บทที่ 69 ล็อคคอหญิงสาว(ต้น)
หลังจากค้นหาบนเตียงแล้ว ซูอัน ก็หันความสนใจ
ไปที่ลิ้นชักข้าง ๆ และเมื่อเขาเปิดชั้นหนึ่งในนั้นเขาก็พบว่ามันเต็มไปด้วยชุดสวยงามมากมาย ชุดเหล่านี้แต่ละชุดทำจากวัสดุที่เรียบลื่นและนุ่มสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ
แถมลวดลายที่ปักยังประณีตงดงามอีกต่างหาก
ต่อมาซูอันเปิดลิ้นชักที่สอง—เสื้อผ้าเหมือนเดิม ลิ้นชักที่สาม—
ยังคงเป็นเสื้อผ้าอีกแล้ว…
ลิ้นชักทั้งแปดนั้นคือเสื้อผ้าทั้งหมด! ทิ้งให้ ซูอัน อ้าปากค้าง
อย่างตกตะลึง
ทำไมผู้หญิงถึงมีเสื้อผ้าเยอะแยะขนาดนี้!?
แต่แล้วเมื่อถึงลิ้นชักที่เก้า มันก็ทำให้ใบหน้าของ ซูอัน แดงขึ้น เพราะในลิ้นชักนี้ทั้งหมดคือชุดชั้นใน!
ซูอัน กวาดสายตาดูไปรอบ ๆ ห้องอย่างระแวดระวังก่อนที่จะหยิบมันออกมา 1 ชิ้นแล้วยัดเข้าไปในอกของเขา “นางมีมันมากมายอยู่แล้ว นางคงไม่สังเกตเห็นหรอกว่ามีชิ้นหนึ่งหายไป”
ถึงแม้ว่าจะหาเหตุผลเข้าข้างให้กับตัวเองได้แบบนี้แต่ ซูอัน
ก็ยังคงรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่ทำสิ่งนี้อยู่ดี
เขามีภรรยาที่สวยมาก แต่เขาไม่สามารถแตะต้องนางได้
และในท้ายที่สุด เขาทำได้เพียงขโมยชุดชั้นในของนางเท่านั้น ที่แย่
ไปกว่านั้น หลังจากคว้าชุดชั้นในแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าต่อให้
เขาได้มันไปเขาก็เอาไปใช้ไม่ได้อยู่ดีเพราะสภาพร่างกายของเขา
ในตอนนี้มันไม่เอื้ออำนวย!
“บัดซบเอ๊ย!” ซูอัน สบถแต่แล้วในขณะที่เขากำลังจะวางชุดชั้นในกลับไปที่เดิมในชิ้นชักเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ เดี๋ยวนะ! ข้าสามารถส่งต่อ
สิ่งนี้ให้ จี้เติ้งถู เพื่อสำเร็จภารกิจได้รึเปล่า? ตาแก่นั่นคงไม่เก่งถึงขนาดแยกแยะได้หรอกมั้งว่ามันเป็นของใครจริงไหม?
แต่อีกครั้ง เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเนื่องจากนี่เป็นชุดชั้นในภรรยาของเขา แม้ว่าทั้งสองจะเกี่ยวข้องกันเพียงในนามก็ตาม ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็เดาได้ว่าตาแก่โรคจิตผู้นั้นจะทำอะไรกับมัน!
“ไม่ได้ ๆ ยังไงซะนางก็เป็นภรรยาของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาดม
ชุดชั้นในของภรรยาข้าแน่! เอาไว้ข้าจะลองสุ่มซื้อชุดชั้นในชุดใหม่จากร้านค้าและมอบให้เขาดูก่อนก็แล้วกัน” ซูอันพึมพำกับตัวเอง แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่าผู้หญิงแต่ละคนที่ จี้เติ้งถู อยากได้ชุดชั้นในนั้นไม่ใช่คนธรรมดาสักคน
ถ้าเขาซื้อของที่มีคุณภาพต่ำจากท้องถนนฝั่งตรงข้ามจะจับได้ทันทีว่าเขาโกหก
“ใช่แล้วงั้นข้าจะใช้ของ เสวี่ยเอ๋อร์ ก็แล้วกัน!” ซูอัน นึกขึ้นได้
แม้ว่าเสวี่ยเอ๋อร์จะเป็นสาวใช้ แต่นางก็แต่งตัวดีพอสมควร อันที่จริง ถ้าไม่มีใครพูดออกมา คนส่วนใหญ่คงเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นคุณหนูจากตระกูลที่มีชื่อเสียง
ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะฆ่าข้า ข้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดอะไรที่จะใช้ชุดชั้นในของนางเพื่อทำงานของข้าให้สำเร็จ!
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ซูอัน ก็เดินตรงดิ่งไปที่ห้องข้าง ๆ ซึ่งน่าจะเป็นห้องนอนของ เสวี่ยเอ๋อร์
แต่เมื่อ ซูอัน ค้นห้องของ เสวี่ยเอ๋อร์ ไปได้สักพักเขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจอย่างหนักเพราะห้องของนางไม่มีอะไรให้น่าสงสัยเลย
นอกจากเมล็ดแตงโมสองสามเมล็ดที่ถูกทิ้งไว้อยู่บนโต๊ะมันก็ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่านางเป็นหญิงสาวเลือดเย็นที่จ้องจะฆ่าเขาหรือมีแผนการร้ายใด ๆ อยู่ในใจ
“นี่นางอยากฆ่าข้าเพราะอยากปกป้องเจ้านายของตัวเองจริง ๆ หรือนางแค่ปกปิดตัวตนเก่งกันแน่?” ซูอัน อยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติมของนางจากทรัพย์สินส่วนตัวของนาง แต่เมื่อเขาพบว่ามันไม่มีอะไรให้สืบเสาะได้เลย
เขาจึงเหมือนลูกแกะหลงทางไม่รู้ว่าควรไปต่อยังไงดี
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังงุนงงอยู่นั้นจู่ ๆ ซูอัน ก็ได้ยินเสียงที่ไม่ควรจะมีดังขึ้นจากภายนอกซึ่งมันทำให้เขารีบวิ่งไปซ่อนด้วยความตกใจ
เป็นไปได้ไหมที่ ฉู่ชูเหยียน กลับมาเวลานี้? ไม่ดีแล้วนี่มันต้องแย่แน่ ๆหากนางรู้ว่าข้าแอบเข้ามาที่นี่ คดีเก่ายังไม่ทันจางหายดีหากตอนนี้เกิดคดีใหม่ขึ้นมา ข้าจะไม่มีทางล้างมลทินนี้ได้แน่นอน!
ซูอัน รีบซ่อนตัวอยู่หลังม่านทันทีและกลั้นหายใจ พร้อมกับมองลอดผ่านผ้าม่านซึ่งทำให้เขาสามารถเห็นสถานการณ์ภายในห้องได้เล็กน้อย
ร่างชุดดำแอบเข้ามาและเริ่มค้นหาไปทั่วเรือนจอง ฉู่ชูเหยียน
“ผู้หญิง?” แม้ว่าผู้มาใหม่จะสวมชุดสีดำที่ปิดบังตั้งแต่หัวจรดเท้า
แต่รูปร่างที่ผอมบางและมีสัดส่วนโค้งเว้าดูเย้ายวนกลับบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่านางคือผู้หญิง!
หรือถ้าจะให้ยืนยันก็คือ ไม่มีทางที่ผู้ชายคนไหนในโลกจะมีกล้ามเนื้อหน้าอกที่ใหญ่โตได้ขนาดนี้
ผู้หญิงคนนั้นใช้เวลาอยู่สักพักในการสำรวจห้องจนท้ายที่สุด นางก็
ไม่พบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์จนนางต้องพึมพำกับตัวเองว่า “ที่นี่ก็ไม่มีเหรอ? นางจะเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหนกันนะ?”
“หืม?” ซูอัน เผลออุทานขึ้นเนื่องจากเสียงของผู้หญิงคนนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก นางคือคนที่ทุกคนบอกว่าเป็นสหายสนิทของ
ฉู่ชูเหยียน ซึ่งเขาเองก็ได้พบนางแล้วที่ห้องโถงบรรพบุรุษ—เพ่ยเหมียนหมาน!
“ใครกัน!” ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามาทางเขาทันที
ซูอัน รู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองอารมณ์ที่ผันผวนไปชั่วขณะ
ก่อนหน้านี้ทำให้เขาพลาดเสียแล้วก่อนที่เขาจะทันได้หลบหนี ผ้าม่านก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและผู้หญิงคนนั้นก็พุ่งเข้าหาเขาพร้อมกับฝาดฝ่ามือเข้าใส่อย่างรุนแรง
หากเป็นในสถานการณ์อื่น ซูอันคงจะหยุดชื่นชมมือที่ขาวผ่องเป็นยองใยของนางอย่างแน่นอน แต่ไม่มีทางที่เขาจะทำเช่นนั้นได้ในตอนนี้
อาการขนลุก ลามไปทั่วร่างกาย พร้อมทั้งทุกโสตประสาทในตัวเขาร่ำร้องตะโกนทันทีบอกเขาว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตรายที่ใหญ่หลวง
เขาสวนหมัดออกไปเพื่อป้องกันการโจมตี แต่ทันทีที่หมัดและฝ่ามือของพวกเขาปะทะกัน ร่างของซูอันก็ถูกแรงปะทะตีกลับไปจนล้มลงพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำโต
ถึงตอนนี้เขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับชาย 20 คน แต่ความแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้นี้กลับเหนือกว่าเขาไปอีกหลายเท่าตัว!
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของอีกฝ่าย ซูอัน ก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป เขาตะโกนเสียงดังทันที “ช่วยด้…”
เนื่องจากอีกฝ่ายแอบเข้ามาในห้องของ ฉู่ชูเหยียน กลางดึกในชุดโหม่งดำแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีกฝ่ายไม่อยากถูกเปิดโปงแน่นอน ถ้าหากเขาตะโกนได้ดังพอ เขามั่นใจว่าพวกผู้บ่มเพาะของอ๋องฉู่จะต้องรีบมาที่นี่อย่างแน่นอนและเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะผ่านอันตรายนี้ไปได้อย่างง่ายดายต่อให้เขาจะต้องถูกตั้งคำถามว่ามาที่นี่ทำไมก็ตาม
การถูกไต่สวนย่อมดีกว่าการลงไปนอนในโลงให้คนหามอยู่แล้ว
ถูกต้องไหมละ?
แต่ก่อนที่ ซูอัน จะทันได้ตะโกนจนสุดเสียง อีกฝ่ายก็พุ่งเข้าหาเขาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว พร้อมกับซัดฝ่ามือมาที่หน้าอกของเขาอย่างรแรงอีกรอบ ซึ่งรอบนี้เขารู้สึกไม่ต่างอะไรกับถูกรถชนเข้าอย่างจังซึ่งแน่นอนว่าทำให้เสียงของเขาหยุดชงักลงไปในทันที
เมื่อมองดูร่างกายของ ซูอัน ที่นอนกองบนพื้นอย่างแน่นิ่ง หญิงสาวก็แสดงสีหน้าเย้ยหยันอย่างเย็นชา ผู้บ่มเพาะระดับสองบังอาจมาแลกหมัดกับข้างั้นเหรอ?
เมื่อเข้าใจว่าฝั่งตรงข้ามน่าจะตายไปแล้ว นางจึงนั่งยอง ๆ ตรงหน้าซูอันและพยายามเปิดผ้าที่ปกปิดหน้าของซูอันออก นางอยากรู้จริง ๆ ว่าชายปริศนาผู้นี้คือใครกันแน่
แต่แล้วทันใดนั้นจู่ ๆ ดวงตาของ ซูอัน ก็เปิดขึ้นอย่างฉับพลันพร้อมกับฉวยโอกาสที่หญิงสาวไม่ได้ระวังตัว ลอบโจมตีที่ด้านหลังนางและใช้ 2 แขน รัดคอนางเป็นท่าล็อคคอแบบยิวยิตสูที่เขาเคยเห็นในอินเทอร์เน็ตเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้