บทที่ 71 อุ้มนางเพื่อพักผ่อน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 71 อุ้มนางเพื่อพักผ่อน

เห็นได้ชัดว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่เชื่อ

เป็นไปไม่ได้ที่คนคนหนึ่งจะหายตัวไปโดยไม่มีเหตุผล นอกเสียจากวิทยายุทธ์ของหลานเยาเยาแม้แต่เขาก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้……

“ข้าอยู่ที่นี่ต่างหาก!”

เสียงที่แสนซนและน่าฟังของหลานเยาเยาดังเข้ามาในหูของพวกเขา

จื่อซีและจื่อเฟิงมองไปรอบๆ ทันที แต่ไม่เห็นว่าหลานเยาเยาจะอยู่ที่ใด

“พระชายา ท่านอยู่ที่ใด?” จื่อซีถามอย่างสงสัย

“เงยหน้า มองบนต้นไม้”

หลานเยาเยาวับออกหายไปในควันสีขาว ก็ไปหลบอยู่บนต้นไม้ ไม่ได้เดินเลย

เห็นคนของยิงจวนน่าอนาถามาก นางยังแอบหัวเราะอยู่ แต่ก็ไม่อยากโจ่งแจ้ง จึงต้องนั่งดูสถานการณ์บนต้นไม้อย่างสบายใจ

“พระชายา ต้นไม้สูงท่านรีบลงมาเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”

จื่อซีใบหน้าเป็นกังวลมาก แต่สิ่งที่เขาเป็นกังวลคือเจ้านายจะลงโทษเขา

ตอนนี้พวกเขากำลังรอหลานเยาเยาลงมา เขาจึงจะได้ฝังนางอีกครั้ง!

แต่จื่อเฟิงเห็นหลานเยาเยาบนต้นไม้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาอย่างช่วยไม่ได้

แต่เย่แจ๋หยิ่งผู้เป็นเจ้านายกลับมีสีหน้ามืดมน!

ตอนนี้หลายเยาเยานั่งอยู่บนต้นไม้โดยไม่มีท่าทีใดๆ กระโปรงส่วนใหญ่ก็เปิดขึ้น เผยต้นขาขาวนวลเนียน

ยัยบ้านี่……

เขาออกคำสั่งอย่างเย็นชาทันที: “พวกเจ้าไปสำรวจเส้นข้างหน้า!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

จื่อซีและจื่อเฟิงตอบพร้อมเพรียงกัน เก็บสายตาทันที ไปสำรวจเส้นข้างหน้าอย่างเร่งรีบ

ในชั่วขณะ!

เย่แจ๋หยิ่งมองไปที่คนบนต้นไม้และออกคำสั่ง:

“ลงมา!” น้ำเสียงไร้ข้อกังขา

“อืม ลงไปก็ได้ แต่เจ้าอย่าฝังข้าทั้งเป็นได้ไหม?”

แม้รู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่ได้ต้องการฆ่านางจริงๆ แต่วิธีที่เขาปฏิบัตินางเพื่อบรรเทาความโกรธ นางไม่กล้าตกลงสุ่มสี่สุ่มห้า

หากไม่ระวังก็จะเสี่ยงถึงชีวิต!

ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องตกลงกันก่อน มิฉะนั้นนางจะถูกฝังทั้งเป็นอีกครั้ง

“ลงมา!”

เขาพูดอีกรอบ น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

“ลงก็ลง อย่างไรก็ตามข้าถือว่าจ้าตกลงแล้ว ถ้าข้าลงมาแล้วเจ้ายังกล้าฝังข้าทั้งเป็น ข้าก็จะหนีออกจากบ้าน ไม่เป็นพระชายาของเจ้าอีก!”

ดูไปยังทิศทางที่พวกจื่อซีกำลังสำรวจ ร่องรอยของความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาของหลานเยาเยา แต่หัวใจที่เหม่อลอยก็ผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนว่าเรื่องที่ถูกฝังทั้งเป็นวันนี้

จะเป็นเพียงแค่เย่แจ๋หยิ่งมีจุดประสงค์ลงโทษนางเท่านั้น เขามาที่นี่น่าจะต้องมีเรื่องสำคัญอื่นต้องทำ

และนางอาจช่วยได้!

ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เขาพานางมา

นึกถึงตรงนี้ หลานเยาเยาจึงลุกขึ้น

เพราะต้นเก่าแก่ต้นนี้ค่อนข้างสูง นางไม่สามารถกระโดดลงไปได้โดยตรง ทำได้เพียงไถลลงมาตามลำต้น

แต่เปลือกต้นไม้เก่าแก่นี้กำลังลอก นางเหยียบไม่มั่นคง ร่างกายโน้มเอียง ตกลงมาจากต้นไม้โดยตรง

“โอ๊ย……แม่เจ้า!”

“พรึ๊บ……”

ใบไม้บนพื้นถูกกระแทกจนปลิวขึ้น

“โอ๊ยเจ็บๆๆ ปอดของข้า! หัวใจตับไตของข้า!”

หลายเยาเยาเปรียบเสมือนตัวถ่วงน้ำหนัก กระแทกพื้นจากต้นไม้ในแนวตั้ง และยังกระแทกอยู่ข้างเท้าของเย่แจ๋หยิ่ง ท่าทางที่กระแทก มันแย่มากเกินจะบรรยาย

“แม่งสิ ไม่เห็นว่าข้าตกลงมารึไง?”

ยื่นมือออกมารับจะตายรึไง? ยังไงนางก็ถือว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

เข้าใจคำว่าทะนุถนอมไหม?

พ่องสิ เจ็บจะตายอยู่แล้ว!

ซี้ด……

“ข้าเห็นแล้ว!”

เขามองไปที่ใบหน้าของหลานเยาเยาที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด น้ำเสียงยังคงเย็นชา

“เห็นแล้วก็ดูเฉยๆ อย่างงี้เหรอ? ไม่กลัวว่าข้าจะกระแทกตายหรือไง?”

คนแบบไหนกัน!

หลานเยาเยาอดทนกับความเจ็บปวด ค่อยๆ พยายามลุกขึ้นมา นางเคลื่อนไหวก็จะมีเสียง “เอี๊ยดๆ” ดังขึ้น

คงเพราะชิ้นส่วนภายในหายไปหรือเปล่านะ?

“ตามมา!”

ขณะที่พูด เย่แจ๋หยิ่งก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่เห็นอกเห็นใจนางเลยแม้แต่น้อย

เฮ้อ!

ชีวิตแสนลำบาก!

และแล้ว หลานเยาเยาก็ต้องปัดฝุ่นและใบไม้ที่ติดอยู่กับตัว อดทนต่อความเจ็บปวด ยกขาก้าวไปก้าวหนึ่ง

เสียงดัง “กรุ้บ” ราวกับมีอะไรบางอย่างแตกหัก

หลานเยาเยารู้สึกเสียววาบ

คิดว่าขาตัวเองหักเสียแล้ว แต่ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ที่ข้อเท้า หัวใจที่แขวนอยู่ที่ผ่อนคลายลงทันที

ทันใดนั้นเหมือนมีลมจะพัดผ่านใบหน้า เส้นผมข้างหูก็ถูกเป่าให้ลอยเล็กน้อย

ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทวดาในดวงตาของเขา ใบหน้านั้นยังคงเย็นชาราวกับแม่คะนิ้ง แต่แววตาไม่ได้ลึกลับอีกต่อไป

“หักแล้วหรือ?”

เย่แจ๋หยิ่งถามเบาๆ

หลานเยาเยาอ้าปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรแม่แต่คำเดียว เมื่อนางกำลังจะส่ายหน้า ร่างกายก็เบาขึ้นทันที

ถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของเย่แจ๋หยิ่ง เดินไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร

หลานเยาเยาที่กำลังจะส่ายหัว ดูเหมือนว่าจะค้างไว้เสียแล้ว ไม่สามารถส่ายได้อีกต่อไป

ตอนนี้บอกว่านางไม่ได้ขาหักยังจะมีโอกาสรอดชีวิตไหม?

แต่!

แต่สถานการณ์ตอนนี้ นางไม่ต้องเดินแล้ว รอถึงปลายทางที่เขาต้องการ ค่อยแกล้งทำเป็นขาหักก็ได้

และแล้ว หลานเยาเยาก็เอาศีรษะซบอกของเขาด้วยความสบายใจ ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขาอย่างเงียบๆ

จากนั้นในขณะที่ไม่รู้ตัว นางก็เริ่มหาว จากนั้นก็สลบหลับไป ดูเหมือนน้ำลายจะไหลอีกด้วย

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม!

เย่แจ๋หยิ่งมาถึงใต้หน้าผาสูงชัน มีเถาวัลย์ที่แข็งแรงอยู่ทั่วบนหน้าผานี้

จื่อซีและจื่อเฟิงมองหลานเยาเยาที่อยู่ในอ้อมแขนของเย่แจ๋หยิ่ง ดวงตาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ หลังจากทั้งสองมองหน้ากัน และยังคงสับสน

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

เย่แจ๋หยิ่งเหลือบมองคนที่หลับใหลในอ้อมแขน และถามขึ้น

แต่ลดเสียงเบาลงมากอย่างเห็นได้ชัด!

“รายงานเจ้านาย ที่นี่ดูเหมือนจะเคยมีคนมาก่อน มีร่องรอยเลือดแห้งบนเถาวัลย์ ขึ้นไปตามเถาวัลย์เรื่อยๆ”

น่าจะทะลุผ่านหน้าผาไปได้พ่ะย่ะค่ะ”

จื่อเฟิงรายงานทันที!

แต่ที่เขาไม่ได้สังเกตคือ เถาวัลย์เปื้อนเลือดนั้นใบไม้จะเขียวชอุ่มมากขึ้น เติบโตได้ดีกว่าเถาวัลย์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

“อืม!”

เย่แจ๋หยิ่งเงยหน้ามองขึ้นไปที่หน้าผา จากนั้นก็จ้องมองไปที่หลานเยาเยา “พักครึ่งชั่วยามก่อน!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ครึ่งชั่วยามต่อมา

จื่อซีตะลึง!

เขามองไปที่หลานเยาเยาในอ้อมแขนของเจ้านายตนเอง มองไปที่เจ้านายที่ยืนอยู่ตรงนั้นตลอดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก อดไม่ได้ที่จะเอ็นไปด้านหน้าจื่อเฟิง ถามอย่างไม่เข้าใจ:

“เจ้านายบอกว่าพักผ่อนครึ่งชั่วยามไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว ทำไมยังพักผ่อนอยู่?”

จื่อเฟิง: “ไม่รู้!”

“แล้วทำไมเจ้านายยืนอยู่ตลอด ไม่นั่งลงพักผ่อนล่ะ?”

ยืนอยู่จะพักผ่อนได้อย่างไร?

และยังอุ้มคนไว้ในอ้อมแขน แบบนั้นไม่ยิ่งเหนื่อยหรือ?

จื่อเฟิง: “ไม่รู้!”

คราวนี้ จื่อซีมองจื่อเฟิงอย่างหมดหนทาง “ทำไมถามอะไรเจ้าก็เอาแต่ตอบว่าไม่รู้?”

“เจ้ามีปัญญาก็ถามคำถามที่ข้ารู้สิ!” จื่อเฟิงอึดอัดใจ

ในใจเจ้านายคิดอะไร เขาจะรู้หรือ?

“แล้วทำไมพระชายาถึงหลับไปนาน เจ้าน่าจะรู้สินะ!”

“……”

……

เมื่อหลานเยาเยาตื่นขึ้น ก็พบว่าตนเองนอนอยู่ที่พื้นหญ้า ขณะลืมตาขึ้น ก็เห็นจื่อซีนั่งไขว่ห้างจ้องมองนางอยู่พอดี แววตาเหมือนทำหมดหนทางสุดๆ

ประโยคแรกเมื่อนางตื่นขึ้นมาคือ:

“พระชายา ท่านนอนเก่งจริงๆ!”

พูดจบ ยังอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้นาง

“ข้านอนไปนานแค่ไหน?”