ตอนที่ 46 บันทึกตระกูลกู้

หวนคืนชะตาแค้น

เกอซูฮั่นส่ายหน้าไปมา แม้ก่อนหน้านี้ข้าจะดูโง่เง่า แต่…ตอนนี้คงไม่แล้ว

นัยน์ตาของมู่ชิงอีสั่นไหวเล็กน้อย ชิงอีเคยพานพบกับเลี่ยอ๋องมาก่อนหรือไม่เพคะ

เกอซูฮั่นสีหน้าตื่นตกใจ จ้งมองไปที่มู่ชิงอีเป็นเวลานานก่อนจะพูดอย่างเคร่งขรึมว่า เจ้าจำไม่ได้สักนิดเลยหรือ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น มู่ชิงอีก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอยู่ในใจ ปรากฏว่าลูกพี่ลูกน้องหญิงของตนนั้นเคยพบกับเกอซูฮั่น…ว่าแต่ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

มู่ชิงอีหลับตาลงเพื่อไม่ให้เกอซูฮั่นเห็นความสับสนในดวงตาของตน

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เกอซูฮั่นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ก็ไม่น่าแปลกใจ…เวลาผ่านไปตั้งหลายปีแล้วเ จ้าคงจดจำข้าไม่ได้ แต่กระนั้นก็ไม่ควรลืมว่าตัวเองเคยพูดไว้ว่าอยากออกเรือนกับข้า! ข้าจึงมาที่นี่เพื่อสู่ขอเจ้า แต่เจ้ากลับลังเลเช่นนี้

มู่ชิงอีใจเต้นระรัว ทันใดนั้น เสียงพูดอันนุ่มนวลก็ลอยขึ้นมาในหัวอย่างชัดเจน

‘พี่หญิง อีเอ๋อร์กับท่านแม่พบโจรระหว่างเดินทางไปเมืองหลวง น่ากลัวอย่างมาก โชคดีที่ชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งช่วยชีวิตพวกเราไว้!’

‘เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่…แต่หากไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ได้พูดขอบคุณเขาไปหรือไม่’

‘ไม่! เจ้ายักษ์บัดซบ!’

‘คนเขาช่วยเจ้าและท่านน้าให้รอดชีวิต เหตุใดถึงทำตัวเกเรเช่นนี้’

‘ก็เขาพูดว่า ‘ช่วยชีวิตเป็นบุญคุณ ต้องตอบแทนด้วยร่างกาย’ ร่างกายก็ใหญ่โต รูปโฉมยังไม่หล่อเหลา อีเอ๋อร์ไม่อยากแต่งกับเขา!’

‘เขากำลังพูดหยอกแกล้งเจ้าเล่น หากเขาพูดจริงเจ้าไม่ต้องรอถึงแปดปีสิบปีเพื่อตอบแทนเขาเช่นนั้นหรอกหรือ เจ้านี่ช่างโชคดีเสียจริง’

‘พี่หญิง พี่ชายใหญ่หัวเราะเยาะข้า…’

มู่ชิงอีเงยหน้าขึ้นมองเกอซูฮั่น แล้วกล่าวขึ้นด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ หม่อมฉันพอจะจำได้ว่า เรื่องราวไม่ได้เป็นดังที่ท่านกล่าว แม้จะถูกจับได้ว่าพูดปดแต่เกอซูฮั่นก็ไม่สนใจ พูดด้วยรอยยิ้มยินดีว่า เจ้าจำได้แล้วหรือ

มู่ชิงอีส่ายศีรษะ ไม่เพคะ เพียงแค่กำลังนึกถึงเรื่องการหมั้นหมายเมื่อหลายปีที่ผ่านมากับหนิงอ๋องในตอนนั้น เกอซูฮั่นพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย มู่หรงอาน? เจ้าจะพูดถึงเขาทำไม ไอ้ขยะพวกนี้ เพียงแค่ฝ่ามือข้าเพียงฝ่ามือเดียวก็ฆ่าเขาให้ตายได้แล้ว แม่นางน้อย หากเจ้าไม่มีช่วงเวลาดีๆ ในจวนซู่เฉิงโหว เหตุใดถึงไม่ไปอยู่ที่แคว้นเป่ยฮั่นกับข้าเล่า ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นพระชายา

ขอบพระทัยสำหรับความกรุณาของท่านอ๋อง พระคุณที่ช่วยชิงอีในตอนนั้น ชิงอีรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่ชิงอียังมีสิ่งที่ต้องทำจึงไม่สามารถออกจากเมืองหลวงได้เพคะ

มีเรื่องที่ต้องทำ? เกอซูฮั่นขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า ลองบอกมาว่าเป็นเรื่องใด ข้าผู้นี้จะช่วยเจ้าเอง

มู่ชิงอีเพียงยกยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ทำเพื่อนางเช่นนั้นหรือ แม้ว่าเกอซูฮั่นมีกำลังพอที่จะเอาชนะสามารถช่วยนางฆ่ามู่หรงอวี้และมู่หรงอานได้ แต่จะสามารถทำลายล้างทั้งจวนซู่เฉิงโหว จวนผิงหนานจวิ้นอ๋อง รวมถึงล้มล้างฮ่องเต้ได้หรืออย่างไรกัน

เจ้าไม่เชื่อ? เกอซูฮั่นมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่พอใจ สาวน้อยผู้นี้กล้าสงสัยในความสามารถของเขาหรือ

มู่ชิงอีส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า เลี่ยอ๋องเข้าใจผิดแล้ว ชิงอีไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น

ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไร เกอซูฮั่นพูดอย่างไม่เต็มใจ

แม้มู่ชิงอีรู้สึกจะรำคาญเพียงใดแต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะฐานะของเกอซูฮั่น ยิ่งไปกว่านั้น ผ่านมาตั้งนานหลายปี แต่เกอซูฮั่นกลับยังจดจำเรื่องตลกเรื่องนี้ได้ นางจึงไม่อยากพูดจารุนแรงกับผู้ที่ยังคงจดจำลูกพี่ลูกน้องหญิงของตนได้ไม่ลืม

มู่ชิงอีหันไปหาเกอซูฮั่น กล่าวอย่างจริงใจ ท่านอ๋อง ได้รับความเมตตาจากท่านอ๋องเช่นนี้ชิงอีรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก แต่…ชิงอีออกจากเมืองหลวงไม่ได้จริงๆ เพคะ ขอท่านอ๋อง…โปรดช่วยหม่อมฉันให้สมหวังด้วย!

เมื่อเห็นนางที่มีสีหน้าจริงจัง เกอซูฮั่นพลันรู้สึกหมดหนทาง ในปีนั้นเขาหนีออกจากจวนและไปอาศัยอยู่ในที่ราบภาคกลาง เดินทางได้เพียงครึ่งทางก็ได้บังเอิญช่วยชีวิตมารดาและบุตรีของจวนซู่เฉิงโหวที่กำลังเดินทางกลับจวนหลังจากไปคำนับบรรพบุรุษ เขาช่วยชีวิตผู้คนด้วยความเต็มใจ และยังมีโอกาสอยู่ด้วยกันสักพักหนึ่ง อันที่จริงแล้ว ระหว่างเดินทางเขาได้ใช้เงินไปหมดแล้ว จึงหน้าด้านตามคนอื่น ขอกิน ขอดื่ม อย่างไม่เกรงใจ ในยามนั้นมู่ชิงอีอายุเพียงแปดปี ข้างกายนางมีซู่เฉิงโหวฮูหยินที่งดงามเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แม้นางจะท่าทางแกร่งกล้าตั้งแต่เด็กแต่กลับไม่กล้ามองหน้าเขา เกอซูฮั่นในตอนนั้นยังเยาว์วัย จึงรู้สึกสนุกสนานกับการแกล้งหยอกเย้าสาวน้อยอยู่ทุกวัน จึงทำให้สาวน้อยผู้นั้นซ่อนตัวเมื่อพบเขาทุกครั้งไป พวกเขาอยู่ด้วยกันจนกระทั่งเกือบจะถึงเมืองหลวง จู่ๆ สาวน้อยที่มีทีท่ารังเกียจเขามาตลอดก็แอบเข้ามามอบไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ดและถุงที่มีเบี้ยอัฐให้เขา ต่อมาเกอซูฮั่นถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นไข่มุกล้ำค่าเม็ดนั้นที่ช่วยชีวิตเขาไว้

มาแคว้นหวาในครั้งนี้เพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ฮ่องเต้ และยังเป็นการมาเพื่อสร้างสัมพันธ์สันติภาพระหว่างแคว้นหวากับแคว้นเป่ยฮั่น เดิมทีเกอซูฮั่นไม่ได้สนใจว่าจะอภิเษกสมรสกับผู้ใด แต่เมื่ออยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง จู่ๆ เขาก็นึกถึงสาวน้อยในยามนั้น ทำให้ความต้องการที่จะอภิเษกสมรสกับมู่ชิงอีเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมู่ชิงอีไม่เต็มใจ เกอซูฮั่นก็ไม่ใช่คนที่แข็งกระด้างฝืนใจคน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ล่วงเกินแล้ว เกอซูฮั่นกล่าวอย่างเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็หยิบไข่มุกเม็ดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อยื่นให้มู่ชิงอี กล่าวว่า ในปีนั้นเจ้ามอบไข่มุกเม็ดหนึ่งให้กับข้า เม็ดนี้มอบให้เจ้า หากเจ้าพบเจอความลำบากอันใด สามารถนำไข่มุกเม็ดนี้มาหาข้าได้ ไข่มุกสีขาวหยกมีขนาดเท่าไข่นกพิราบ กำลังส่องประกายอยู่ในมือของเกอซูฮั่น

มู่ชิงอีส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า เลี่ยอ๋องมีพระคุณต่อหม่อมฉันและท่านแม่ ไข่มุกเม็ดนั้นไม่ถือว่ามากมายอะไรเพคะ

เกอซูฮั่นยิ้มให้นางแล้วกล่าวว่า ไม่เป็นไร ในปีนั้นไข่มุกของเจ้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้ เจ้าก็ถือเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้เช่นกัน เช่นนั้น ข้าจึงได้คืนมันให้กับเจ้า หากเจ้าไม่ยินยอมรับไว้ ข้าผู้นี้คงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้อง…ตอบแทนด้วยร่างกาย…

มู่ชิงอีหางคิ้วกระตุก รีบยื่นมือออกไปรับไข่มุกในมือของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ลูกพี่ลูกน้องหญิงของนางจะเกลียดชังเขา ช่างทำตัวให้คนเกลียดเสียจริง!

เมื่อเห็นว่านางยอมรับไปแล้ว เกอซูฮั่นจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วกล่าวว่า เป็นข้าเองที่มาสู่ขออย่างกะทันหัน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง แม้ว่าแคว้นเป่ยฮั่นและแคว้นหวาจะมีขนบธรรมเนียมแตกต่างกัน แต่ทั้งสองแคว้นล้วนให้ความสำคัญต่อเกียรติชื่อเสียงของสตรีอย่างยิ่ง เกอซูฮั่นจึงไม่เพิกเฉยต่อเรื่องนี้

ขอบพระทัยเลี่ยอ๋องเพคะ มู่ชิงอีกล่าวด้วยความจริงใจ แม้ชื่อเสียงของเกอซูฮั่นจะเลวร้ายจนทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่หากได้รู้จักเขาเพียงเล็กน้อย ก็จะพบว่าเขาค่อนข้างเปิดเผยตรงไปตรงมา เมื่อเปรียบเทียบกับสมาชิกหลายคนในราชวงศ์แล้ว นี่อาจเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเขาถึงมีอำนาจและสนิทสนมกับพระเชษฐายิ่งนัก คนเช่นนี้ หากได้เป็นสหายกันคงจะดี แต่น่าเสียดาย…เขากับนางเดินคนละเส้นทางกัน

เกอซูฮั่นเป็นคนที่มีวาจาสัตย์ หลังจากที่เขาจากไปแล้ว มู่ฉังหมิงก็ไม่ได้มาหามู่ชิงอีเพื่อซักถามเรื่องราว เรื่องนี้ดูราวกับว่าจะผ่านไปอย่างเงียบๆ ยกเว้นหรงจิ่นที่ให้คนมาส่งสาส์นด้วยข้อความตัดพ้อน้อยใจ เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ดูราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

ไม่ว่าเกอซูฮั่นจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร แต่ยามนี้มู่ชิงอีนั้นไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ ความคิดทั้งหมดของตนมุ่งไปที่การช่วยเหลือพี่ใหญ่ของนางและสิ่งของที่นำมาจากท่านเจ้าอาวาสฉือเอิน อันที่จริงแล้ว แม้แต่มู่ชิงอีเองก็ไม่รู้ว่าท่านปู่ทิ้งสิ่งใดไว้ให้ลูกหลานตระกูลกู้ แต่เนื่องจากท่านปู่มอบสิ่งนี้ให้กับลูกพี่ลูกน้องหญิง อย่างน้อยต้องไม่ใช่เสิ่งของธรรมดาอย่างแน่นอน ชั่วขณะหนึ่งมู่ชิงอีอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า ข่าวลือที่แพร่กระจายหลายปีมานี้นั้นเป็นความจริงหรือไม่ ตระกูลกู้มีสมบัติล้ำค่าอยู่จริงๆ หรือไม่