ตอนที่ 50 ศิลปะในการยุแยง

หวนคืนชะตาแค้น

เพี๊ยะ! มู่อวิ๋นหรงหันกลับมาตบหน้าสาวใช้อย่างรุนแรง กินบนเรือน ขี้บนหลังคา! ทุกคนในยามนี้ต่างก็ถูกทำให้ตกตะลึงกันหมด

นี่คือ…ว่าที่พระชายาหนิง? ได้ยินมาว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของพระชายาหนิงเป็นสาวห้องข้างของซู่เฉิงโหว การเลี้ยงดูจึงย่อมแตกต่างกับสตรีที่ได้นั่งเกี้ยวแต่งเข้ามา และยิ่งมาเทียบกับบุตรีของภรรยาเอกอย่างมู่ชิงอีแล้ว มู่อวิ๋นหรงนั้นยิ่งไม่สามารถเทียบได้

ทุกคนลอบครุ่นคิดอยู่ในใจอีกว่า

เมื่อกลับไปต้องอบรมเลี้ยงดูบุตรีของอนุภรรยาให้มากยิ่งขึ้น หากเลี้ยงดูคนให้ออกมาเป็นเช่นว่าที่พระชายาหนิงแล้ว ทั้งใบหน้าที่สะสวยและทุกอย่างคงไร้ซึ่งความหมายใด

คุณหนูสาม รบกวนเชิญทางนี้ขอรับ ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มที่สวมชุดเครื่องแบบทหารองครักษ์ก็ขึ้นมาชั้นบน เดินไปที่มู่อวิ๋นหรงแล้วกล่าวขึ้นด้วยท่าทางที่น่ายำเกรง

ใบหน้าของมู่อวิ๋นหรงพลันซีดเซียว นางจดจำเครื่องแบบของสองคนนี้ได้ว่าเป็นคนของจวนกงอ๋อง คนที่มู่อวิ๋นหรงเกรงกลัวที่สุดก็คือกงอ๋องมู่หรงอวี้ มู่อวิ๋นหรงอ้าปากพะงาบ ไม่มีคำพูดใดออกมา เดินออกไปพร้อมกับทหารองครักษ์ด้วยท่าทางอ่อนแรง

มู่หรงอวี้อยู่ใกล้ๆ เช่นนั้นหรือ

มู่ชิงอีเลิกคิ้วขึ้น หันกลับมาพูดขออภัยคุณหนูตระกูลหลี่ด้วยรอยยิ้มว่า คุณหนูตระกูลหลี่ พวกข้าทำเรื่องขายหน้าแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปขออภัยอย่างเป็นทางการที่จวนของท่าน

คุณหนูตระกูลหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า คุณหนูสี่เกรงใจเกินไปแล้ว เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน

เชิญคุณหนูตระกูลหลี่

หอหมิงเย่ว์ที่อยู่ตรงข้ามศาลาชิงอานเป็นทรัพย์สินภายใต้จวนกงอ๋อง บนชั้นสองของหอหมิงเย่ว์ผู้ที่หันหน้าไปทางหน้าต่างคือมู่หรงอวี้และมู่หรงอานที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน พวกเขามองดูมู่ชิงอีและคุณหนูตระกูลหลี่เดินออกจากศาลาชิงอานที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นพวกนางก็คำนับร่ำลากัน

พี่หก มู่ชิงอีผู้นี้ฉลาดกว่าหญิงโง่อย่างมู่อวิ๋นหรงมากนัก มู่หรงอานขมวดคิ้วกล่าว

มู่หรงอวี้พูดเสียงเบา ข้าเกรงว่านางจะฉลาดเกินไป

เรียนท่านอ๋อง คุณหนูสามจวนซู่เฉิงโหวอยู่ที่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ องครักษ์รายงานมาจากด้านนอก มู่หรงอวี้กล่าวอย่างเฉยเมยว่า ให้นางเข้ามา แล้วก็ไปเชิญคุณหนูสี่ขึ้นมาด้วย

พ่ะย่ะค่ะ

ประตูถูกผลักเปิด มู่อวิ๋นหรงเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง ทันทีที่เห็นมู่หรงอวี้และมู่หรงอาน ท่าทีของนางก็เต็มไปด้วยความวิตกกังกล

ท่าทางเย่อหยิ่งในศาลาชิงอานนั้นหายไปไหนหมดแล้ว

อวิ๋นหรงถวายพระพรกงอ๋อง หนิงอ๋องเพคะ

มู่หรงอานถอนหายใจแต่ไม่ได้เอ่ยกล่าวอันใด เขาไม่ได้สนใจคู่หมั้นหมายผู้นี้แม้แต่น้อย เหตุผลที่เขาสมรสกับนางคือเพื่อเอาชนะมู่ฉังหมิงและโหรวเฟยเพื่อพี่หกของเขา ท้ายที่สุดแล้ว อำนาจทางทหารที่มู่ฉังหมิงครอบครองนั้นมีความสำคัญต่อบรรดาองค์ชายเป็นอย่างมาก มู่อวิ๋นหรงผู้นี้…แต่ไหนแต่ไรมามู่หรงอานก็ไม่เคยรู้จักพบหน้ามาก่อน

มู่หรงอวี้ขมวดคิ้ว กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า คุณหนูสาม ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนจะถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮ่องเต้ ข้าอยากให้เจ้าคัดลอก ‘กษิติครรภสูตร’ หนึ่งร้อยเล่มเพื่อเป็นสิริมงคลแก่เสด็จพ่อ นำมาประดิษฐานในพระอารามหลวง ข้าหวังว่า…คู่หมั้นคู่หมายของหนิงอ๋องจะคัดลอกทั้งหมดด้วยลายมือของตัวเอง เข้าใจหรือไม่

‘เข้าใจหรือไม่’ สี่คำนี้มู่หรงอวี้พูดพลางจ้องเขม็งไปที่มู่อวิ๋นหรง แม้ว่ามู่อวิ๋นหรงจะไม่ฉลาดพอ แต่นางก็สามารถเข้าใจในความหมายได้ หากมู่อวิ๋นหรงกล้าที่จะให้ผู้อื่นมาคัดลอกแทนนาง มู่หรงอวี้ก็อาจจะนำความผิดนี้มาใช้เป็นข้ออ้างแล้วมอบตำแหน่งว่าที่พระชายาหนิงของน้องชายให้กับสตรีอื่นได้ และคงไม่มีใครกล้าที่จะโต้แย้ง

มู่อวิ๋นหรงตัวแข็งค้างในทันใด พระคัมภีร์กษิติครรภสูตรนั้นไม่ได้สั้นเลย เวลาเพียงครึ่งเดือนให้นางคัดลอกถึงหนึ่งร้อยเล่ม นี่เป็นงานที่เป็นไปไม่ได้ มู่อวิ๋นหรงมองไปยังมู่หรงอานที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความเศร้าสร้อย แต่มู่หรงอานกลับเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเฉยเมย

มู่ชิงอีขอเข้าพบกงอ๋องเพคะ ด้านนอกประตู เสียงพูดของมู่ชิงอีดังขึ้น

เชิญคุณหนูสี่เข้ามาเถิด ดวงตาของมู่หรงอวี้หรี่ลงเล็กน้อย จับจ้องหญิงสาวที่กำลังย่างเท้าก้าวเดินเข้ามา ก่อนหน้านี้มู่หรงอวี้ไม่อยากที่จะสนใจในตัวหญิงสาวผู้นี้มากนัก ประการแรก เนื่องจากเมื่อก่อนนี้มู่ชิงอีไม่โดดเด่นท่าทางดูขี้ขาดหวาดกลัวมักจะก้มหน้าก้มตาอยู่เสมอ ประการที่สอง มู่หรงอวี้ไม่ต้องการพบหน้ามู่ชิงอีสักเท่าไร เพราะทำให้ตนมักจะนึกถึงหญิงสาวคนอื่นเมื่อเห็นหน้านาง แต่ดูราวกับว่าตั้งแต่การตายของกู้อวิ๋นเกอ มู่ชิงอีผู้นี้ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน เขารู้สึกว่ามู่ชิงอีนั้นงดงามกว่าเดิมไม่น้อย แต่ก็คิดเอาเองว่าเพียงเพราะตนเห็นกู้อวิ๋นเกอมานาน คงเป็นเพียงภาพลวงตาของตัวเองเป็นแน่ ได้แต่ครุ่นคิดอย่างเงียบงันอยู่ในใจ

เมื่อเห็นท่าทางของมู่หรงอวี้ มู่ชิงอีก็ยิ้มอย่างเฉยเมยในใจ รู้ดีว่ามีใครบางคนกำลังหวั่นไหวต่อรูปโฉมของลูกพี่ลูกน้องหญิงของตนที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับตัวเองกู้อวิ๋นเกออยู่ไม่น้อย และสิ่งที่มู่ชิงอีและกู้อวิ๋นเกอคล้ายคลึงกันมากที่สุดก็คือดวงตา

ถวายพระพรกงอ๋อง หนิงอ๋อง มู่ชิงพูดทำความเคารพอย่างนอบน้อม

มู่หรงอวี้พยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า คุณหนูสี่ไม่จำเป็นต้องสุภาพ

ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจทราบสาเหตุ ในครั้งนี้มู่หรงอานไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจต่อมู่ชิงอี เขาเพียงแค่พูดพึมพำเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับ มู่ชิงอีเหลือบมองมู่อวิ๋นหรงที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหึงหวง ทำท่าทีลังเลสักพัก ก่อนจะพูดขึ้น บางครั้งพี่หญิงสามก็พลั้งเผลอทำตัวหยาบคาย ยิ่งช่วงนี้พี่หญิงสามกำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี ท่านอ๋องโปรดประทานอภัยด้วยเพคะ

มู่หรงอวี้จ้องมองไปยังมู่ชิงอีแล้ว พูดด้วยท่าทีครุ่นคิดว่า อ้อ คุณหนูสามอารมณ์ไม่ดี แล้วคุณหนูสี่เล่า

มู่ชิงอีนิ่งเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง พูดขึ้นอย่างละอาย ขอบพระทัยท่านอ๋องที่เป็นห่วง ชิงอียอมรับเพคะ

เจ้าช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์และกล้าหาญไม่น้อย ยามนี้ผู้คนของจวนซู่เฉิงโหวต่างก็อารมณ์ไม่ดี มู่ชิงอีที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ช่างกล้าเสียจริง

มู่ชิงอีเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า ชิงอีเพียงพูดความจริงเท่านั้นเอง

อ้อ? เจ้าก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องของมู่หลิงเช่นนั้นหรือ มู่หรงอวี้พูดด้วยความประหลาดใจ

มู่ชิงอียิ้มจางๆ แล้วพูดว่า เรื่องของพี่รองน่ะหรือเพคะ แม้ว่าจะกระทบต่อชื่อเสียงของจวนซู่เฉิงโหวอยู่บ้าง แต่…เรื่องเสื่อมเสียของบุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยานั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากนัก ไม่มีจวนใดที่ไร้ปัญหาที่เกิดจากบุตรชายเสเพลไม่รู้ความของอนุภรรยา รอท่านพ่อแต่งอนุภรรยาคนใหม่แล้วมีบุตรชายเพิ่มขึ้น เช่นนี้ก็คงไม่มีปัญหาแล้วเจ้าค่ะ

มู่ชิงอี เจ้า…

หุบปาก! ขณะที่มู่อวิ๋นหรงกำลังจะตะโกนด่ามู่ชิงอี มู่หรงอานก็พูดขัดจังหวะ ทำให้นางเงียบปากลงทันทีอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของมู่หรงอาน ใบหน้าของนางยิ่งเศร้าหมอง จนมู่ชิงอีอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะอยู่ในใจ

มู่อวิ๋นหรงหมกมุ่นกับมู่หรงอานเสียจริง

มู่หรงอวี้ขมวดคิ้ว เจ้าพูดกล่าวเช่นนี้ ไม่เกรงกลัวโหรวเฟย?

ใบหน้าของมู่ชิงอีพลันหม่นหมอง เอ่ยอย่างโศกเศร้า ชิงอีเพียงพูดความจริงเพคะ แล้วอีกอย่างพี่หญิงใหญ่ก็เป็นถึงพระสนมของฮ่องเต้ต้องเป็นแบบอย่างให้กับสตรีทั่วหล้า คงไม่โมโหชิงอีเพราะเรื่องแค่นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านแม่ก็จากโลกนี้ไปนานแล้ว แม้ว่าบุตรีไม่ควรกังวลต่อการจัดการจวนของผู้เป็นบิดา แต่หม่อมฉันก็อดกังวลต่ออนาคตของจวนซู่เฉิงโหวไม่ได้ ท่านย่าเองก็ชรามากแล้วไม่สามารถให้นางทำงานหนักตลอดได้ ยิ่งไปกว่านั้นหากจวนซู่เฉิงโหวไร้บุตรชาย แล้วตระกูลจะก้าวเดินต่อไปได้อย่างไรกันเพคะ

มู่หรงอานเลิกคิ้ว เหลือบมองมู่ชิงอีแล้วกล่าวเย้ยหยัน เพราะยามนี้โหรวเฟยเป็นที่โปรดปราน มู่อวิ๋นหรงจึงได้เป็นว่าที่พระชายาของข้าผู้นี้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ว่าที่พระชายาของข้านั้นจะไม่ใช่บุตรีภรรยาเอก

ตอนต่อไป