ข้อได้เปรียบของเรือเหาะก็คือ การไม่ต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศ

 

 ไม่จำเป็นต้องหาทางอ้อมภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ อาจต้องคำนึงสภาพภูมิอากาศอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เท่าความลำบากในการเดินทางบนบกด้วยรถเลื่อน

 

 ราชวังไลแคนโทรปอยู่ใจกลางเขตแดน จากป่าแมงมุมไปยังราชวังต้องผ่านอาณาเขตร่วมครึ่งหนึ่ง

 

 การเดินทางบนบกกินเวลาร่วมสิบวัน เรือเหาะสามารถร่นระยะเวลานี้ลงได้มาก

 

 ซีพิร่าผู้เป็นหัวหน้ากองและต้นหนเรือคำนวณได้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาราวสองถึงสามวัน

 

 พวกเขาจึงตัดสินใจใช้เวลานี้ทำบางสิ่ง

 

 อมิตาภาอยู่ในอ้อมกอดของดาฟเน่ราวกับเป็นเรื่องปกติ เจ้าแรคคูนเรียกรวมตัวสมาชิกคณะเดินทางทั้งหมดที่ห้องโถงใหญ่ของเรือเหาะ

 

“เอาละฮะ ตอนนี้การเตรียมพร้อมก็เสร็จไปคร่าวๆแล้วฮะ อมิตาภาจะเก็บรายการสั่งของแต่ละคนฮะ”

 

 หากอ้างอิงจากสีหน้าของมนุษย์แล้ว ใบหน้าของอมิตาภาตอนนี้เป็นของผู้ที่ไม่อยากจะทำงาน แต่ก็รับงานมาอย่างจำใจ

 

“บอกอมิตาภามาฮะ ว่าอยากได้อะไรยังไงบ้างฮะ”

 

 ดาฟเน่เกาหัวอมิตาภาอย่างเอ็นดูพลางตอบขึ้นเป็นบุคคลแรก

 

“ฉันอยากได้ชุดป้องกัน อย่างที่คุยกันไว้”

 

“เข้าใจแล้วฮะ อมิตาภาจะถักชุดคลุมต่อต้านเวทมนตร์ให้ฮะ”

 

 อมิตาภาผงกหัวตอบ ดูเหมือนทั้งสองจะได้คุยตกลงกันไว้ก่อนแล้วถึงอุปกรณ์ที่ดาฟเน่ต้องการ

 

 คารัคกระพริบตาอย่างเหลือเชื่อแล้วพูดโพล่งขึ้น

 

“เอ่อ? แรคคูนทำเรื่องแบบนั้นได้ด้วยหรือ? ดูยากที่จะถักทอด้วยมือแบบนั้น?”

 

“มีข้อข้องใจอะไรฮะ? ทำไมฮะ? ไม่พอใจหรือยังไงฮะ?”

 

 อมิตาภาบ่นคารัค ทุกสายตาจับจ้องไปยังมือแรคคูนพลางจินตนาการ ภาพเจ้าแรคคูนตัวน้อยถักทอเสื้อด้วยมือคู่นั้นช่างน่าเอ็นดู

 

 แน่นอนว่าคารัคก็นึกถึงภาพนั้น แต่มันเลือกที่จะเลิกตอแย

 

“เปล่า แค่แรคคูนมีความสามารถอันเหลือเชื่อ”

 

“ชิ”

 

 อมิตาภาส่งเสียงอย่างไม่พอใจ แต่มันก็ไม่รังเกียจคำชม

 

“งั้นรายการต่อไปเลยฮะ เซเทอร์อยากได้อะไรฮะ”

 

 กัมมะจ้องมองอมิตาภาครู่หนึ่งก่อนจะตอบ

 

“ข้าขอเป็นชุดป้องกันเช่นกัน”

 

 เนื่องจากนางไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้หรือเจรจาใดใดทำให้นางลังเล

 

 อมิตาภามองสำรวจกัมมะชั่วขณะ

 

“เซเทอร์เน้นการเคลื่อนไหวรวดเร็วฮะ อมิตาภาจะทำเป็นเกราะเบาให้ฮะ เอาละคนต่อไปฮะ”

 

 อมิตาภาหันไปมองเซร่า ก่อนจะได้รับคำตอบอันขึงขัง

 

“ข้าต้องการเกราะที่สามารถคงรูปได้แม้ขณะแปลงกาย”

 

“อืมมม ชุดเกราะที่เปลี่ยนรูปร่างได้ฮะ น้ำหนักของเกราะจะขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ แต่นั่นก็ทำให้พลังป้องกันของเกราะสูงมากขึ้นไปด้วย ต้องการแบบนั้นใช่มั้ยฮะ”

 

“เรื่องน้ำหนักไม่เป็นปัญหา อย่างไรเสียข้าก็คงใช้มันในขณะแปลงกาย สิ่งสำคัญก็คือข้าเป็นนักรบผู้ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ”

 

“เข้าใจแล้วฮะ ที่นี้ก็… แก?”

 

 ถ้อยคำของอมิตาภาเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน นั่นเพราะเป้าหมายคือคารัค

 

 คารัคเกาคางแล้วแสยะยิ้ม

 

“ชุดเกราะเช่นกัน”

 

 กัมมะ เซร่า แล้วตามด้วยคารัค นี่เป็นการสั่งชุดเกราะสามรายการติดต่อกัน หากรวมถึงชุดคลุมของดาฟเน่ด้วยแล้ว รายการทั้งหมดในตอนนี้เป็นชุดป้องกันทั้งสิ้น

 

 อมิตาภากระโดดลงจากแขนของดาฟเน่พลางใช้หางทุบพื้น

 

“ทำไมถึงมีแต่ชุดเกราะฮะ? นี่มันมากไปแล้วนะฮะ? เกราะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด หรือว่ากำลังจะลองภูมิกับอมิตาภาอยู่ฮะ?”

 

 แน่นอนว่าอุปกรณ์ชิ้นที่ใหญ่ที่สุดก็คือเครื่องป้องกัน

 

 คารัคโบกปัดพร้อมส่ายหน้าราวกับทั้งหมดเป็นเพียงการเข้าใจผิด

 

“เกราะเป็นสิ่งสำคัญ ใครบ้างละที่ไม่ต้องการอุปกรณ์ช่วยชีวิตอันแข็งแกร่งจากสุดยอดช่างฝีมือ? ยิ่งกว่านั้นทั้งกัมมะ เซร่า และตัวข้าต่างก็เป็นองครักษ์ของเจ้าหญิงเจ้าชาย พวกเราต้องคำนึงเผื่อสถานการณ์อันเลวร้ายไว้เสมอ นั่นทำให้พวกเราต้องการชุดเกราะที่สามารถพึ่งพาได้ในทุกสถานการณ์”

 

 ตรรกะอันน่าทึ่งหลุดมาจากปากเจ้าออร์คอีกครั้ง

 

 อมิตาภาได้แต่อ้าปากค้างหาข้อถกเถียง ก่อนจะกำหมัดถอนหายใจยอมแพ้ ซีพิร่าผู้อยู่ข้างซิลวานบริเวณมุมห้องจดจ้องเจ้าออร์คอย่างเหลือเชื่อ

 

 เดเลียรับรู้ถึงสายตาของนางก่อนจะขยับตัวเข้าบดบัง อมิตาภากระโดดเข้าอ้อมแขนของดาฟเน่อีกครั้งแล้วหันมาทางเดเลีย

 ไม่อยากได้คู่แข่งเพิ่มสินะ

 

“เอลฟ์รัตติกาลละฮะ? ชุดเกราะเหมือนกันสินะฮะ?”

 

 เดเลียก็เป็นองครักษ์ส่วนตัวเช่นเดียวกับคารัคและเซร่า

 

 ทว่านางกลับสายหน้า

 

“อมิตาภา ข้าอยากได้โล่ที่เบาและกระทัดรัด แต่ต้องแข็งแรงทนทาน สามารถใช้ป้องกันได้รอบด้าน”

 

 ชุดของเอลฟ์รัตติกาลปกปิดร่างกายเพียงบางส่วนเท่านั้น ข้อนี้รวมไปถึงชุดรบ และชุดเกราะที่ปกปิดเพียงบางส่วนไม่สามารถช่วยป้องกันอะไรได้มาก กลับกันว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะเป็นภาระเสียมากกว่า นางจึงต้องการโล่ที่สามารถใช้ได้อย่างรวดเร็วและทนทาน

 

 รายการของเดเลียทำให้สมาชิกทั้งหมดหันไปมองอมิตาภาอย่างหวั่นเกรง นั่นเพราะรายการนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะขัดแย้งในตัวเอง พวกเขากลัวว่าอมิตาภาจะฉุนเฉียวอีกครั้ง

 

 โล่ที่เล็กและเบา แต่ในขณะเดียวกันต้องทนทานและสามารถใช้ป้องกันได้อย่างรัดกุม โล่แบบนี้จะสามารถสร้างได้ด้วยหรือ?

 

“โล่สินะฮะ ถึงจะใช้สำหรับป้องกันแต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ชุดเกราะฮะ ไม่มีปัญหาฮะ”

 

 ทว่าดูเหมือนสิ่งนี้จะไม่เกินความสามารถของอมิตาภา

 

 เมื่อเห็นอมิตาภาพยักหน้า เดเลียจึงกลับไปยังตำแหน่งเดิมของนางอย่างพอใจ

 

 หลังจากรับรายการจากเหล่าผู้ติดตามเสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นเหล่าทายาท

 

 อมิตาภาหันไปทางเคทลิน

 

“เจ้าหญิงสุดยอดอยากได้อะไรฮะ?”

 

“เอ่อ… อืม… ”

 

 เคทลินขบฟันใช้ความคิด นั่นเพราะนางไม่สามารถตัดสินใจเด็ดขาดได้ระหว่างชุดเกราะหรือถุงมือ

 

 เคทลินเติบโตขึ้นท่ามกลางเหล่าไลแคนโทรปทำให้นางไม่เคยคำนึงถึงเรื่องอาวุธมาก่อน หรือก็คือนางไม่เคยคาดคิดว่าจะมีอาวุธสำหรับนักรบผู้ใช้กำปั้น

 

 ทว่าหลังจากที่นางเห็นอินกองใช้พสุธากัมปนาท นางก็อยากได้ถุงมือที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้เช่นกัน แต่นั่นจะตัดตัวเลือกชุดเกราะของนางออกไป

 

 ระหว่างที่เคทลินครุ่นคิด อมิตาภาก็เริ่มส่ายหางอย่างหมดความอดทน

 

 ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มคุกรุ่น อินกองก็ดึงตัวเคทลินเข้ามากระซิบ

 

“ขอเกราะเลยครับ เดี๋ยวผมแบ่งถุงมือในส่วนของผมให้นูนะเอง”

 

 ดวงโตของเคทลินลุกโพลงในทันที

 

“จริงนะ? ไม่เป็นไรแน่นะ?”

 

 คำตอบจากเคทลินไม่ใช่เสียงกระซิบ นั่นทำให้ทั้งหมดสงสัยว่าอินกองบอกอะไรนาง

 

“แน่นอน ไม่มีปัญหาครับ”

 

 อย่างไรเสียอินกองก็จะได้รับอุปกรณ์ครบชุดจากอมิตาภา

 

 แน่นอนอุปกรณ์ครบชุดที่ว่านับรวมถุงมือและโล่ด้วย อินกองมีพสุธากัมปนาทและโล่ชีวาตม์อยู่แล้วย่อมไม่ต้องใช้โล่และถุงมืออื่น

 

 ถุงมือส่งให้เคทลิน และโล่ส่งไปยังคารัค

 

 นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คารัคเลือกชุดเกราะอย่างไม่ลังเล

 

 ขอเสนอจากอินกองทำให้เคทลินหยุดลังเล นางยิ้มขึ้นแล้วสั่งรายการ

 

“ฉันขอชุดเกราะเช่นกัน เบาและทนทาน”

 

 รายการเครื่องป้องกันเพิ่มขึ้นเป็นหก อมิตาภาหางตกถอนหายใจ

 

“อมิตาภาคงต้องเปลี่ยนอาชีพเป็นช่างตีเกราะสินะฮะ ถึงจะจำใจแต่ว่ารับรายการมาแล้วอมิตาภาก็จะทำให้ฮะ”

 

 อมิตาภาผู้ยอมแพ้ต่อโชคชะตาหันไปทางเฟลิซี

 

“แล้วองค์หญิงละฮะ? ชุดเกราะสินะฮะ?”

 

 แม้อมิตาภาจะเอ่ย ‘ชุดเกราะ’ ออกมา แต่ในแววตายังมีความหวัง นั่นเพราะเฟลิซีเป็นเผ่าเอลฟ์รัตติกาลเช่นเดียวกับเดเลีย

 

 ชุดของนางในตอนนี้เป็นในลักษณะปกติของเอลฟ์รัตติกาล เปลือยท้องเปลือยไหล่

 

 เฟลิซีจ้องมองดวงตาอันเต็มไปด้วยความหวังของอมิตาภา นางหยิบพัดขึ้นมาปิดหน้าพลางมองไปยังทิศอื่น

 

“ดาบ”

 

 ดาบ…

 

 ไม่ใช่อุปกรณ์ป้องกันแต่เป็นอาวุธ

 

“ฮะ? องค์หญิงเป็นจอมเวทไม่ใช่หรือฮะ?”

 

 อมิตาภาจ้องมองอย่างตกใจ เฟลิซีขยับพัดให้ปกปิดใบหน้านางมากขึ้น

 

“ฉันคงไม่ใช้มันหรอก ช่วยทำดาบให้ซิลวานด้วย”

 

“เฟลิซี?”

 

 ซิลวานอุทานออกมาอย่างตกใจ เฟลิซีหันไปจ้องมองเขาก่อนจะพึมพำออกมา

 

“ก็นะ ฉันเป็นจอมเวท ของอย่างอาวุธชุดเกราะไม่จำเป็นหรอก”

 

 แม้พัดจะสามารถปกปิดใบหน้าของนางไว้ แต่หูอันแดงก่ำทั้งสองของนางไม่อาจเล็ดลอดสายตาได้ ทั้งหมดได้แต่ยิ้มให้นางอย่างอบอุ่น

 

“ลิซซี่!”

 

 ซิลวานคว้าตัวเฟลิซีเข้ากอดอย่างตื้นตันใจ ทั้งสองเป็นฝาแฝดแต่กลับมีบุคลิกที่ต่างกัน เฟลิซีตะโกนร้องอย่างเขินอาย

 

“หยุดนะ! อยากให้ฉันเปลี่ยนรายการหรือยังไง?”

 

 ถึงจะพูดอย่างนั้น ใบหน้าของนางก็ยังคงแดงก่ำอยู่ดี ส่วนซิลวานก็หอมแก้มเฟลิซี

 

“รู้ใช่มั้ยว่าอปป้ารักลิซซี่ที่สุดเลย?”

 

“รู้แล้ว รู้แล้ว”

 

 เฟลิซีตอบอมยิ้ม ซิลวานหัวเราะออกมาอย่างยินดีที่สุด

 

 อมิตาภาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแก้มแทบปริ

 

“อมิตาภาก็รักองค์หญิงเหมือนกัน ในที่สุดก็มีอาวุธ!”

 

 รายการที่เจ็ดเป็นอาวุธ

 

 ถึงกระนั้นหนทางยังอีกยาวไกล อมิตาภาถอนหายใจมองไปยังผู้ที่จะทำให้จำนวนรายการสั่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

 

“ครบชุด… ชุดเกราะทั้งตัว โล่ แล้วก็หมวกเหล็กด้วยสินะฮะ?”

 

 อุปกรณ์ครบชุดยังรวมไปถึงเครื่องประดับเสริมพลังอย่างสร้อย แหวน ตุ้มหูด้วย

 

 อินกองแสยะยิ้มราวกับคารัคเข้าสิง

 

“แล้วก็ช่วยปรับแต่งพสุธากัมปนาทกับไวท์อีเกิ้ลด้วยครับ ขอบคุณครับ”

 

“แสงสุดท้าย… ”

 

 อมิตาภาโอดครวญนั่นเพราะแสงสุดท้ายอยู่ฝ่ายอินกอง ทีนี้ก็ถึงรายการสุดท้ายที่แท้จริง

 

“เจ้าแรคคูนพูดได้ ห้ามลืมเด็ดขาดว่าข้ายังไม่ได้สั่งของ”

 

 กรีนวินด์ปรากฏกายขึ้นข้างอินกอง อมิตาภาเงยหน้าขึ้นมองนางอย่างหมดเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรน

 

“ต้องการอะไรฮะ?”

 

“ข้าอยากได้บางสิ่งที่สามารถช่วยนายท่านได้ นั่นเพราะข้าเป็นของนายท่านและนายท่านก็เป็นของข้า นายท่านอยากได้อะไร?”

 

 เป็นคำพูดที่น่ายินดีสำหรับอินกอง แต่เปรี่ยบเสมือนฝันร้ายของอมิตาภา สมกับเป็นเจ้านายของเจ้าออร์ค ทั้งเจ้านายและผู้พิทักษ์ต่างชั่วร้าย

 

 อินกองยิ้มแล้วลูบหัวกรีนวินด์

 

“ผมอยากได้รายการที่พิเศษหน่อย มันเกี่ยวกับการปรับแต่งพสุธากัมปนาทกับไวท์อีเกิ้ล เพราะงั้นขอใช้เวลาคิดอีกนิด”

 

“อย่างที่นายท่านบอก”

 

 กรีนวินด์ส่งยิ้มให้กับอมิตาภาที่ผงกหัวรับคำ

 

“ถ้าอย่างนั้นไว้อมิตาภาถามอีกทีฮะ แล้วก็… เตาหลอมของเรือเหาะนี่ดูไม่เลวเท่าไรฮะ เพราะงั้นอมิตาภาจะเริ่มงานเลยฮะ ทีนี้ องค์ชายฉัตร”

 

อมิตาภาหันมาชี้อินกอง

 

“ที่คฤหาสน์องค์ชายมีเตาหลอมใช่มั้ยฮะ?”

 

“แน่นอนครับ”

 

 อันที่จริงแล้วที่คฤหาสน์ไม่มีเตาหลอมหรือโรงเหล็กอะไรทั้งนั้น แต่อินกองมีความดีความชอบมากพอที่เขาจะสามารถต่อเติมเสริมได้

 

 หลังจากที่รับรายการทั้งหมด อมิตาภาใช้มือกุมขมับครวญคราง

 

“ทาสฮะ นี่มันแรงงานทาสชัดๆเลยฮะ ปกติตีของแค่ปีละครั้งเองนะฮะ ไม่เคยต้องทำอะไรเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยนะฮะ”

 

“ฉันจะเป็นกำลังใจให้นะอมิตาภา”

 

 ดาฟเน่กอดปลอบแรคคูนน้อยผู้พ่ายแพ้ต่อโชคชะตาอันโหดร้าย

 

&

 

 ระยะเวลาสิบวันอาจเรียกได้ว่าทั้งยาวและสั้น

 

 แน่นอนที่สุดว่าอมิตาภาใช้เวลาที่เหลือทำงานที่ได้รับมอบหมาย

 

 ด้วยความสามารถของต้นหนซีพิร่า พวกเขาเดินทางถึงราชวังไลแคนโทรปในเวลาสองวัน

 

 ถึงแม้ในโลกมารจะมีเวทมนตร์อยู่มากมายหลายแขนง เรือเหาะอย่างเพลิงมังกรทมิฬก็ยังถือว่าเป็นเอกลักษณ์

 

 ใบเรือของมันสามารถเห็นและจำแนกบ่งบอกได้อย่างชัดเจนจากระยะไกล

 

 พวกไลแคนโทรปจึงติดต่อสื่อสารส่งข่าวกันเป็นที่เรียบร้อย

 

 จุดลงจอดของเรือเหาะก็คือบริเวณที่ลุ่มถัดจากราชวังไลแคนโทรป

 

 เรือเหาะเป็นสิ่งหายากสำหรับไลแคนโทรป พวกเขาจึงไม่มีสถานที่ลงจอดอย่างชัดเจน การจะให้ลงจอดในสวนของราชวังก็จะทำให้ทิวทัศน์เสียหาย

 

 นอกจากเคทลินและเซร่าที่เรียกได้ว่ากลับบ้าน คณะเดินทางตนอื่นต่างตื่นตัว

 

 นั่นเพราะที่นี่ไม่ใช่วังจอมมารอันคุ้นเคย แต่เป็นราชวังของราชินีลำดับที่สี่

 

 ทั้งเฟลิซีและซิลวานที่เป็นทายาทจากราชินีลำดับที่สามยิ่งตื่นตระหนก

 

 และแล้วเรือเหาะก็ลงจอด

 

 ลูกเรือทอดบันไดเทียบท่า

 

 อินกองมองชำเลืองคณะต้อนรับที่ตั้งแถวรอ องครักษ์หลวงของไลแคนโทรปราวยี่สิบตนนำขบวนโดยลุดวิก

 

 เมื่อทอดสายตาเลยไปเล็กน้อยอินกองก็พบกับอีกสายตา อินกองรับรู้สายตาคู่นั้นได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

 

 ราชินีเอเลน มูนไลท์แห่งเผ่าไลแคนโทรป

 

 รูปร่างที่ดูคล้ายคลึงกับเคทลิน แต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง

 

 เอเลนยืนอยู่ท่ามกลางกองพลโลหิต นางหัวเราะรับรู้ถึงสายตาของอินกอง

 

 อินกองหัวเราะแห้งแห้งออกมา ถัดจากเอเลนก็คือคริสต์ ตามด้วยปรมาจารย์ของไลแคนโทรป

 

 สายตาจ้องมองของเอเลนเป็นดั่งคำถาม

 

‘เจ้าเตรียมคำตอบมาแล้วหรือไม่?’

 

 สายตาที่ย้ำหาคำตอบจากข้อเสนอที่นางได้มอบให้ในการพบปะคราวที่แล้ว

 

 อินกองก้าวเดินลงบันไดจากเรือเหาะ ถึงเวลาแล้วสำหรับคำตอบที่นางถามหา