ตอนที่ 51 ความคิดของมู่ฉังหมิง

หวนคืนชะตาแค้น

มู่ชิงอีจ้องมองมู่หรงอานด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ยิ้มแล้วพูด ชิงอีคิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะกล่าวเช่นนี้ พี่หญิงใหญ่กำลังได้รับความโปรดปราน แม้จะไม่รู้ว่าจะให้กำเนิดโอรสมังกรเมื่อใด แต่หากถึงตอนนั้นแล้ว ฮ่องเต้ต้องทรงเลื่อนตำแหน่งให้อนุซุนขึ้นเป็นฮูหยินเอกอย่างแน่นอน และเมื่อถึงยามนั้นพี่รองก็จะกลายเป็นบุตรชายที่เกิดจากฮูหยินเอกเช่นกัน เพราะเหตุนี้…เรื่องของพี่รองจะต้องได้รับการตัดสินอย่างระมัดระวังแน่นอน โปรดท่านอ๋องเห็นแก่ความสัมพันธ์ทางเครือญาติในภาคภายหน้าด้วย คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าให้คนนอกมาวิจารณ์พี่รองอีกเพคะ

มู่หรงอานพลันรู้สึกแน่นอยู่ในอก ทำได้เพียงจ้องมองมู่ชิงอีอย่างฉุนเฉียวเท่านั้น ตนต้องการใช้โหรวเฟยมาถากถางมู่ชิงอี ไม่ได้คาดคิดว่ามู่ชิงอีจะวางแผนเอาไว้อย่างดีแล้ว

มู่หรงอวี้ที่อยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินมู่ชิงอีพูดถึงโอรสมังกร ดวงตาของเขาก็วาบขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เสด็จพ่อกำลังอยู่ในช่วงที่โปรดปราน แม้ว่าจวนซู่เฉิงโหวจะไม่ได้สูงส่งเท่าเหล่าบรรดาองค์ชายและท่านอ๋อง แต่ความไว้วางใจของเสด็จพ่อที่มีต่อมู่ฉังหมิงนั้นมากกว่าพระโอรส แต่ถ้าหากโหรวเฟยให้กำเนิดพระโอรสจริงๆ…ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าในภาคภายหน้าซู่เฉิงโหวจะเลือกยืนอยู่จุดไหน บางที…ตอนนี้มู่ฉังหมิงอาจจะยืนอยู่ข้างเขาเพื่อให้โหรวเฟยยืนหยัดอย่างมั่นคงในวังหลวง ปูทางให้องค์ชายน้อยในอนาคตแล้วก็ได้

มู่ชิงอีเพียงมองดูท่าทางของมู่หรงอวี้ ก็รู้ได้ว่าเขากำลังสงสัยในตัวมู่ฉังหมิง จึงยิ้มอยู่ในใจแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก

หลายสิ่งหลายอย่างนั้นสายเกินไปแล้ว ทางที่ดีก็ควรจะหาแผนรับมือที่ดีที่สุด

เมื่อครู่เรื่องของตระกูลหลี่ คุณหนูสี่ทำได้ไม่เลว หากคุณหนูสี่มีเวลาก็เชิญไปเยี่ยมเยียนพูดคุยกับลูกพี่ลูกน้องหญิงให้บ่อยๆ เสียหน่อยเถิด มู่หรงอวี้ยิ้มอย่างสงบ ลูกพี่ลูกน้องหญิงที่หมายถึงก็คือพระชายากง จูหมิงเยียน มู่หรงอวี้ทำท่าทีราวกับว่า ไม่รู้ว่าจูหมิงเยียนนั้นไม่ชอบหน้ามู่ชิงอี นี่ก็สายมากแล้วข้าจะให้คนไปส่งพวกเจ้า อวิ๋นหรง

มู่อวิ๋นหรงที่ไม่สามารถอ้าปากพูดอะไรได้ ได้มองมู่หรงอวี้ด้วยความตกใจ มู่หรงอวี้กล่าวอย่างเฉยเมย เรื่องในวันนี้ข้าไม่อยากให้ผู้ใดล่วงรู้ เจ้าเข้าใจหรือไม่

เข้า…เข้าใจเพคะ อันที่จริงมู่อวิ๋นหรงไม่รู้อะไรเลย คำพูดของมู่ชิงอีในตอนแรกนั้นทำให้มู่อวิ๋นหรงตกใจสิ้นไร้สติ จนหูของนางอื้ออึงไม่ได้ยินสิ่งใดอื่น แต่หากแม้แต่มู่หรงอวี้ก็ไม่สงสัย มู่อวิ๋นหรงนั้นย่อมไม่เข้าใจอย่างแน่นอนว่ามู่ชิงอีกำลังยุยงความสัมพันธ์ระหว่างมู่ฉังหมิงกับจวนกงอ๋อง

มู่ชิงอีเอ่ยลาอย่างนอบน้อม ชิงอีขอตัวลาเพคะ

เมื่อเห็นว่ามู่ชิงอีและมู่อวิ๋นหรงออกไปด้านนอกแล้ว มู่หรงอานก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างครุ่งคิด พูดขึ้นว่า พี่หก มู่อวิ๋นหรงโง่งมผู้นี้อภิเษกเข้าจวนหนิงอ๋อง เช่นนี้จะดีหรือ ไม่ใช่ว่ามู่ชิงอีนั้นเหมาะสมกว่า? แม้ว่าจะไม่ได้สนใจทั้งมู่อวิ๋นหรงและมู่ชิงอี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเต็มใจปล่อยให้ตัวเองอภิเษกสมรสกับคนงี่เง่าโง่งมเช่นนี้

มู่หรงอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองมู่หรงอานแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา เจ้าคิดว่าสามารถเปลี่ยนแปลงสตรีจวนซู่เฉิงโหวได้ตามต้องการเช่นนั้นหรือ เมื่อมู่อวิ๋นหรงถูกใช้แทนมู่ชิงอีนั่นเป็นสิ่งที่มู่ฉังหมิงต้องการประนีประนอมกับจวนกงอ๋อง และยังเป็นสิ่งที่มู่ฉังหมิงนั้นพึงพอใจด้วยเช่นกัน แต่หากเปลี่ยนอีกครั้ง ก็เท่ากับว่าเป็นการตบหน้าซู่เฉิงโหว เช่นนั้นก็เกรงว่ามู่ฉังหมิงจะหันหลังให้กับจวนกงอ๋อง ในแวดวงขุนนาง ต้องไม่ทำสิ่งใดที่ทำให้พวกเขาอับอายขายขี้หน้า

และ…มู่ชิงอีผู้นั้น เจ้ายุ่งกับนางไม่ได้ มู่หรงอวี้กล่าวอย่างช้าๆ

มู่หรงอานไม่พอใจ เขาคิดว่ามู่ชิงอีฉลาดกว่าและน่ามองกว่ามู่อวิ๋นหรง ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นถึงองค์ชาย เป็นถึงหนิงอ๋อง เหตุใดจะยื่นมือไปยุ่งกับหญิงสาวผู้หนึ่งไม่ได้

มู่หรงอวี้มองไปยังน้องชายของตัวเองอย่างคาดหวัง พลางส่ายหน้าให้แล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมู่ชิงอีกับผู้ที่ซ่อนอยู่ในจวนของเจ้าเป็นอย่างไร รู้ชัดเจนแล้วเช่นนั้นหรือ หากนางเข้าไปในจวนจริงๆ ข้าเกรงว่าจะไม่มีผู้ใดทราบว่าเจ้าจะตายด้วยน้ำมือของสองคนนี้เมื่อไร ลืมบทเรียนที่กู้อวิ๋นเกอมอบให้เจ้าแล้วหรืออย่างไรกัน

เมื่อมู่หรงอวี้เอ่ยถึงเรื่องนี้ มู่หรงอานพลันรู้สึกว่าบาดแผลที่ท้องของตนยังไม่หายดีและเริ่มเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่กู้อวิ๋นเกอมอบให้เขานั้นก็คือปิ่นปักผม และเพราะกู้อวิ๋นเป็นเพียงสตรีอ่อนแอเกอจึงไม่ได้มีพละกำลังมากมาย หากเปลี่ยนเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ล่ะก็ เกรงว่าตนคงจะสิ้นชีพไปแล้ว

เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ มู่หรงอวี้ก็กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า เจ้าฟังคำของข้าเถิด ทิ้งคนผู้นี้ไปเสียเถิด อย่าได้กล่าวอีกว่ามู่ชิงอีผู้นี้จะสามารถอภิเษกกับเจ้า อย่างที่เจ้าต้องการได้เลย

มู่หรงอานสัมผัสที่ท้องของตน นัยน์ตาที่แข็งกร้าวก็ฉายประกายแสงแข็งกระด้างขึ้นมา ข้าก็พูดไปเรื่อย หากพี่หกนั้นไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร แต่อย่างไรก็ตามมู่อวิ๋นหรงควรจะฉลาดกว่านี้เพื่อข้าสักหน่อย หากนางเข้าจวนหนิงอ๋องไปแล้วกระทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ…ข้าจะสับนางให้แหลก!

มู่หรงอวี้มองไปที่น้องชายของตัวเองอย่างผิดหวัง จริงๆ เขาเข้าใจดีว่าเหตุใดมู่หรงอานถึงอยากให้มู่ชิงอีแต่งเข้าไปที่จวนของตัวเอง มู่ชิงอีกับคนผู้นั้นเป็นญาติกันและยังมีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่เยาว์วัย มู่หรงอานยังคิดกลัวว่าการอภิเษกสมรสเข้ามาของมู่อวิ๋นหรงจะทำให้กู้ซิ่วถิงถูกกลั่นแกล้งทำร้าย

ข้าคิดว่าเจ้าเป็นปีศาจจริงๆ!

มู่หรงอานเลิกคิ้วอย่างเฉยเมย ไม่สนใจคำพูดของพี่ชาย

หลังจากกลับถึงจวน มู่ชิงอีเกียจคร้านเกินกว่าจะเอ่ยอ้อมค้อมยืดยาว จากนั้นก็โยนเรื่องของมู่อวิ๋นหรงให้มู่ฉังหมิงจัดการต่อ เตรียมตัวที่จะพาบ่าวรับใช้กลับไปที่เรือนหลานจื่อทันที มู่ฉังหมิงที่ได้ฟังเรื่องที่มู่อวิ๋นหรงก่อขึ้นที่หอชิงอานและคำกล่าวของกงอ๋องที่มู่ชิงอีบอกเล่าให้ฟัง ก็เพียงหวังว่าบุตรีที่โปรดปรานของตนจะไม่โดนบีบคอจนสิ้นชีพ อีกทั้งยังกล้าที่จะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกโดยกล่าวอ้างตำแหน่งว่าที่พระชายาหนิงก่อนที่จะได้อภิเษกสมรสเข้าจวน พระชายาแบบนี้อาจจะไม่ถูกยอมรับ

ขณะที่มู่ฉังหมิงกำลังสั่งสอนมู่อวิ๋นหรงนั้น ในใจพลันสงสัยว่าตนควรจะไปที่จวนหนิงอ๋องและตระกูลหลี่ด้วยตัวเองหรือไม่ แต่เมื่อนึกถึงข่าวจากโหรวเฟยในวังที่บอกว่าเหมือนจะตั้งครรภ์ เขาก็ยิ่งลังเลใจ

อีเอ๋อร์ พ่อควรไปมอบของกำนัลด้วยตัวเองหรือไม่ มองไปยังบุตรีที่เกิดจากฮูหยินของตนพลางเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ

มู่ชิงอีค่อยๆ ลืมตาขึ้น กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า ท่านพ่อกังวลเกินไปแล้ว กงอ๋องและหนิงอ๋องไม่ได้เอาความพี่หญิงสามเจ้าค่ะ เพียงแต่ตระกูลหลี่นั้น…ให้พี่ใหญ่เอาของกำนัลไปมอบในนามของท่านพ่อก็ได้เจ้าค่ะ เมื่อย้อนกลับไปคราวนั้น ท่านหลี่ยังให้บุตรชายคนโตมาพบ ท่านพ่อเองก็ไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเองเช่นกัน นอกจากนั้น ในยามนี้จวนเรามีเรื่องใหญ่รอให้จัดการมากมาย

ดวงตาของมู่ฉังหมิงเป็นประกาย คำพูดของมู่ชิงอีตรงกับสิ่งที่ตนต้องการอยู่พอดี แม้เรื่องในวันนี้จวนซู่เฉิงโหวเป็นผู้กระทำผิด แต่ทุกวันนี้ก็มีเรื่องน่าละอายมากอยู่แล้ว มู่ฉังหมิงไม่ต้องการไปด้วยตัวเองเพื่อโดนเหยียบย่ำ

ไหนเจ้าลองบอกมาว่ายามนี้ควรทำเช่นไร

มู่ชิงอีหลับตาลงแล้วกล่าวว่า นี่ควรเป็นสิ่งที่ชิงอีบอกกล่าว ท่านพ่อควรจะมีฮูหยินเอกและผู้สืบทอดแล้วเจ้าค่ะ

มู่ฉังหมิงหน้าเปลี่ยนสี หรี่ตามองไปที่มู่ชิงอีอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า เกรงว่าพระสนมเอกโหรวเฟยจะไม่พอพระทัย

มู่ชิงอีกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า พระสนมโหรวเฟยเป็นคนใจกว้าง เหตุใดจะไม่มีความสุขกับเรื่องเช่นนี้ ท่านพ่อ การมีฮูหยินเอกไม่เพียงแต่หมายความว่าจวนซู่เฉิงโหวของเราจะมีนายหญิงและผู้สืบทอดเพิ่มในอนาคต แต่ยังหมายความว่าจวนซู่เฉิงโหวจะมีการเกี่ยวดองเพิ่มพูดอำนาจมากยิ่งขึ้น ชิงอีทราบดีว่าท่านพ่อห่วงใยพระสนมโหรวเฟย แต่…บางทีตระกูลซุนอาจจะส่งเสริมอำนาจจวนซู่เฉิงโหวได้ไม่มากนัก เช่นนี้พระสนมก็จะยิ่งไม่มั่นคง แต่หากจวนซู่เฉิงโหวสุขสบายอำนาจมากล้น เช่นนั้น พระสนมเอกก็จะมีความสุขมากยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ

ตอนต่อไป