ตอนที่ 81 วันหยุดฤดูร้อนที่โลลิสนุกสนาน

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

81 วันหยุดฤดูร้อนที่สนุกสนาน

 

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว และดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า

ฉันก็ออกจากหอพักหญิงฉันก็ไปสมทบกับพี่ชายซึ่งกำลังรอฉันอยู่

 

“โกกิเกงโยะ โอนี่ซามะ แม้จะอยู่ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ความงามก็ยังคงเปล่งประกายนะคะ”

 

เป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่ได้พบพี่นีล แม้ว่าพวกเราจะอยู่ในสถาบันเดียวกันก็ตาม

 

“ขอบคุณ ผมของน้องก็ยังขาวเหมือนเดิมเลย”

 

อุมุ ขาวสินะ ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะกลับไปเป็นสีเดิมเลย

 

……แต่ยังไงก็ตาม ฉันรู้สึกว่าการตอบสนองแบบแหลมคมของพี่ชายเริ่มดีขึ้นแล้ว

 

บางทีนั่นหมายถึงว่าคุณจะไม่มีทางเป็นเด็กตลอดไป

ถ้าพูดให้เจาะจงกว่านั้น นี่คือข้อพิสูจน์ว่าเขารอดจากฉากนองเลือดที่เกิดขึ้นเนื่องจากความหน้าตาดีของเขาเองมาแล้วหลายฉากหรือเปล่าน่ะ? ดูเหมือนว่าจำนวนจดหมายของแฟน ๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่การออกอากาศงานประลองศิลปะการต่อสู้

 

นี่ทำให้ฉันเศร้าเลย

พวกเราไม่มีวันเป็นเด็กได้ตลอดไป และเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราจะเติบโตขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ความน่ารักเฉพาะตัวของเด็กคนนี้นับวันยิ่งหายไปทุกที

 

และ เขาจะเติบโตเป็นผู้ชายที่ทำให้ทั้งชายและหญิงต้องร้องไห้อย่างแน่นอน ช่างน่าเสียดาย

 

“เรือเหาะพร้อมแล้วน่ะ ถ้าขึ้นเดี๋ยวนี้เลย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

 

“ค่ะ เพราะน้องก็ทำธุระเสร็จหมดแล้วเช่นกันค่ะ”

 

ฉันเข้าทักทายผู้อำนวยการสถานีออกอากาศของเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว

ไปบอกลาอันเซลกับเฟรซ่าที่「ที่พักหนูเงาสนธยา」และตัวแทนผู้ช่วยอาจารย์สำนักทลายสวรรค์ แกนดอล์ฟ แล้วเช่นกัน

 

ทั้งยังได้ไปพบกับชาโร่ซึ่งกำลังเป็นนักแสดงนำดาวเด่นของประธานฝาแฝดจูเลียนและลูซิด้าแห่งคณะละครไอซ์โรสที่ได้รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนร่วมแสดงละครเรื่อง『หญิงสาวในห้วงรัก』

นอกจากนี้ เชฟของร้านอาหาร『คุโรยูริ โนะ คาโอริ』ที่ฉันกลายเป็นแขกประจำหลังจากงานเยี่ยมชมธุรกิจก็ยังบอกฉันว่าควรไปทานอาหารที่อื่นบ้าง

 

สำหรับตอนนี้ แม้ว่าจะออกจากเมืองหลวงไปสักเดือนกว่า ๆ ก็น่าจะไม่เป็นไร

 

ใช่แล้ว――เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดฤดูร้อน

 

 

 

พวกเราขึ้นเรือเหาะในเวลากลางคืน และจะไปถึงดินแดนลิสตันภายใต้แสงสว่างอันสดใสของวันพรุ่งนี้

เป็นการกลับบ้านตามกำหนดเวลา

 

หลีกเลี่ยงท่าเรือเหาะในเวลากลางวันที่คนพลุกพล่าน ขึ้นเรือเหาะในเวลากลางคืนที่คนน้อยกว่า――ขุนนางและบุตรหลานนิยมเดินทางในเวลากลางคืนซึ่งไม่มีเรือเหาะเดินสมุทรหรือเรือเหาะบรรทุกสินค้า ฉันไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้เลย

 

ฉันขึ้นเรือเหาะเรโทรของพี่ชาย ดื่มชาขณะชมดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และนอนดึกจากการพูดคุยกันนิดหน่อย

 

เกี่ยวกับงานประลองศิลปะการต่อสู้

เกี่ยวกับที่พี่ชายเข้าร่วมงานประลองศิลปะการต่อสู้

เกี่ยวกับที่ความนิยมของพี่ชายเพิ่มขึ้นหลังจากงานประลองศิลปะการต่อสู้

เกี่ยวกับจดหมายจากแฟน ๆ ที่คลั่งไคล้จำนวนมากมาถึงแล้วหลังจากงานประลองศิลปะการต่อสู้

 

“……อืม ไปนอนกันเถอะ”

 

ฉันคิดว่าพวกเรากำลังพูดถึงหัวข้อทั่วไปกัน แต่ฉันคิดว่าฉันสัมผัสได้ถึงแผลใจของพี่ชายได้อย่างชัดเจน

 

ฉันตัดสินใจเข้านอนเช่นกัน หลังมองส่งพี่ชายซึ่งถูกบดบังด้วยความงามอันเปล่งประกายของเขาจากไป

 

นี่ยังลืมเนื้อหาในจดหมายแฟนคลับที่ได้รับมาเมื่อนานมาแล้วไม่ได้อีกเหรอ

หรือว่ารู้สึกหนักใจกับเนื้อหาในจดหมายแฟนคลับใหม่ ๆ ที่พึ่งได้รับมากันนะ

 

ไม่ว่าจะทางไหน พี่ชายก็ดูเหมือนจะอ่อนไหวมาก ดังนั้นฉันไม่อยากให้เขาแบกไว้คนเดียวมากเกินไป หากเขาบอกฉันสักคำ ฉันจะนึกมาตรการตอบโต้ให้ทันที

 

ม๊า เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน

 

วันหยุดฤดูร้อนจะเริ่มในวันพรุ่งนี้

ฉันมีกำหนดการต้องออกจากหอพักหญิงของสถาบันซึ่งกลายเป็นบ้านอีกหลังของฉันมากกว่าหนึ่งเดือน

 

กำหนดการเน้นที่การถ่ายทำค่อนข้างแน่น แต่ฉันก็เตรียมกำหนดการความสนุกส่วนตัวมาด้วยเช่นกัน ดังนั้นฉันจึงตั้งตารอวันหยุดฤดูร้อนครั้งแรกของฉัน

 

วันรุ่งขึ้นหลังจากค่ำคืนบนเรือเหาะ

พวกเราบินออกจากเมืองหลวง และมาถึงคฤหาสน์ในดินแดนลิสตันตามแผนการที่วางไว้

 

“――ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ/ค่ะ”

 

พวกเราได้รับการต้อนรับจากคนรับใช้ที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือน และบรรลุเป้าหมายเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

 

 

 

“ในที่สุดก็ได้กลับมาที่ห้องนี้อีกครั้ง”

 

เมื่อฉันกลับมาที่ห้องเป็นครั้งแรกหลังจากไปนาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากตอนที่ฉันจากไป

 

ทั้งที่ฉันไม่ได้เหนื่อยอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็กับรู้สึกเหนื่อยจนทิ้งตัวลงบนเตียง ……เมื่อฉันหลับตาก็ง่วงนิดหน่อย ดังนั้นบางทีฉันอาจจะเหนื่อยนิดหน่อยจริง ๆ

 

“อยากดื่มชาสักหน่อยไหมคะ?”

 

“ดี”

 

ริโนกิสที่กลับเข้ามาพร้อมกัน เริ่มเตรียมชาด้วยท่าทางที่คุ้นเคย ใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้วจึงไม่มีขนม

 

ฉันง่วงก็จริง แต่จะงีบทันทีที่มาถึงไม่ได้ ดังนั้นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นและนั่งลงที่โต๊ะ

 

“เธอไม่กลับบ้านจะดีเหรอ?”

 

ที่สถาบัน คนรับใช้จะอยู่ด้วยตลอดเวลา แน่นอนว่าไม่มีเวลาให้พวกเขากลับบ้าน

 

ดูเหมือนว่าคนรับใช้หลายคนที่มาพร้อมกับลูกขุนนางจะใช้เวลาช่วงวันหยุดยาว เช่น วันหยุดฤดูร้อนและฤดูหนาว ในการกลับไปยังบ้านเกิด

 

แน่นอนว่าหลังจากได้ยินแบบนั้น ฉันก็ถามกับริโนกิสไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตอนนี้ฉันจะถามเธออีกครั้ง

 

“พวกเราแลกเปลี่ยนจดหมายกันอยู่แล้วค่ะ ดังนั้นไม่เป็นไรค่ะ”

 

คำตอบก็เหมือนกับที่ถามไปก่อนหน้าเช่นกัน

 

“นอกจากนี้ ดิฉันเป็นห่วงคุณหนูค่ะ ดิฉันกังวลมาก กังวลมาก ๆ จนไม่สามารถละสายตาได้”

 

ก็ยังคงเป็นคำตอบเดียวกัยกับที่ได้มาก่อนหน้านี้

 

เนื่องจากคดีของสังเวียนใต้ดิน การเฝ้าระวังและคุ้มกันของริโนกิสจึงเพิ่มขึ้นมากเกินควร

ม๊า เป็นเรื่องที่ฉันก่อขึ้นเอง จึงช่วยไม่ได้ล่ะนะ

 

“นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการนอนด้วยกันอีกนะคะ”

 

“ฉันพูดไปตั้งหลายครั้งแล้วไงว่า พวกเรานอนด้วยกันแล้ว แต่ว่าริโนกิสไม่ยอมตื่นขึ้นมาเองในตอนที่ฉันกำลังนอนกอดเธออยู่”

 

“……แต่จะคิดกี่รอบก็ยังแปลกเกินไปอยู่ดีค่ะ เพราะดิฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าตัวเองจะไม่ยอมตื่นตอนที่คุณหนูมานอนหลับอยู่ข้าง ๆ ตัวแบบนั้น”

 

“เพราะเสียเลือดมากเกินไปนั้นแหละ ฉันยอมให้หลังจากที่แขนเธอถูกตัดนะสิ”

 

――แล้วฉันก็ซัดเข้าไปอย่างแรง น็อคสติที่หลับใหลให้เข้าสู่ห้วงนิทราลึก

 

“จะยังไงก็แปลก ๆ อยู่ดีค่ะ……”

 

กว่าหนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วันนั้น แต่ริโนกิสก็ยังค่อนข้างยึดติด

ว่ากันตามตรง ค่อนข้างน่ากลัวนิดหน่อยที่เธอดูจะหมกมุ่นอยู่กับการนอนด้วยกันขนาดนี้ แต่……

 

เธอก็ยังเป็นข้ารับใช้และลูกศิษย์ที่ยังไม่สามารถขจัดความคลางแคลงใจไปได้เหมือนอย่างเคย

 

 

 

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันที่คฤหาสน์แล้ว ในช่วงบ่าย

ฉันพร้อมกับริโนกิส ก็มาเข้าชมฉากการฝึกของพี่ชายกับลินเนตต์ สาวใช้ส่วนตัวของพี่ชาย ในขณะที่พูดแทรกเป็นครั้งคราว

 

พี่ชายกับลินเนตต์ใช้ดาบไม้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ฉันพูดมากนัก

 

ตั้งแต่แรกแล้ว เขาก็เป็นลูกศิษย์ของสำนักอื่น ดังนั้นจึงไม่ควรพูดมากเกินไป

ทักษะของลิเนตต์ก็ดีมากเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่ควรเข้าไปยุ่งแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เว้นแต่จะถูกขอให้ทำเช่นนั้น

 

ยังไงก็ตาม เดิมทีริโนกิสก็เคยใช้ดาบเช่นกัน แต่เมื่อเธอกลายเป็นลูกศิษย์ของฉัน เธอก็เปลี่ยนมาใช้มือเปล่า ถึงอย่างงั้นในตอนนี้ เธอก็ยังพกกริชไว้ป้องกันตัว

ฉันสนใจอยู่แล้วว่าจะใช้อาวุธหรือไม่ก็ตาม

 

สำนักของฉัน……ม๊า ฉันจำช่วงเวลานั้นไม่ได้ แต่ก็คุ้น ๆ ว่าเหมือนไม่ได้มีแบบแผนหรือการเคลื่อนไหวที่ตายตัวขนาดนั้น

ฉันรู้สึกเหมือนว่าจะมีจุดแข็งในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดี และรับมือกับคู่ต่อสู้ได้ทุกคนทุกสถานการณ์

 

และยังมีซีนที่ใช้อาวุธอยู่ในนั้นด้วย ――นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันจึงมีเทคนิคเช่น การตัดไม้ด้วยดาบไม้ ยังไงก็ตาม มือเปล่านั้นคมกว่าดาบไม้

 

――นอกจากนี้ พี่ชายกับลินเนตต์ก็ดูแข็งแกร่งกว่าครั้งล่าสุดที่เห็นอย่างแน่นอน

 

“ดีจังเลยนะคะ โอนี่ซามะ ที่พัฒนาขึ้นอย่างราบรื่น”

 

“เธอนี่บางครั้งก็ทำเหมือนมองลงมาจากที่เหนือกว่าซะจริง ๆ “

 

ก็ช่วยไม่ได้ล่ะน๊า

หากรวมชาติที่แล้วด้วย ฉันก็แก่กว่าพี่ชายมาก ๆ และทักษะก็สูงกว่าเห็น ๆ

 

――ตอนนี้ก็ยังชวนให้คิดถึง เป็นภาพที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักเหมือนกับทิวทัศน์ช่วงวันหยุดฤดูร้อนที่ฉันยังคงนั่งรถเข็นอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้

 

ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

 

 

 

“คุณหนูเนีย ดิฉันขอคำแนะนำจากท่านได้ไหมคะ?”

 

ลินเนตต์เริ่มมาขอให้ฉันเป็นคู่ฝึกซ้อมด้วย

 

“เดี๋ยวก่อนสิ ลินเนตต์ ฉันต้องเป็นคนแรกที่ได้สู้กับเนีย”

 

พี่ชายก็ด้วย เขาเองก็คาดหวังเช่นกัน

 

――ฟุมุ เมื่อถูกขอให้ยื่นปากยื่นมือเข้าไปยุ่งเองก็ช่วยไม่ได้ล่ะน๊า

 

“ริโนกิส ไปเป็นคู่มือให้ทีสิ”

 

นักแสดงบทนำเป็นงานของลูกศิษย์

 

ขณะที่ริโนกิสกำลังจัดการกับพี่ชายและลินเนตต์ ฉันก็

 

” ――อีกรอบ ใช้ความรู้สึกเล็งไปที่ปลายดาบ ลดความกว้างของแต่ละก้าวตอนบุกเข้าไปลงด้วย หากคู่ต่อสู้ใช้มือเปล่าให้ใช้ระยะอาวุธให้เป็นประโยชน์”

 

สังเกตจากด้านข้างและบอกถึงวิธีการปรับปรุง

 

พี่ชายกับลินเนตต์จะแข็งแกร่งขึ้นได้ขนาดไหนกันนะ

ความสุขลับของวันหยุดฤดูร้อนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

เจอไฟตกจนไฟเพดานที่เปิดดับหมด แต่ไฟของปลั๊กต่ำๆ ยังติด เลยได้เล่นคอมกลางความมืด ฮา

หนุดทุกอย่างไปวัน ร่างกายดีขึ้นเยอะเลย แต่เปลืองน้ำแอปเปิ้ล ฮา