ตอนที่ 43.1 ตราบใดที่หนังหน้าของเจ้ายังหนาพอ (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ในขณะนี้หมู่เมฆขาวล่องลอยเอ้อระเหยอยู่เหนือทะเลสีคราม

เฉกเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่พวกเขาเดินทางมาถึงทะเลบูรพา เวลานี้เมฆขาวขนาดใหญ่ซึ่งรองรับบรรดาเซียนเสิ่นจำนวนสิบหกคนและเหล่าศิษย์จำนวนสิบเอ็ดคน ได้ล่องลอยไปทางประตูทิศตะวันตกเฉียงเหนือในขณะที่มีเซียนเทียนสองสามคนกำลังเฝ้าปกป้องพวกเขาอยู่ทางด้านบนในทั่วทั้งสี่ทิศทาง

กลุ่มที่บินนำหน้าออกไปก่อนได้ทิ้งกลุ่มเมฆขาวขนาดใหญ่เอาไว้เบื้องหลัง เส้นทางเดินของเมฆนั้นกว้างใหญ่มากและดูเหมือนจะไม่พลุกพล่านและแออัดเลย

นี่เป็นวันที่สามหลังจากการต่อสู้ ‘บ้าบอ’ ระหว่างหลี่ฉางโซ่วและอ๋าวอี่ โดยที่งานชุมนุมกวาดล้างปีศาจได้สำเร็จลงด้วยดีเช่นกัน

บัดนี้ผู้นำกลุ่มจอมปลอมหลี่ฉางโซ่ว กำลังนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง ในเวลานี้ก็นับว่าเขาได้ถอนตัวออกจากเกียรตินั้นแล้ว จึงไม่มีผู้ใดสนใจเขาอีกต่อไป

ในขณะที่ผู้นำกลุ่มตัวจริงโหย่วฉินเสวียนหย่า นางได้รับชื่อเสียงโด่งดังเนื่องจากผลงานอันยอดเยี่ยมในงานชุมนุม ที่นางสามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญสามสิบหกคนและปรมาจารย์เผ่ามังกรอีกสี่คนติดต่อกันได้ เวลานี้นางจึงถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลางก้อนเมฆขาวนั้น

บรรดาคู่ต่อสู้ของโหย่วฉินเสวียนหย่าในวันนั้น รวมถึงปรมาจารย์เผ่ามังกรทั้งสี่คนนั้น มีเจ็ดถึงแปดคนที่อยู่ในขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถีขั้นหนึ่งหรือขั้นสอง ในขณะที่การฝึกบำเพ็ญของนางอยู่ในขอบเขตคืนกลับอนัตตาขั้นแปด นางได้อาศัยจิตใจมุ่งมั่นแน่วแน่และการผสานเคล็ดวิชาอันเหมาะสมอย่างชาญฉลาดที่สั่งสมมาจากการพากเพียรฝึกฝนอย่างหนัก

นอกจากนี้พลังและระดับคุณภาพของชุดกระบี่บินของนางยังเหนือกว่าสมบัติเซียนทั่วไป มันเคยผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาหลายครั้งและทำลายล้างจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกมาอย่างต่อเนื่อง

พลังผลักดันที่สนับสนุนความพากเพียรของนางนั้น หาใช่สมบัติเซียนทั้งสี่ชิ้นของวังมังกรไม่

ภายใต้สายตาของทุกคน นางได้วางสมบัติเซียนทั้งสี่เอาไว้เบื้องหน้าศิษย์พี่ของนางซึ่งถูกเผ่าพันธุ์มังกรรังแกจนอับอายขายหน้าเมื่อก่อนหน้านี้ จากนั้นนางจึงเดินกลับไปนั่งยังที่นั่งของนางและนั่งขัดสมาธิซึ่งคล้ายกับเป็นการให้คำตอบที่กระจ่างชัดเจนแก่ทุกคน

นางไม่ได้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติและอาวุธเวทเหล่านั้น! แต่มุ่งมั่นเพื่อปณิธานอันแน่วแน่ของนาง!

‘ข้าเป็นศิษย์สำนักตู้เซียนซึ่งไม่ใช่ผู้ที่จะถูกคนอื่นรังแกกันได้โดยง่าย! และศิษย์พี่ร่วมสำนักของข้าก็ย่อมไม่ใช่ผู้ที่ทุกคนจะมารังแกได้เช่นกัน!’

ในเวลานั้นดวงตาของท่านอาจารย์อาสตรีและอาจารย์ป้าสตรีสองสามคนพลันแดงก่ำด้วยอารมณ์อ่อนไหวทันที

หากหลี่ฉางโซ่วไม่ใช่ผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ เขาย่อมจะยกนิ้วให้โหย่วฉินเสวียนหย่า และกล่าวว่า ‘เยี่ยมมาก’ อย่างแน่นอน

แต่เขาดันเป็น ‘ผู้โชคดี’ ที่ถูกเผ่าพันธุ์มังกรรังแกและได้รับการปกป้องคุ้มครองจากศิษย์น้องหญิงของเขา และในที่สุดเขาก็กลายเป็นผู้โชคดีที่ได้รับสมบัติเซียนทั้งสี่ชิ้นนี้มาอย่างไม่มีเหตุผล…

มันช่างน่ากระดากใจจริงๆ

สมบัติเซียนทั้งสี่นี้เปรียบเสมือนของร้อนสี่ชิ้น โชคดีที่หลี่ฉางโซ่วตอบสนองได้ทันท่วงทีโดยขอให้อาจารย์อาจิ่วจิ่วซึ่งเป็นสายสืบทอดโดยตรงของยอดเขาพิชิตสวรรค์ช่วยนำพวกมันออกไปชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย และหลังจากกลับไปที่สำนักแล้วก็มอบพวกมันให้กับท่านอาจารย์ของโหย่วฉินเสวียนหย่า อาจารย์ป้าเจียงจิ่งซาน

นั่นย่อมถือว่าเป็นการจัดการอย่างเหมาะสมซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามการได้รับการปกป้องและความช่วยเหลือจากใครสักคน ที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเขาเองนั้น ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างแปลก…

หลี่ฉางโซ่วรู้สึกได้ว่าเขาได้รับประโยชน์บางอย่างจากการเดินทางไปทะเลบูรพาในครั้งนี้

ในสองวันต่อมา การแข่งขันระหว่างผู้บำเพ็ญในรุ่นเดียวกันก็ทำให้เขาเปิดหูเปิดตาและสามารถขยายความคิดเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้ของเขาได้

ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ล้วนมาจากสำนักเซียนต่างๆ ซึ่งมีหลักการฝึกฝนที่แตกต่างกันไป แม้พวกเขาจะอิงจากกฎเต๋าหยิน-หยางห้าธาตุเป็นหลัก แต่ก็มีรูปแบบที่แตกต่างและการผสมผสานกันที่ซับซ้อนมากมาย

หลี่ฉางโซ่วเฝ้าดูอยู่ด้านข้างเป็นเวลาสองวัน และได้เรียนรู้ ‘เคล็ดลับ’ เล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งจะช่วยเสริมการกำหนดยุทธวิธีสำหรับตุ๊กตากระดาษ

การขยายขอบเขตเพิ่มพูนความรู้และการปรับปรุงประสบการณ์ของเขาก็เป็นการฝึกบำเพ็ญรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

เนื่องจากการโจมตีของโหย่วฉินเสวียนหย่า จึงส่งผลให้สำนักตู้เซียนกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงานชุมนุมครั้งนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่นำสมบัติและอาวุธเวทไปได้ถึงหนึ่งในสามเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของสำนักยังโด่งดังเป็นที่เลื่องลือไปไกลขึ้นอีกมาก

ในระหว่างพิธีเปิดสำนักรับศิษย์ครั้งต่อไป บางทีพวกเขาอาจจะสามารถคัดเลือกเมล็ดพันธุ์เซียนสักสองสามคนด้วยเหตุนี้ก็ได้…

หลังจากโหย่วฉินเสวียนหย่าลงจากเวทีแล้ว แม้ว่าศิษย์อาวุโสในรุ่นราวคราวเดียวกับนางและหลี่ฉางโซ่วจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยเช่นกัน แต่สถิติที่ดีที่สุดของพวกเขาก็คือ เอาชนะได้รวดเดียวเพียงเจ็ดครั้งติดต่อกันเท่านั้น

ศิษย์พี่ที่บอกว่าเขาต้องการระบายความโกรธให้หลี่ฉางโซ่ว ก็ยังสามารถเอาชนะการต่อสู้ได้เพียงสามในสี่ครั้ง และไม่อาจมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับมังกรหนุ่มที่เหลืออยู่ได้

หลังจากออกจากพื้นที่ของทะเลบูรพาแล้ว จิ่วจิ่วก็กลับมาเป็นเซียนที่ประพฤติตนดี ทันใดนั้นนางก็ได้รับข้อความเสียงมาจากทางด้านบน

นางรีบเหินขึ้นไปบนอากาศ ขึ้นไปบนเมฆแล้วเดินไปยืนเคียงข้างอาจารย์ของนาง ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หว่างฉิง

ในไม่ช้าจิ่วจิ่วก็บินลงจากท้องฟ้าพร้อมใบหน้างดงามที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นนางก็บินกลับมายังเมฆขาวที่กลุ่มหลักนั่งอยู่ แล้วหยิบขวดโอสถมาวางไว้ข้างๆ โหย่วฉินเสวียนหย่า

ก่อนหน้านั้นโหย่วฉินเสวียนหย่าได้ใช้พลังงานมากเกินไป และนั่งสมาธิบำเพ็ญมาตั้งแต่การต่อสู้ครั้งใหญ่ของนางสิ้นสุดเมื่อสองวันก่อน

จากนั้นจิ่วจิ่วก็เดินไปหาหลี่ฉางโซ่วแล้วเอียงศีรษะมองเขาก่อนจะพึมพำออกมาว่า “แปลกจริงเหตุใดอาจารย์ของข้าถึงยกย่องเจ้ามากกว่าเสวียนหย่าอีกนะ”

หลี่ฉางโซ่วจึงอดที่จะกังวลไม่ได้

หรือว่าปรมาจารย์หว่างฉิงมองเห็นฐานพลังที่แท้จริงของเขาแล้ว?

ไม่ ไม่ถูกต้อง หากเป็นเช่นนี้ ท่านก็น่าจะตำหนิเขาที่ไม่คว้าชัยในการประลองเพื่อเกียรติของสำนักของพวกเขา แทนที่จะยกย่องโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้

“นี่ นี่ของเจ้า รางวัลจากอาจารย์ของข้าที่มอบให้เจ้า ซึ่งไม่ถือว่าเป็นรางวัลจากสำนัก”

จิ่วจิ่วโยนม้วนตำราหยกลงไป จากนั้นก็ลงนั่งขัดสมาธิห่างจากหลี่ฉางโซ่วสามฉื่อ

ในขณะนั้นมีศิษย์สองสามคนต่างพากันเงี่ยหูฟังว่าเกิดอันใดขึ้น

การที่โหย่วฉินเสวียนหย่าได้รับโอสถเป็นรางวัลจากปรมาจารย์หว่างฉิง แน่นอนว่าไม่มีอันใดต้องกล่าวถึง แต่หลี่ฉางโซ่วเพียงต่อสู้และพ่ายแพ้ครั้งเดียวนั้น เขาจะได้รับรางวัลด้วยได้อย่างไรกัน

ในม้วนตำราหยกนั้นน่าจะมีวิธีฝึกบำเพ็ญเซียนระดับสูงบางอย่างอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะอย่างไรเสีย มันก็เป็นรางวัลส่วนตัวที่ปรมาจารย์หว่างฉิงมอบให้เอง

จิ่วจิ่วพลันฉีกยิ้มและแสร้งทำเป็นเคร่งขรึมพลางกระแอมในลำคอ แล้วกล่าวออกมาว่า “ท่านอาจารย์บอกว่า เมื่อเผชิญหน้ากับองค์ชายแห่งวังมังกร เจ้าจัดการเขาได้ดีมาก

“องค์ชายรองแห่งวังมังกรเต็มไปด้วยอุบายชั่วร้าย เขาน่าจะจงใจปล่อยให้เจ้าทำร้ายเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า จากนั้นก็จะทำให้วังมังกรสามารถฉวยโอกาสจัดการสำนักตู้เซียนของเราได้…

ท่านอาจารย์กล่าวว่า หากเจ้าไม่เห็นมันตั้งแต่เนิ่นๆ ทันเวลาและใช้กลอุบายหลอกลวงในการรีบยอมรับความพ่ายแพ้ก่อน คราวนี้บางทีพวกเราอาจไม่สามารถกลับไปที่สำนักได้

ท่านอาจารย์ยังกล่าวอีกว่า ศิษย์พี่ห้าพูดถึงเจ้ากับท่านมาสองสามครั้งแล้ว โดยบอกว่าเจ้าเป็นคนมีความคิดรอบคอบ และเชื่อถือได้ในการจัดการและดำเนินการเรื่องต่างๆ…

และเขาไม่ได้ขอให้เลือกคนผิดมาเป็นผู้นำกลุ่มศิษย์ในครั้งนี้จริงๆ”

ทันใดนั้นหินก้อนใหญ่พลันตกลงไปในหัวใจของหลี่ฉางโซ่วอย่างกะทันหัน

ปรมาจารย์หว่างฉิง…

อันที่จริงได้มองทะลุปรุโปร่งถึงแผนการของวังมังกรทั้งหมดแล้ว!

เป็นดังคาดว่าเขาย่อมมีมุมมองสูงส่งและวิสัยทัศน์แห่งเซียนเทียน มันแตกต่างจากการมองเห็นของคนตัวเล็กๆ เหล่านี้มาก!

……………………………………………