ตอนที่ 81 เทียบเชิญของตอนที่ 81 เทียบเชิญของจวนจี้กั๋วกงจวนจี้กั๋วกง

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

ตอนที่ 81 เทียบเชิญของจวนจี้กั๋วกง

อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนน้ำพุร้อนไม่ไกลจากตำบลฉาซู่

“เฮ้อ~~~~” ท่านหญิงน้อยเอามือทั้งสองข้างเท้าคางไว้ ใบหน้ากลมป้อมเบียดกันจนเป็นก้อนกลม และถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่สามสิบหกในวันนี้

เซียวเย่เจ๋อรู้สึกเหมือนนางถอนหายใจจนฟ้าจะถล่มลงมาอยู่แล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กมีเรื่องอะไรให้กลัดกลุ้มมากมายเช่นนี้กัน

“ท่านอาน้อย อยากเล่นว่าวใช่หรือไม่ ข้าจะพาท่านไปเอง?”

ท่านหญิงน้อยปรายตามองหลานชายที่ซื่อบื้อของตนเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าหนี ไม่อยากสนใจเขาอีก

เซียวเย่เจ๋อทำเสียงจิ๊ปากออกมา เด็กโง่นี่เหตุใดถึงได้กล่อมยากเพียงนี้นะ?

“เช่นนั้นอยากกินถังหูลู่หรือไม่?”

ที่ซื้อตามข้างถนนไหนเลยจะอร่อยสู้ของที่พี่สาวฮวนฮวนทำได้

ท่านหญิงน้อยสะบัดหน้าอย่างแรงอีกครั้ง และยังแค่นเสียงหนัก ๆ ออกมา

เซียวเย่เจ๋อจึงถูจมูกด้วยความไม่พอใจ “เช่นนั้นท่านต้องการสิ่งใดกันแน่”

ตั้งแต่กลับมาจากหมู่บ้านตระกูลเฉิน นางก็มีอาการไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้

“ข้าจะไปเล่นกับอาชิง ข้าอยากกินอาหารที่พี่สาวฮวนฮวนทำ” ในที่สุดท่านหญิงน้อยก็บอกจุดประสงค์ของตนเองออกมา

เซียวเย่เจ๋อจึงตอบกลับทันควัน “ไม่ได้”

“ทำไม ข้าเป็นผู้อาวุโส เจ้าขัดข้าได้อย่างไรกัน ยังไม่ยอมให้ข้าออกไปข้างนอกอีก” ท่านหญิงน้อยถกกระโปรงขึ้นแล้วก็กระโดดลงมา

แต่น่าเสียดายที่พบว่าตัวเองยังสูงไม่ถึงขาของหลานชายตัวเองด้วยซ้ำ นางจึงรีบเรียกสาวใช้คนหนึ่งให้มาอุ้มตัวเอง ก่อนจะจ้องตากับเซียวเย่เจ๋อ

“เจ้าไม่ฟังที่ข้าพูดใช่หรือไม่!” ท่าทางดุ ๆ แบบเด็กน้อย

เซียวเย่เจ๋อตอนนี้แค่ได้ยินว่านางจะไปหาสาวชาวบ้านนั่นก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว ฟ้าดินรู้ดีว่าตั้งแต่เด็กเขาต้องทนอยู่ในหมอกควันของการที่ต้องแต่งงานกับสตรีอัปลักษณ์อันดับหนึ่งของเมืองหลวง

ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจี้จือฮวนนั่นจะแต่งงานไปอยู่ที่อื่น ทว่าตอนนี้กลับมีจี้จือฮวนอีกคนโผล่ขึ้นมา ให้ตายเขาก็ไม่มีทางไปที่นั่นเด็ดขาด

ต่อให้มีของอร่อยกว่าก็ไม่ไป

“ไม่ได้หรอก อาการป่วยของท่านเพิ่งจะหายดี ที่นั่นสกปรกจะตายไป เกิดเจอพวกลักเด็กขึ้นมาจะทำเช่นไร”

ท่านหญิงน้อยไม่สนใจ นางเบะปากพลันดวงตากลมโตก็มีน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที “ข้าจะกลับไปบอกเสด็จลุงว่าเจ้ารังแกข้า”

ทันทีที่สิ้นเสียง น้ำตาของนางก็ไหลพรากลงมา ทันใดนั้นเซียวเย่เจ๋อก็คิดถึงคนที่คอยหนุนหลังนาง ซึ่งเขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถล่วงเกินคนเหล่านั้นได้

“อย่า ๆ ๆ พาไป ข้าจะพาท่านไปก็ได้ ท่านอาน้อยของข้า” เซียวเย่เจ๋อทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม

“หึ รับปากตั้งแต่แรกก็จบแล้ว เด็ก ๆ เตรียมของขวัญ!” ท่านหญิงน้อยปาดน้ำตาอย่างรวดเร็ว ไหนเลยจะยังมีท่าทางของความเสียใจหลงเหลืออยู่อีก นางยกกระโปรงขึ้นและวิ่งไปหาของดีในห้องเก็บของทันที

นางเป็นสุภาพสตรีน้อยที่ดี ไปเป็นแขกบ้านคนอื่นต้องเอาของขวัญติดไม้ติดมือไปด้วย เรื่องนี้นางรู้ดี

หลังจากนั้น ของโบราณและภาพอักษรพู่กันที่เซียวเย่เจ๋อเก็บไว้ในจวนก็ถูกนางรื้อออกมาจนหมด…

ในที่สุดก็ยกกล่องของขวัญขนาดใหญ่สามกล่องออกมา หากไม่ใช่เพราะใส่ไม่ได้แล้วจริง ๆ ท่านหญิงน้อยก็คงจะยังยัดเข้าไปอีกเป็นแน่

จนกระทั่งแม่นมเจียงอุ้มนางขึ้นไปบนรถม้าแล้ว นางก็ยังคงเหนื่อยหอบอยู่

เซียวเย่เจ๋อมองดูสมบัติที่เขาสะสมมาหลายปี ทั้งถ้วยแก้วหินโมรา ซึ่งเป็นของที่หาได้ยากเอย ตะเกียบงาช้างและชามหยกเอย เห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก

“โอ๊ย เจ้าเลิกขี้งกได้แล้ว บ้านเจ้ารวยออกปานนั้น” ท่านหญิงน้อยตบบ่าของเซียวเย่เจ๋อสองสามที ก่อนจะโบกมือน้อย ๆ “ออกเดินทางได้!”

รถม้าเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ แม้แต่คนรับใช้ของจวนเซียว ยังมองซื่อจื่อของตัวเองด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ

เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้ตระกูลเซียวเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในต้าจิ้นกันเล่า มีการค้ามากมายกระจายไปทั่วทั้งใต้หล้า ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่บ้านเมืองมีปัญหา ตระกูลเซียวก็มักจะสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็มีคนเอาเทียบเชิญมาส่งให้ เซียวเย่เจ๋อรับเทียบเชิญนั้นมา ทันใดนั้นใบหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นทันที กลางวันไม่ควรพูดถึงคน กลางคืนไม่ควรพูดถึงผี เป็นเทียบเชิญที่ส่งมาจากจวนจี้กั๋วกง บอกว่าจะจัดงานวันเกิดขึ้นในเดือนหน้า จึงอยากเชิญเขากลับไปที่เมืองหลวงสักครั้ง

งานแต่งก็ยกเลิกไปแล้ว ยังจะเชิญเขาไปอีกทำไมกัน?

เซียวเย่เจ๋อกลอกตามองบน ก่อนจะโยนเทียบเชิญให้คนรับใช้หน้าห้อง “เตรียมของขวัญอะไรก็ได้ส่งไปสักชิ้น”

แต่องครักษ์ข้างกายอย่างเซียวผิงกลับเอ่ยเตือนขึ้นมา “ซื่อจื่อ ช่วงนี้จวนจี้กั๋วกงไปมาหาสู่กับจวนของเราบ่อยครั้ง หรือว่าจะมีเรื่องขอร้องขอรับ?”

เดิมทีเซียวเย่เจ๋อยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ แต่เมื่อองครักษ์เอ่ยเตือนขึ้นมา จึงนึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่จี้จือฮวนแต่งงานไปแล้ว คุณหนูรองที่เกิดจากอนุของจวนจี้กั๋วกง จี้หมิงซู ก็มักจะเชิญสตรีของตระกูลเซียวไปเที่ยวเล่นอยู่บ่อยครั้ง

และมีหลายครั้งที่จู่ ๆ เขาก็บังเอิญได้พบนางด้วย

เซียวเย่เจ๋อส่ายหน้าไปมา “เหตุใดต้องสนใจนางด้วย อย่างไรซะข้าก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับตระกูลจี้อีก”

เรื่องนี้จึงถูกเซียวเย่เจ๋อโยนทิ้งไป แต่ระหว่างทางที่ไปหมู่บ้านตระกูลเฉินจำเป็นต้องผ่านตำบลฉาซู่

ทันทีที่เข้าไปในตำบล ก็เห็นคนเข้าแถวหน้าภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลยาวกว่าเมื่อก่อนเสียอีก

“ไปดูสิว่ามีอะไรออกมาใหม่อีก”

เซียวผิงจึงรีบไปดูทันที

เซียวเย่เจ๋อทำจมูกฟุดฟิด มิน่าเล่าเจ้าเด็กหย่งหนิงวัน ๆ ถึงเอาแต่จะไปหมู่บ้านตระกูลเฉิน แค่ได้กลิ่นนี้เขาก็อยากกินแล้ว

ไม่นานเซียวผิงก็กลับมา “ซื่อจื่อขอรับ ภัตตาคารเค่ออวิ๋นไหลออกอาหารใหม่มาขอรับ มีน้ำแกงหมาล่ากับชานม ทุกคนต่างก็เข้าแถวเพื่อกินสิ่งนี้กันขอรับ”

เซียวเย่เจ๋อไม่ได้สนใจน้ำแกงหมาล่ามากนัก แต่กลับขมวดคิ้วและถามออกมา “ชานมอย่างนั้นหรือ แบบที่ชาวถู่เจียดื่มกันอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่เหมือนกันขอรับ พวกเขาบอกว่ามีจำนวนจำกัด วันนี้เหลือเพียงสิบแก้ว ทว่าตอนนี้มีคนจองหมดแล้ว คนที่มาเข้าแถวและซื้อไม่ทันต่างก็รับบัตรคิวกัน ตอนนี้คิวยาวไปถึงครึ่งเดือนแล้วขอรับ”

เซียวเย่เจ๋อหัวเราะเสียงเย็น “ข้าจะดื่มให้ได้ อย่างข้าต้องเข้าแถวด้วยหรือ ไม่มีทาง สู้ไปที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน ให้หญิงชาวบ้านผู้นั้นเป็นคนทำให้ด้วยตัวเองดีกว่า”

เซียวผิงได้แต่คิดในใจ มีประโยคหนึ่งไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ แต่ข้าคิดว่าแม่นางจี้ผู้นั้น…หาได้สนใจท่านไม่นะขอรับ

เนื่องจากเซียวเย่เจ๋อรีบที่จะไปดื่มชานม อีกทั้งสองสามวันมานี้ก็กินอะไรไม่อร่อย ดังนั้นเขาจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

ตอนที่ทั้งขบวนมาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉิน ที่บ้านครอบครัวเผยก็กำลังทำกิจกรรมกันอยู่อย่างคึกคัก

จี้จือฮวนกำลังพัฒนาชานมรสใหม่ จึงแจกจ่ายให้คนงานชิม จากนั้นก็ให้เผยจี้ฉือทำแบบสอบถามเกี่ยวกับรสชาติ

“รสองุ่นรู้สึกหวานไปหน่อย”

“ข้าคิดว่าสาคูมะม่วงส้มโออร่อยมาก!”

“ต้องเป็นโมจิน้ำตาลแดงอร่อยกว่า”

แต่ละคนต่างมีความคิดเห็นไปคนละทาง ชานมหลากชนิดหลายสีสันจึงวางอยู่บนโต๊ะในสวนเต็มไปหมด

เมื่อพวกเซียวเย่เจ๋อมาถึง อาชิงก็รีบวิ่งไปทันที “หย่งหนิง เจ้ามาแล้วหรือ!”

เซียวเย่เจ๋อหนังตากระตุกขึ้นมา เจ้าเด็กนี่ตาไม่ได้บอดใช่หรือไม่ เขาตัวใหญ่ขนาดนี้ยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน แต่กลับไปหาหย่งหนิงก่อนอย่างนั้นหรือ มีมารยาทบ้างหรือไม่!

หย่งหนิงที่ง่วงงุนอยู่บนรถม้า เมื่อได้ยินเสียงของอาชิง ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะไถลตัวลงมาจากตักของแม่นมเจียงทันที

“อาชิง!”

“หย่งหนิง!”

“อาชิง!”

“หย่งหนิง!”

เซียวเย่เจ๋อสุดจะทน “พวกเจ้าช่วยลงมาแล้วค่อยคุยกันจะได้หรือไม่?”

ทำอย่างกับเป็นนกแก้วไปได้

หย่งหนิงอารมณ์ดีมาก จึงไม่ใส่ใจหลานชายที่ไม่เชื่อฟังผู้นี้อีก หลังจากที่เซียวผิงอุ้มลงมาก็จับมืออาชิงเอาไว้ทันที “บ้านพวกเจ้าทำอะไรกันอยู่หรือ คนเยอะแยะไปหมดเลย?”

“สร้างบ้านใหม่น่ะสิ ตอนนี้ข้ามีของเล่นเต็มเลย ยังมีเตียงเล็ก ๆ ของตัวเองด้วย ข้าจะพาเจ้าไปดู”

เด็กน้อยทั้งสองวิ่งผ่านหน้าของเซียวเย่เจ๋อไป หาได้สนใจเขาสักนิดไม่

เซียวเย่เจ๋อคลึงขมับเล็กน้อย ช่างเถอะ ข้าทนได้

จู่ ๆ ที่ประตูบ้านก็มีคุณชายผู้สูงศักดิ์โผล่มา เหล่าเติ้งและพวกคนงานจึงไม่กล้าโวยวายอีก จนกระทั่งเซียวเย่เจ๋อมองสำรวจลานบ้านเล็ก ๆ แห่งนี้และเบะปากเล็กน้อย ก่อนสั่งให้คนยกของขวัญลงมา พวกเขาจึงได้เข้ามาช่วย

.

.

.