนสิ”โนเวลพีดีเอฟ

ป้าคนนี้แซ่เหอ แต่งงานเข้ามาจากหมู่บ้านข้าง ๆ สนิทสนมกับตระกูลเหอค่อนข้างมาก นอกจากนี้ทั้งสองบ้านยังเป็นญาติเกี่ยวดองกันด้วย

หล่อนอยากเอ่ยเรื่องนี้มานานแล้ว เพียงแต่ว่าตระกูลเหอใจดีและบอกหล่อนว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดอีก หล่อนจึงยอมทนไม่พูด แต่ตอนนี้เมื่อมีหัวข้อการสนทนานี้ขึ้นมา เมื่อหล่อนนึกถึงเรื่องนั้นจึงยังรู้สึกโกรธ ไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ จึงขอพูดเสียหน่อย

แต่แล้วหล่อนก็นึกเสียใจเมื่อพูดออกไปเช่นนั้น ทำไมเมื่อสักครู่ถึงอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้กันนะ

และเมื่อเซี่ยเสี่ยวเม่ยและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ ก็จ้องมองไปด้วยแววตาเป็นประกาย

“ป้าเหอ ที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือนี่ รีบเล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิคะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ฉินมู่หลานเองก็จ้องมองป้าเหอด้วยความแปลกใจ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะทราบเรื่องนี้ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ทราบเรื่องราวระหว่างตระกูลเซี่ยกับตระกูลเหอมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

และแล้วป้าเหอก็ต้องรู้สึกเสียใจที่พูดออกไปแบบนั้นออกไปเมื่อสักครู่ จึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก

แต่ทุกคนต่างคิดกันไปเองเสียใหญ่โตแล้ว ขณะเดียวกันความประทับใจที่มีต่อเซี่ยเจ๋อน่าก็หายไปจนหมดสิ้น

ไม่ทันรู้ตัว ทุกคนก็เข้ามาถึงในเมืองกันแล้ว

ฉินมู่หลานและฉินเคอวั่งลงจากเกวียนวัว แล้วขึ้นรถประจำทางไปเพื่อต่อเข้าไปในอำเภออีกครั้ง

“เคอวั่ง พวกเราไปโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนกันก่นเถอะ พี่จะแนะนำนายให้รู้จักกับหมอซ่ง”

ฉินเคอวั่งรีบพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้นทันที “ครับ”

เมื่อสองพี่น้องมาถึงโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน ซ่งโหย่วเต๋อก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจก่อนจะกล่าวทักทาย “หมอฉิน ในที่สุดคุณก็มาจนได้ ผมตั้งหน้าตั้งตารอคุณตลอดเลย”

เมื่อเห็นซ่งโหย่วเต๋อ ฉินมู่หลานก็ก้าวเดินตรงไปพร้อมรอยยิ้มแล้วรีบกล่าวทักทาย “หมอซ่งคะ วันนี้ฉันพาน้องชายมาเจอ ต่อไปถ้ามียาสมุนไพรอะไร เขาจะเป็นคนนำมาส่งเองค่ะ”

ซ่งโหย่วเต๋อได้ยินเช่นนั้น จึงหันมองฉินเคอวั่งครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ครับ”

ไม่นานนัก ซ่งโหย่วเต๋อก็รั้งตัวฉินมู่หลานเอาไว้อีกครั้งแล้วเริ่มหารือเกี่ยวกับเคสล่าสุดของเขา “หมอฉินครับ นี่คือคนไข้ที่มีอาการซับซ้อน คุณลองดูสิครับ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงหยิบบันทึกชีพจรขึ้นมาแล้วเริ่มอ่าน หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย

“อาการของผู้ป่วยรายนี้ค่อนข้างซับซ้อนจริง ๆ แต่หากทำร่วมกับการฝังเข็ม ผลการรักษาน่าจะดีขึ้น แล้วก็เห็นผลเร็วกว่าเดิมด้วยค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งโหย่วเต๋อก็ถูฝ่ามือแล้วยกยิ้ม “หมอฉินครับ คุณอยากลองไปกับผมไหม แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องการฝังเข็มของคนไข้รายนี้สักเท่าไหร่ ไม่ทราบว่าหมอฉินจะช่วยผมได้ไหม?”

ก่อนที่ฉินมู่หลานจะทันได้เอ่ย ฉินเคอวั่งก็พูดขึ้นแทรกไปก่อนแล้วดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“หมอซ่งครับ ตอนนี้พี่สาวของผมกำลังตั้งท้อง ช่วงนี้จึงทำงานหนักไม่ได้ครับ” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าการฝังเข็มทำอย่างไร แต่ก็รู้สึกได้ว่าเป็นงานที่หนักพอตัว สุดท้ายหมอซ่งที่อยู่ตรงหน้าก็รู้สึกเขินอาย

ซ่งโหย่วเต๋อตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “หมอฉิน คุณ…ตั้งท้องหรือ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่ค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งโหย่วเต๋อจึงรู้สึกเสียดายนิดหน่อย “อ่า…ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องลองลงมือเองแล้วล่ะ”

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ข้างนอกก็มีคนถูกพาตัวเข้ามาอย่างเร่งรีบ “หมอซ่ง ช่วย อะ…”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ป้าเหอรู้อะไรมาอีกบ้างคะ ทุกคนรอเผือกอยู่

ไหหม่า(海馬)