ตอนที่ 88 การถือสาในเรื่องที่เล็กน้อยเป็นสิ่งที่ต้องทำ

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

บทที่88 การถือสาในเรื่องที่เล็กน้อยเป็นสิ่งที่ต้องทำ

มู่เทียนซิงรู้สึกเกรงใจ มือขาวๆ เล็กๆ ของเธอ ส่งจานของหนีหย่าจูนส่งคืนให้เขา

หลิงเล่กลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณชายหนีไม่ชอบกินอันนี้ เธอช่วยเขากินให้หมด เขาจะรู้สึกขอบคุณมาก! ”

“คุณไม่ชอบหรอคะ? ” มู่เทียนซิงมองหน้าหนีหย่าจูนด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ซอสเป๋าฮื้อนี้มันหอมมากเลยนะคะ พอกินกับอุ้งมือห่านแล้ว กัดไปคำหนึ่ง แม้แต่กระดูกก็ยังอร่อยเลย อร่อยมากจริงๆ นะคะ! ”

หนีหย่าจูนยิ้มอย่างอ่อนโยน

เขาสามารถบอกได้ว่าที่จริงแล้วเขาชอบมายังงั้นหรอ?

เห็นได้ชัดว่า …… ไม่สามารถ!

อาหารที่รักถูกแย่งไป พอได้เผชิญหน้ากับดวงตาไร้เดียงสาของเด็กตัวเล็กๆ เขาก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ “ฉันไม่ชอบกินเลยแม้แต่นิดเดียว เธอกินเถอะ! ”

หลิงเล่ก็ส่งถ้วยซุปให้เด็กน้อยอีกครั้ง “กินช้าๆ เดี๋ยวสำลัก”

ข้าวมื้อนั้น เด็กตัวน้อยกินเข้าไปด้วยความรู้สึกที่ชอบใจ หลิงเล่ที่ได้มองเธอกินอย่างมีความสุข ก็รู้สึกอิ่มแล้ว แต่ว่าหนีหย่าจูน ก็กินเข้าไปอย่างไม่อยากอาหาร

หลังจากกินอาหารเย็นเสร็จ หลิงเล่ก็หยิบผ้าเช็ดปาก และมือหนาก็เช็ดปากเล็กๆ ของเธอ

มู่เทียนซิงหน้าแดง แล้วก็พูดอย่างเขินอาย “หนู อื้อ~เดี๋ยวหนูเช็ดเองค่ะ”

เขากลับไม่พูดอะไร หลังจากเช็ดเสร็จแล้ว ไม่รู้ว่าหยิบลิปมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเปิดออก แล้วก็ลูบไปทั่วริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หนีหย่าจูนจ้องจนตาเกือบจะหลุดออกมา!

คุณปู่ของเขารักคุณย่ามาตั้งหลายปี ยังไงเคยทาลิปให้คุณย่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

มู่เทียนซิงเม้มปาก หน้าแดงขึ้นอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะ! ”

หลิงเล่ดึงมือของเธอไป แล้ววางลิปมันสีฟ้าชมพูลงบนฝ่ามือของเธอ แล้วพูดว่า “สั่งให้คนทำขึ้นพิเศษสำหรับเธอเลย ก่อนหน้าที่เธอจะมา ฉันลองดูแล้ว ชุ่มชื้นมาก”

อีกความหมายหนึ่งก็คือ ลิปมันแท่งนั้นก่อนที่จะทาให้เธอนั้น ได้ทาลงบนริมฝีปากของเขามาแล้ว!

“แค่กๆๆ พวกนายค่อยๆ คุยกันไปนะ ฉันไปรอให้ห้องอ่านหนังสือ”

หนีหย่าจูนรับไม่ได้อีกต่อไป ทั้งสองคนสวีทกันขนาดนี้ ถ้าเขายังอยู่ก็เกินไปแล้ว!

ตอนที่ลุกขึ้นแล้วเดินผ่านจั๋วหรันไปนั้น เขาก็พูดกับจั๋วหรันเบาๆ ว่า “กาแฟแก้วหนึ่ง ให้เมียนายทำอุ้งมือห่านกับซอสเป๋าฮื้อให้ฉันอีกจาน”

“ได้ครับ” จั๋วหรันหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วก็เดินไปชงกาแฟให้หนีหย่าจูน

ในห้องอาหารก็เหลือเพียงแค่สองคน มู่เทียนซิงลุกขึ้นแล้วเข็นวีลแชร์ของหลิงเล่ไปที่ห้องรับแขก มาหยุดอยู่ตรงหน้าโซฟา เธอก็มองออกไปนอกประตูอย่างกังวลใจ

พ่อแม่ของเธอยังนั่งรออยู่ในรถ

พ่อแม่ของเธอยังไม่ได้กินอาหารเย็นเลย

เหมือนกับว่าหลิงเล่จะอ่านใจของเธอออก เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ตอนที่พวกเรากินข้าวกันอยู่ ฉันให้คนเอานมกับแซนด์วิชไปให้พ่อแม่ของเธอแล้ว

มู่เทียนซิงมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจ “คุณน่ะหรอ? ”

“ยังไงก็เป็นพ่อตาแม่ยายให้อนาคตของฉัน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่มาที่บ้านของฉัน ฉันไม่ได้ให้พวกเขาเข้ามา แล้วถ้ายังไม่ได้พวกเขากินอะไรสักหน่อย ก็จะไม่เหมาะสมไปหน่อยแล้ว”

ตอนที่เขาเย็นชาขึ้นมานั้น ก็ถือว่าเป็นคนที่เคร่งขรึมมากเลยทีเดียว ใบหน้าที่ถูกสร้างออกมาอย่างพิถีพิถันนั้น ไม่สามารถอ่านอารมณ์ได้เลย

มู่เทียนซิงกลับรู้สึกอบอุ่นใจ “ขอบคุณนะคะ! ”

ทันใดนั้นข้างเท้าของเธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่อ่อนนุ่ม และก็ผสมกับเสียงร้องของแมวน้อย

มู่เทียนซิงก้มลงไป แล้วก็อุ้มเจินเจินขึ้นมา หยอกล้อมันด้วยความรัก “คิดฉันแล้วใช่มั้ย? ”

“เมี๊ยว~!”

“ฮ่าๆๆ ~!”

หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นช่างมีเสน่ห์และไร้เดียงสา คนกับแมวหยอกล้อกันอย่างสบายใจ ดวงตาของหลิงเล่จ้องอยู่ที่เธอ ทำให้คนอื่นรู้สึกกลัว!

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่มีใครอยากจะบอกลากันเลย

แต่ว่า ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของมู่เทียนซิงก็ดังขึ้น

เธอรับสาย “ฮัลโหล พ่อ”

น้ำเสียงของมู่อี้เจ๋อเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด “เทียนซิง คุยเป็นยังไงบ้าง? พูดเรื่องของเสี่ยวหลงรึยัง? ”

มู่เทียนซิงหันไปมองหน้าหลิงเล่โดยอัตโนมัติ แล้วก็เห็นเขาจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายแฝง “อ้อ ซือซ่าวบอกว่า พรุ่งนี้เขากับคุณชายหนีจะไปกินข้าวเย็นที่บ้านของเรา”

“เย็นพรุ่งนี้? คุณชายหนีก็จะไปที่บ้านของเราด้วยงั้นหรอ? ”

“ใช่แล้ว! ”

พอเห็นมู่อี้เจ๋อช็อก มู่เทียนซิงก็ตอบอย่างง่ายๆ “พ่อ หนูใกล้จะออกไปแล้ว”

“ได้ รอให้ลูกออกมา พวกเรากลับไปก่อนแล้วกัน คุณลุงเมิ่งของลูกหิวจะตายอยู่แล้ว”

“หา? อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ” มู่เทียนซิงอึ้งไป แต่ว่าก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ สุดท้ายก็วางสาย

เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าของตัวเอง มู่เทียนซิงมองหน้าเขาอย่างสับสน “คุณไม่ได้หลอกหนูใช่มั้ย? ทำไมพ่อหนูบอกว่า คุณลุงเมิ่งหิวจะตายอยู่แล้ว? ”

หลิงเล่มองหน้าเธอแปลกๆ หลังจากนั้นก็กลอกตาใส่เธอ แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสเหมือนกับสีหน้าของเขาที่ไม่แยแส “ถ้าฉันเอาอาหารให้เมิ่งอี้หลั่ง ก็แสดงว่าสมองฉันเพี้ยนไปแล้วน่ะสิ ลูกชายเขาทำเรื่องแบบนี้ ยังคาดหวังว่าจะได้กินของจากคฤหาสน์จื่อเวยของฉันอีกงั้นหรอ? ที่นี่น่ะ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่นมกับแซนด์วิช แต่ว่ามันก็ดีที่สุดในเมืองMแล้ว”

มู่เทียนซิง:“……”

จั๋วซีหัวเราะออกมา “คุณหนูมู่ ซือซ่าวดีกับพ่อแม่ของคุณ ก็เพราะว่าเห็นว่าพวกเขาเป็นพ่อตาแม่ยาย”

เธอแลบลิ้นออกมาอย่างจำใจ “คุณเป็นแบบนี้ พ่อกับแม่หนูต้องกินไม่ลงแน่ๆ ”

ทุกคนนั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน แต่มีแต่คู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อที่มีของกิน เมิ่งอี้หลั่งหิว คู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อก็ไม่ใช่คนที่จะทรยศเพื่อนแบบนั้นนะ!

แล้วอีกอย่าง พวกเขาก็เป็นคนแก่แล้ว ก็แค่ข้าวแค่มื้อเดียวเอง อดแป๊บนึงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก

ใครจะไปรู้ แต่ว่าจั๋วซีกลับหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “คุณหนูมู่วางใจเถอะครับ พ่อแม่คุณทานหมดแล้ว”

“หา? ” มู่เทียนซิงอ้าปากค้าง “พวก พวกเขากินได้ยังไงกันน่ะ? ”

จั๋วซีอธิบายออกมาอย่างไร้เดียงสา “ตอนที่ผมเอาอาหารไปให้นั้น ก็บอกว่าซือซ่าวกับคุณชายหนีเอามาให้พ่อแม่ของคุณหนูมู่ หลังจากพวกเขารับไป ผมก็ยืนมองพวกเขาอยู่ข้างกระจกรถ ผมบอกพวกเขาว่า ให้พวกเขาทานตอนที่มันยังร้อนๆ อย่าทำให้ซือซ่าวกับคุณชายหนีผิดหวัง เพราะว่าซือซ่าวกับคุณชายหนียังรอให้ผมกลับไปรายงาน ดังนั้น พวกเขาก็กินต่อหน้าผมจนหมดเลย! ”

มู่เทียนซิง:“……”

เธอสามารถนึกภาพออก ภาพของคนแก่ทั้งสามคนอยู่ในรถ คู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อคงกินอย่างไม่มีทางเลี่ยง เมิ่งอี้หลั่งเองก็คงดูอย่างไม่มีทางเลี่ยงเหมือนกัน นอกจากจั๋วซีที่อารมณ์ดีอยู่นั้น คนอื่นตอนนั้นก็คงไม่มีใครรู้สึกดีหรอก

เธอยิ้มออกมาอย่างหมดแรง หลิงเล่นี่ช่างคิดเล็กคิดน้อยเหมือนเด็กๆ จริงๆ ทำให้เธออดหัวเราะออกมาไม่ได้ “คุณอา ทำไมหนูถึงรู้สึกว่า คุณมีความเป็นเด็กมากกว่าที่หนูคิดอีกล่ะ? ”

เขามองหน้าเธออย่างลึกซึ้ง แล้วก็พูดออกมา “สำหรับเธอ การคิดเล็กคิดน้อยก็เป็นเรื่องที่จำเป็น”

มู่เทียนซิงได้ยินดังนั้น แล้วก็ยิ้มออกมาอย่างเขินๆ แต่ว่าไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนไว้อย่างลึกซึ้ง

แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจ แต่ว่าจั๋วหรันกับจั๋วซีกลับเข้าใจดี

ตอนที่พวกเขารู้ข่าวเมื่อตอนบ่าย ท่าทางรุนแรงของหลิงเล่ ทำให้พวกเขาไม่มีวันลืมได้เลยตลอดชีวิต

เมิ่งเสี่ยวหลงควรจะดีใจ ที่เขากับมู่เทียนซิงเคยมีความสัมพันธ์ในวัยเด็กกัน มิตรภาพนี้ทำให้หลิงเล่หึงหวงจนแทบเป็นบ้า เพราะฉะนั้นหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น เขาก็เลยยังสามารถมีลมหายใจอยู่ได้ในห้องพักผู้ป่วยแดง!

ไม่ยังงั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร อย่าว่าแต่แตะต้องยัยตัวเล็กคนนี้เลย แต่ให้มีแค่ความคิดแบบนั้น หลิงเล่ก็ไม่มีวันปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว!