ตอนที่ 43.2 ตราบใดที่หนังหน้าของเจ้ายังหนาพอ (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

แม้หลี่ฉางโซ่วจะทำการวิเคราะห์อย่างรอบคอบและละเอียดถี่ถ้วนมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งพอสรุปได้ว่า องค์ชายแห่งวังมังกรมีความประสงค์จะทำให้วังมังกรอับอายขายหน้าเพื่อสร้างบรรยากาศที่เลวร้ายในวังมังกร แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่ามีเหตุผลดังกล่าวอยู่เบื้องหลัง และแม้แต่แผนการชั่วร้ายเช่นนี้!

หลี่ฉางโซ่วพลันคิดทบทวนในทันทีและตระหนักว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่บนจุดที่สูงพอ จากจุดเริ่มต้นเขาได้อุปาทานว่าวังมังกรย่อมไม่กล้าคิดจะจัดการกับสามสำนักใหญ่บำเพ็ญเซียนโดยตรง อย่างมากที่สุดพวกเขาก็จะปล่อยให้อ๋าวอี่สังหารเขาซึ่งไม่มีความสำคัญในการแข่งขันเพื่อเป็นการระบายความโกรธของเขา

หืม?

เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีข้อผิดพลาดและการละเลยมากมายในตรรกะของอาจารย์หวางฉิง

ช่างมันเถิด เพราะเมื่อพิจารณาจากผลลัพธ์ในเวลานี้ การวิเคราะห์ของปรมาจารย์หว่างฉิงค่อนข้างจะเป็นประโยชน์กับข้า

ปรมาจารย์ท่านนี้…

ยอดเยี่ยม!

เป็นมิตรมาก!

ละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง!

มีศิษย์หลายคนที่ตระหนักขึ้นมาได้ในทันใด แต่เซียนเสิ่นสองสามคนแสดงสีหน้าท่าทีเหมือนว่าจะรู้เรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาส่วนใหญ่จึงมองหลี่ฉางโซ่วอย่างชื่นชม

คลื่นแห่งความปรารถนาดีที่เขาได้รับมาอีกคลื่นหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล…

แต่เป็นเช่นนี้ก็ย่อมดีกว่าความไม่พอใจ

หลี่ฉางโซ่วคิดว่าเขาจะได้รับรางวัลอีกมากมายหลังจากกลับไปถึงสำนักแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับ พระสูตรนิรกรรมมาก่อนล่วงหน้าแล้วก็ตาม

หลี่ฉางโซ่วก้มศีรษะลงไปมองม้วนตำราหยก และพบว่านี่คือ คาถาเวทสายฟ้าที่ล้ำลึก

ศาสตร์เวทสายฟ้าหลัวเทียนหยาง!

หลังจากใคร่ครวญเล็กน้อย หลี่ฉางโซ่วก็ส่งเสียงไปยังจิ่วจิ่วที่อยู่ด้านข้างของเขาและคืนม้วนตำราหยกนั้นให้กับนางแทน

ทันใดนั้นจิ่วจิ่วจึงมองหลี่ฉางโซ่วด้วยความตื่นตกใจ

นางฝึกบำเพ็ญมาเกือบพันปีแล้ว และไม่เคยพบเรื่องไร้สาระเช่นนี้มาก่อน!

ผู้อาวุโสในสำนักมอบสมบัติให้แล้ว แต่ผู้เยาว์ยังจุกจิกช่างเลือก และมาขอให้นางช่วยไปถามท่านอาจารย์ว่า หากจะขอเปลี่ยนเวทสายฟ้าเป็นสูตรเพลิงสมาธิแท้ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากขึ้นในการหลอมโอสถจะได้หรือไม่!

แน่นอน หลี่ฉางโซ่วย่อมตระหนักดีว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการไม่เหมาะสม แต่อย่างแรกเพราะเขาเห็นว่า จิ่วจิ่วก็สนิทกับอาจารย์ของนาง และอย่างที่สองเขาก็ต้องการสูตรเพลิงสมาธิแท้มากกว่าสิ่งใด

หากเขาได้รับสูตรเพลิงสมาธิแท้ พลังของเขาย่อมจะพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างมาก

เพื่อสิ่งนี้ เขาจึงทำได้แค่ทำหนังหน้าให้หนาเข้าไว้

“ข้าต้องถูกอาจารย์ดุตายแน่ๆ!”

จิ่วจิ่วกลอกตาแล้วคว้าม้วนตำราหยกก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยโทสะ แต่กลับคืนสภาพมีท่าทางดีมีมารยาทเมื่อนางบินไปได้ครึ่งทาง

และในไม่ช้า จิ่วจิ่วก็กลับมาอย่างราบรื่นพร้อมด้วยม้วนตำราหยกสองม้วนที่ห่อเอาไว้ด้วยผ้าเช็ดหน้า แล้วโยนมันไปให้หลี่ฉางโซ่วในขณะที่คนอื่นๆ ไม่ทันได้สังเกตเห็น

ท่านอาจารย์ไม่รับคืนศาสตร์เวทสายฟ้าหลัวเทียนหยาง

และมีม้วนตำราหยกใหม่ที่มีสูตรเวทสลักอยู่ในนั้นซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับเวทสายฟ้านี้ มันถูกระบุเอาไว้ด้วยสามอักขระใหญ่ว่า เพลิงสมาธิแท้!

สูตรเพลิงสมาธิแท้จริงๆ!

หลังจากอ่านคำอธิบายในช่วงเริ่มต้นอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พบโครงร่างของการฝึกฝน ‘แก่นเพลิง’ ‘วิญญาณเพลิง’ และ ‘พลังเพลิง’ หลี่ฉางโซ่วพลันรู้สึกเต็มไปด้วยความพึงพอใจในทันที

ในที่สุดเขาก็ได้รับมันมาแล้ว การเดินทางเที่ยวนี้คุ้มค่าอย่างยิ่งจริงๆ

บางทีเหตุการณ์นี้อาจทำให้ปรมาจารย์หว่างฉิงมีความประทับใจที่ไม่ดีนักโดยคิดว่าเขาอาจเป็นคนโลภและไม่รู้จักพอ

แต่ก็ทุกอย่างก็คุ้มค่าอย่างยิ่งจริงๆ!

หลังจากกลับมาที่สำนักแล้ว เขาก็จะฝังตัวเงียบและพากเพียรฝึกบำเพ็ญอย่างหนักอยู่บนยอดเขาหยกน้อย

เขาจะไม่สนใจเรื่องภายนอกและมุ่งมั่นศึกษาสูตรเพลิงสมาธิแท้อย่างเต็มที่จริงๆ!

สูตรเพลิงสมาธิแท้ไม่ได้ใช้เพื่อทำร้ายศัตรูเท่านั้น

มันเป็นเปลวเพลิงแท้ประเภทหนึ่งที่ถ่ายทอดแพร่หลายไปอย่างกว้างขวางโดยสำนักเต๋า มันมีชื่อเสียงในด้านพลังอันยิ่งใหญ่และใช้เกณฑ์ระดับการฝึกฝนต่ำ อย่างไรก็ตามมันไม่ง่ายสำหรับเขาเลยที่จะได้รับสูตรเพลิงสมาธิแท้มาจริงๆ

เมื่อหลี่ฉางโซ่วประสบความสำเร็จในขั้นต้นกับสูตรเพลิงสมาธิแท้แล้ว เขาก็สามารถทำตามวิธีที่บันทึกไว้ในตำราโบราณและใช้สูตรเพลิงสมาธิแท้เพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณและร่างเต๋าของเขาได้ ด้วยวิธีนี้เขาก็จะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่อเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์!

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาก็เพียงต้องออกจากสำนักไปอีกครั้งเท่านั้น…เพื่อข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์!

หากเขาสามารถเอาชีวิตรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างราบรื่น เขาก็จะสามารถเก็บตัวและใช้ชีวิตยืนยาวอยู่บนยอดเขาได้ในอนาคต!

เขาใฝ่ฝันว่าจะสามารถให้อาหารปลา ปลูกดอกไม้ หลอมโอสถ และสร้างค่ายกล หากเบื่อหลี่ฉางโซ่วก็สามารถยั่วแหย่หยอกล้อศิษย์น้องหญิงของเขาได้ และเมื่อไม่มีอะไรทำเขาก็อาจไปทำงานเชิงอุดมการณ์เป็นเจ้าหน้าที่สำรองของศาลสวรรค์ได้…

บางทีนี่อาจเป็นชีวิตที่เขาใฝ่ฝันมากที่สุดในยามนี้

แล้วจะมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันหรือไม่

หลี่ฉางโซ่วเหลือบมองไปที่โหย่วฉินเสวียนหย่าซึ่งได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและอดที่จะเผยรอยยิ้มบางออกมาไม่ได้

หลังจากที่ศิษย์น้องตัวอันตรายโหย่วฉินเสวียนหย่ากลับไปที่สำนักแล้ว นางน่าจะได้รับความสนใจสูงสุดจากสำนักมากที่สุด ซึ่งความสนใจประเภทนี้ย่อมจะกลายเป็นพันธนาการที่จำกัดการเคลื่อนไหวของนางในระดับหนึ่ง

ตราบใดที่หลี่ฉางโซ่วจัดการกับอาจารย์ลุงจิ่วอูได้ ก็จะไม่มีทางเกิดปัญหาใดในภายหลัง และจากนั้นยอดเขาหยกน้อยก็จะฟื้นคืนสู่ความสงบสุขตามปกติเฉกเช่นในอดีตอย่างแน่นอน!

ส่วนอาจารย์อาจิ่วจิ่ว นับว่าเป็นเรื่องดีที่แม้ว่านางจะมาบ่อยๆ ก็ตาม หลังจากการบรรลุสู่เซียนแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็จะผลิตโอสถพิเศษบางชนิดและวางค่ายกลที่ทรงพลังบางอย่าง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็สามารถอนุมานว่าอาจารย์อาจิ่วจิ่วเป็นผู้ช่วยเหลือ…

“เจ้าคิดอันใดอยู่” จิ่วจิ่วพึมพำกระซิบกระซาบจากทางด้านข้างก่อนที่นางจะทำริมฝีปากยื่น “แค่มองแวบเดียวข้าก็รู้ว่าเจ้าไม่ค่อยสบายใจ”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านแก้ผลึกลูกบาศก์อมตะหกสีได้หรือไม่”

จิ่วจิ่วยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วโยนผลึกลูกบาศก์อมตะหกสีที่แต่ละด้านของมันกลับคืนมาเป็นสีเดียวกันทั้งหมดก่อนจะตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “ข้าพบวิธีจัดการมันได้ค่อนข้างง่าย ดังนั้นเจ้าต้องให้ของสนุกๆ อย่างอื่นกับข้าอีก”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและพยักหน้าพลางหยิบผลึกลูกบาศก์อมตะห้าด้านออกมาแล้วยื่นให้จิ่วจิ่วแทน

จิ่วจิ่วมองไปยังผลึกลูกบาศก์ที่ตระการตาและสีของมัน หน้าผากของนางมืดทะมึนขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นนางก็รีบนั่งสมาธิ และฝึกฝนอย่างจริงจังด้วยความรวดเร็ว

…….

ขณะนี้ในส่วนลึกลงไปในทะเลบูรพา มีวังผลึกแก้วที่ก้นมหาสมุทรซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกล และได้รับการคุ้มกันดูแลอย่างแน่นหนาจากเหล่าทหารเล็กๆ ทั้งทหารกุ้งและแม่ทัพปู รวมถึงกองทหารมังกรวารี

ณ ที่แห่งนั้น ยังคงมีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการสิ้นสุดของงานชุมนุมกวาดล้างปีศาจที่ประสบความสำเร็จและจบลงอย่างราบรื่น

เหล่าปรมาจารย์ในวังมังกรล้วนเฝ้าชมดูอย่างสบายใจในขณะที่ศิษย์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดจากสำนักเซียนในดินแดนเทวะบูรพาต่อสู้กันไปมาเพื่อแย่งชิงสมบัติและอาวุธเวทสองสามชิ้นที่วังมังกรของพวกเขาขว้างออกไป

ดูเหมือนว่าราชามังกรจะนั่งเมาอยู่บนบัลลังก์ที่แกะสลักจากปะการังผลึกแก้ว เขาเอนกายพิงเบาะนุ่มที่สร้างขึ้นจากไหมทองเก้าปีกที่เปล่งประกายเจิดจ้า ซึ่งจะถูกเปลี่ยนทุกเดือน โดยมีสตรีงดงามสองสามคนอยู่เคียงข้างในขณะที่พวกนางเหล่านี้ค่อยๆ ปรนนิบัติพัดวีให้ราชามังกรและนวดไหล่ หลัง รวมถึงแขนขามังกรของเขา

เกิดเป็นมังกรนั้นช่างน่าเบื่อ สุขสบาย และไร้ชีวิตชีวาอย่างยิ่ง

เสนาบดีฝ่ายกิจการพลเรือนและการทหารแห่งวังมังกรดื่มสุราจอกแล้วจอกเล่า ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็นในการต่อสู้ของบรรดาศิษย์เผ่าพันธุ์มนุษย์

ภายนอกโถงตำหนักนั้น มีมังกรหนุ่มน้อยที่เพิ่งตื่นขึ้นมาเป็นเวลาครึ่งวัน กำลังก้าวขึ้นบันไดด้วยสายตามุ่งมั่น

เขาคือ อ๋าวอี่ องค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลบูรพา ผู้ที่กำลังจะก่อการใหญ่…อีกครั้ง!

……………………………………………………………………