บทที่89 ยัยเด็กนี่ แกล้งแม่อยู่ใช่มั้ย?
หลังจากมู่เทียนซิงกลับมาที่รถ คู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อและเมิ่งอี้หลั่งก็ถามเธอไม่หยุด
เธอแค่บอกว่าเธอเข้าไปกินอาหารเย็นที่คฤหาสน์จื่อเวย หลังจากนั้นซือซ่าวกับคุณชายหนีก็บอกว่าพรุ่งนี้เย็นจะไปกินข้าวที่บ้านตระกูลมู่
ส่วนเรื่องอื่นนั้น เธอก็ปิดปากสนิท ไม่ตอบอะไรสักอย่าง
หลังจากรถจอดลงที่บ้านตระกูลมู่ มู่เทียนซิงก็พูดว่า “หนูเหนื่อยแล้ว ขอขึ้นไปพักผ่อนข้างบนก่อนนะคะ”
คู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อก็ไม่ได้ห้ามเธอ รู้ดีว่าลูกสาวของตัวเองยังคงรู้สึกกลัว ชีวิตของวัยรุ่นก็ไม่ได้ง่ายเลยนะ
เพียงแค่ เมิ่งอี้หลั่งจ้องไปที่แผ่นหลังของมู่เทียนซิงที่เดินขึ้นไปข้างบน แล้วก็หันหน้ามาหาคู่สามีภรรยามู่อี้เจ๋อ “ป้ายโฆษณาบนเสาไฟข้างถนน มันคืออะไรกัน? ”
โอ้อวดตลอดทางขนาดนั้น ถ้าเมิ่งอี้หลั่งไม่เห็น ก็ถือว่าโง่มากแล้ว!
อยู่ดีๆ เขาก็มีความคิดที่ไม่ดีขึ้นมา หรือว่าหลิงเล่ชอบมู่เทียนซิง ก็เลยจงใจทำร้ายลูกชายของเขา?
เจี่ยงซินก็สามารถอ่านใจของเมิ่งอี้หลั่งได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วแน่นแล้วก็พูดออกมาว่าไม่พอใจ “เรื่องการหมั้นของเทียนซิงกับซือซ่าวตอนก่อนหน้านี้นั้น ก็ไม่ใช่ว่านายไม่รู้! การหมั้นนั้นนายก็เป็นคนช่วยเหลือเอง พวกเราถึงได้ถอยออกมาจากตระกูลหลิง! ถ้าเกิดว่าพวกเราอยากให้เธอได้แต่งงานกับซือซ่าวจริง พวกเราจะให้นายเข้ามายุ่งด้วยยังงั้นหรอ? ”
พอได้ยินดังนั้น เมิ่งอี้หลั่งก็คิดว่ามันก็จริง เขามองในแง่ร้ายไปเองรึเปล่า?
มู่อี้เจ๋อก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ลูกชายของนายเองทำเรื่องที่น่าผิดหวัง ก่อเรื่องวุ่นวาย พวกเราวิ่งไปวิ่งมากับนาย ลูกสาวก็ได้รับความไม่เป็นธรรม แล้วพวกเราว่าอะไรนายรึยัง? แต่ผลก็คือนายกลับมาสงสัยพวกเรา นาย! ”
“เปล่าๆๆๆ! ” เมิ่งอี้หลั่งรีบโบกมือปฏิเสธ “นายเข้าใจผิดแล้ว ฉันก็แค่ถามออกมาเฉยๆ นายเห็นน้องสะใภ้ของขึ้น นายก็ของขึ้นเหมือนกันหรอ! ”
“ก็นายถามแบบนั้น จะไม่ให้ของขึ้นได้ยังไง! ” เจี่ยงซินไม่มีอะไรจะพูด “ลูกชายนายไปสร้างความไม่พอใจให้คุณชายหนี ก็เป็นเรื่องที่เขาทำเอง ไม่มีใครจ่อปืนบังคับให้เขาทำ! แถมลูกชายของนายยังรังแกลูกสาวฉัน ก็เป็นความผิดของเขาเองอีก ไม่มีใครไปบังคับเขา! เขาเดินมาทางนี้เอง แต่ว่าตอนนี้นายกลับมาสงสัยว่าเทียนซิงของพวกเราร่วมมือกับคนอื่นเพื่อรังแกเขา นายจะเพิ่มอารมณ์ให้พวกเราใช่มั้ย? ”
เจี่ยงซินโกรธ ก็เพราะว่าได้เจอกับคนที่ไม่มีเหตุผล!
มู่อี้เจ๋อขยิบตาให้เมิ่งอี้หลั่งอย่างปวดหัว เมิ่งอี้หลั่งก็รีบหุบปากทันที ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ยิ่งพูด ยิ่งแรกมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ!
มู่อี้เจ๋อตบไหล่เธอเบาๆ แล้วก็ปลอบใจเธอ “เอาแบบนี้ เธอเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอไปดูที่บริษัทหน่อยนะ สองวันนี้ ฉันคงวิ่งไปวิ่งมากับเหล่าเมิ่งเรื่องเสี่ยวหลงเนี่ยแหละ”
เจี่ยงซินจ้องพวกเขาด้วยความโกรธ แล้วก็ขึ้นไปชั้นบน
มู่อี้เจ๋อรีบพาเมิ่งอี้หลั่งไปห้องอาหาร “ไปเถอะ ในห้องครัวมีอาหารที่ทำไว้อยู่สองอย่าง พวกเราไปดื่มแล้วก็พูดคุยกันเถอะ”
ยังไม่ทันจะก้าวเท้า เจี่ยงซินก็ลงมาจากชั้นบนอีกครั้ง เรียกพวกเขาว่า “นี่! ”
เธอพิงอยู่กับราวบันได จ้องหน้ามู่อี้เจ๋อ “เทียนซิงบอกไม่ใช่หรอว่า พรุ่งนี้ซือซ่าวกับคุณชายหนีจะมาทานอาหารเย็นที่นี่? ถ้ายังงั้นพวกเราจะเตรียมอะไรกันดี รีบคิดหน่อยดีมั้ย? คิดให้ดีแล้วพรุ่งนี้เช้าให้ฟางฉีไปซื้ออุปกรณ์มาเตรียมไว้ให้พร้อม! ”
พอได้ยินดังนั้น มู่อี้เจ๋อก็ตีหัวของตัวเอง “เกือบลืมไปแล้ว! ”
เรื่องที่สำคัญขนาดนี้!
โดยเฉพาะ เป้าหมายที่คุณชายหนีกับซือซ่าวจะมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้ พวกเขาก็ไม่รู้!
ถึงแม้ว่าซือซ่าวจะพิการ แต่ว่ามองยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่สามารถรับมือได้ง่ายเลย คุณชายหนีก็โตมาในกองเงินกองทอง มีอาหารอะไรที่หรูหราที่ยังไม่เคยกินบ้างล่ะ?
ปีศาจทั้งสองตัว มาที่บ้านของเขาพร้อมกัน สรุปแล้วควรจะเตรียมอะไรเป็นอาหารเย็นให้พวกเขาทานกันดี?
เมิ่งอี้หลั่งเองก็ไม่มีอารมณ์ดื่มเหมือนกัน ได้แต่เข้าไปในห้องครัวแล้วต้มมาม่า หลังจากต้มเสร็จก็ถือขึ้นไปที่ห้องทำงานของมู่อี้เจ๋อชั้นบน และพวกเขาสามคน ก็รวมตัวกันอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของมู่อี้เจ๋อ ดูสูตรอาหารสำหรับราชวงศ์อย่างระมัดระวังในคอมพิวเตอร์
มู่เทียนซิงนอนลงแล้ว
เปิดผ้าม่าน จ้องป้ายโฆษณาด้วยตาโต ท่าทางที่หลิงเล่ทั้งรักและเอ็นดูเธอ ทำให้ดูรู้สึกหอมหวาน
เขาบอกว่า ไม่ให้เธอบอกพ่อแม่ก่อน ว่าพรุ่งนี้เขาจะมาขอหมั้น
เธอก็เชื่อฟังตามนั้น
เธอกอดหมอนแล้วพลิกมาอีกด้านหนึ่ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพลิกกลับไป แล้วจ้องมองไปที่รูปภาพของเขาต่อ “คุณว่า เพื่อคุณแล้ว ฉันต้องปิดบังพ่อแม่ของตัวเอง ถือว่าเป็นการเข้าข้างคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัวมั้ย? ”
แน่นอนว่ารูปภาพก็ไม่สามารถตอบเธอได้
เธอพูดต่อ “น่าจะไม่นับหรอกมั้ง ว่ากันว่าผู้หญิงเกิดมาเพื่อแต่งงานออกจากครอบครัวไม่ใช่หรอ? ถ้าเกิดว่าฉันไม่เข้าข้างคุณ ก็ถือว่าแปลก ใช่มั้ยคะ? ”
รูปนั้นยังคงเงียบเหมือนเดิม
แต่ว่ามู่เทียนซิงกลับยิ้มออกมา เธอหลับตาลงอย่างมีความสุข ในใจเธอรอคอยวันต่อมาอย่างมีความสุข
แต่ว่า เธอพึ่งจะหลับไปได้ยังไม่ทันจะถึง10นาที ก็โดนเจี่ยงซินลากขึ้นมา!
“โอ้ยๆ ทำอะไรเนี่ยแม่ หนูกำลังหลับอยู่นะ ง่วงมากเลย! ”
“ลูกรัก อย่าพึ่งรีบนอนเลย แม่ขอถามลูกหนึ่งคำถาม บอกแม่ก่อน แล้วค่อยนอนต่อ”
“ฮือๆๆ ~อะไรล่ะ รีบถามมาเลย!
“โอเค นี่ๆๆ อย่าพึ่งนอน อย่าพึ่ง! รีบตื่น แม่กำลังพูดกับลูกอยู่นะ! ”
“ฮือๆๆ ~!”
สุดท้ายมู่เทียนซิงก็รับการรบกวนแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไป ลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง ลุกขึ้นนั่ง แล้วก็จ้องหน้าเจี่ยงซิน
ครั้งนี้ เจี่ยงซินถึงได้ถอนหายใจออกมา เธอถือกระดาษปากกาไว้ในมือแล้วจ้องหน้า แล้วพูดว่า “ซือซ่าวชอบกินอะไร? ”
มู่เทียนซิง:“……”
เธอไม่รู้จริงๆ!
หลายวันที่ได้อยู่ด้วยกัน อาหารที่ถูกเสิร์ฟก็ต่างเป็นอาหารที่เธอชอบทั้งนั้น เธอเองก็กินอยากมีความสุขมาก ก็เลยไม่เคยสังเกตเลยว่าหลิงเล่ชอบกินอะไร!
มู่เทียนซิงรู้สึกสำนึกผิดเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความละอายที่มีต่อหลิงเล่ “ไม่รู้เหมือนกัน หนูเองก็ไม่เคยสังเกตเลย สมควรตายจริงๆ! ”
เธอโทษตัวเอง แต่ว่าว่าเจี่ยงซินกลับนึกว่าเธอโทษตัวเองเพราะว่าไม่สามารถตอบคำถามได้
เจียงซินเอาแต่ปลอบว่า “ไม่เป็นไรๆ ลูกลองพูดมาสิ ว่าหลายวันที่ลูกอยู่กับซือซ่าว กินอะไรกันบ้าง? มีชื่อเมนูหรือว่าสูตรการทำอาหารมั้ย? ”
“อุ้งมือห่านกับซอสเป๋าฮื้อ พึ่งกินเมื่อตอนเย็น อร่อยมากเลย ใช่สิ เขาชอบกินบัวลอยเหล้าข้าวเหนียว! ” มู่เทียนซิงพยายามคิดอย่างถึงที่สุด แล้วก็พูดต่อ “เวลาที่พวกเรากินข้าวด้วยกัน สเต็กปลาคอด สปาเกตตีหอยและกระเทียม หอยเชลล์อบ คุกกี้แครนเบอร์รี่ ซุปครีมเห็ด! ”
ในตอนแรก เจี่ยงซินก็ตั้งใจจดมาก
แต่ว่าฟังไปฟังมา เจี่ยงซินก็หน้าเขียวไปหมด “ยัยเด็กนี่! แกล้งแม่ใช่มั้ย? ”
มู่เทียนซิงงง “ทำไมหรอ? ”
เจี่ยงซินไม่รู้จะพูดอะไร “ลูกยังง่วงนอนอยู่หรือไง? ก็สิ่งที่ลูกพูดมาทั้งหมดเป็นของที่ลูกชอบกินมาตั้งแต่เด็กจนโต! ”
มู่เทียนซิง:“……”
คำพูดของแม่ แค่คำเดียวก็สามารถปลุกคนให้ตื่นขึ้นมาได้!
เธอพึ่งพบว่า ที่แท้ทุกครั้งที่หลิงเล่กินข้าวกับเธอนั้น ก็กินแต่เมนูที่เธอชอบกินทั้งนั้น!
พอคิดแบบนี้แล้ว เธอก็เข้าใจทันที : ทุกครั้งที่กินข้าวกัน เวลาเธอชมว่าอาหารจานไหนอร่อย เขาก็จะหยุดกินจานนั้นทันที ตอนแรกเธอคิดว่าเขาไม่ชอบ แต่ความจริงแล้ว เพราะว่าเธอชอบ เขาก็เลยไม่อยากกิน เหลือไว้ให้เธอได้กินมากขึ้นยังงั้นหรอ?
ในใจของเขาที่มีต่อเธอนั้น ต้องพิถีพิถันจนถึงขั้นนั้นเลยหรอ?