การที่ปราชญ์ดาบปรากฏกาย ณ ที่ประชุมสภาก็ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์แล้ว

 

 ที่เหลือเชื่อไปกว่านั้นคือการที่ปราชญ์ดาบพูดทักทายหนึ่งในเจ้าชายทันทีที่พบหน้า

 

 การกระทำนี้ส่งผลอย่างใหญ่หลวง

 

 แม้เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง สอง สาม และเจ้าหญิงลำดับที่สี่จะมาถึงก่อนหน้า

 

 ทว่าปราชญ์ดาบก็มิได้ปริปากแต่อย่างใด เขามองเจ้าชายลำดับที่สองด้วยแววตาสนใจแต่ก็เพียงแค่นั้น

 

 ไม่มีคำทักทายหรือท่าทางเป็นมิตร

 

 ยิ่งไปกว่านั้น ถ้อยคำที่เขาใช้ยังเป็น…

 

‘เดือนนึงแล้วสินะ’
‘พัฒนาขึ้นบ้างไหม?’

 

 ทั้งหมดนี้บ่งบอกได้ถึงข้อสรุปเพียงหนึ่ง

 

 เจ้าชายเก้าพบเจอปราชญ์ดาบมาก่อนหน้านี้แล้ว

 

 และยังเป็นภายในระยะเวลาราวหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอีกด้วย

 

 ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมสภาครั้งก่อนของเจ้าชายฉัตรต่างจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ดี เหล่าขุนนางทั้งหลายมิใช่ว่าจะโง่งมเสียหมด

 

 จากการประชุมสภาครั้งก่อน…

 

 หนึ่งวัดถัดจากนั้น เจ้าชายฉัตรได้เดินทางไปยังปราสาทธันเดอร์ดูม

 

‘องค์ชายเก้าเจอปราชญ์ดาบได้ยังไง? หรือว่าตาลุงนั่นไปหาองค์ชายเก้าเอง?’
‘ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตาลุงปราชญ์ดาบเนี่ยนะ?’
‘ปราชญ์ดาบอิชย์?!’

 

 คำถามที่ผุดขึ้นก่อกำเนิดข้อสงสัย

 

 ข้อสงสัยก่อเกิดข้อสันนิษฐาน ตามมาด้วยข้อสรุปที่ยากจะเชื่อ

 

 เจ้าชายลำดับที่หนึ่งไบคาล แร็กนารอสมีอาการชะงักเล็กน้อย เขาอยากจะหันไปมองข้างหลังให้ได้เสียในทันที

 

 ทางด้านเจ้าชายลำดับที่สามวิคเตอร์ เนคริออน เขาไม่อาจเก็บอาการได้เหมือนไบคาล วิคเตอร์หันชำเลืองมองมาอย่างสับสน

 

 เจ้าหญิงลำดับที่สี่อนาสทาเชีย เนคริออนยังคงควบคุมตัวเองไว้ได้ แต่นางก็ไม่อาจเก็บซ่อนท่าทางลนลานเล็กน้อยเอาไว้

 

 มีเพียงเจ้าชายลำดับที่สองแซเฟียร์ แร็กนารอสเท่านั้นที่ไม่ยี่หระ

 

 ขณะที่ทุกสายตาสอดส่องมองไปยังปราชญ์ดาบสลับกับเจ้าชายลำดับที่เก้าฉัตร อิกษณา ตัวอินกองก็พยายามเก็บอาการไม่ให้ไหลไปตามคลื่นความสับสนจากการทักทาย

 

 เฟลิซีพยายามข่มความต้องการจะใช้มือมากุมอกของนางเอาไว้ หัวใจนางเต้นระรัว ท้องนางปวดจากการทำงานผิดปกติ อาการตรงตามที่นางอ่านเจอในนิยายฆ่าเวลาของนาง นี่เป็นผลของการที่ร่างกายเกร็งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรับมือไม่ทัน

 

‘ฮาราบอจิ! ไหนว่าดึงดูดสายตามากพอแล้วไง!’

 

 ปราชญ์ดาบเป็นผู้กล่าวไว้ที่ปราสาทธันเดอร์ดูมด้วยตนเอง

 

 เรื่องที่เจ้าชายฉัตรสามารถประสานเคล็ดไอศวรรย์สัตว์เทพเข้ากับเคล็ดประกาศิตจิตสุร รวมเป็นเคล็ดไอศวรรย์ราชันสุร เรื่องนี้ต้องถูกปกปิดเอาไว้ให้มิดชิด

 

 ตอนนี้เจ้าชายฉัตรเป็นจุดสนใจอย่างมาก หากมีเรื่องการประสานเคล็ดวิชามาเพิ่ม ความสนใจที่พุ่งมาอยู่แล้วจะยิ่งทวีคูณ

 

 เช่นนั้นแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร? บททดสอบที่มีให้เห็นในนิยาย? ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือโจทย์สินะ?

 

‘รังแกแบบนี้ต้องการอะไรกันแน่?’
‘ไม่เห็นต้องมีบททดสอบหรือโจทย์บ้าบออะไรเลย!’
โอ๊ยอกอีแป้นจะแตกกก?!

 

 เฟลิซีพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านเพื่อคงอากัปกิริยา

 

 แม้สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของแต่ละบุคคลจะต่างกันออกไป แต่ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็คือการกล่าวทักทายจากปราชญ์ดาบ

 

 แน่นอนว่าต้องมีการตอบรับ

 

 จะตอบรับอย่างไรดี? ขานตอบ? หรือนิ่งเงียบเอาไว้เพราะอยู่ต่อหน้าจอมมาร?

 

 ผู้ที่อยู่ในสถานการณ์จริงคือฉัตร แต่ถึงกระนั้นเฟลิซีก็ไม่สามารถปรับตัวได้ ร่างกายเธอปวดเกร็ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่จิตใจอันบอบบางของนางควรจะเผชิญเสียเลย…

 

 เวลาผ่านไปไม่กี่วินาที

 

 ท่ามกลางห้วงเวลาที่เรียกได้ว่าแสนสั้นและยาวนาน ระหว่างที่เฟลิซียังคงพยายามซ่อมแซมจิตใจ ระหว่างที่เหล่าขุนนางยังคงตะลึงงัน

 

“โอ้ ข้าขอโทษที่เสียมารยาท ข้าลืมไปว่านี่คือที่ประชุมสภาของวังหลวง”

 

 ปราชญ์ดาบกล่าวขึ้นอีกครั้ง เขาหันไปก้มคำนับขอโทษจอมมาร ซึ่งจอมมารก็รับไว้ด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

 

 พายุได้ผ่านพ้นไปในที่สุด

 

 ทว่าฟ้าหลังฝน กลับมิได้งดงามอย่างที่คิด

 

 หลากอารมณ์ที่เกิดขึ้น และถูกกดทับเอาไว้…

 

 บรรยากาศในตอนนี้ไม่ต่างจากช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิด มันจะปิดมิดเสียได้กระไร

 ต้นฉบับคือซ่อนคนทั้งอัฒจันทร์ด้วยผ้าเช็ดหน้า เป็นสำนวนที่มีความหมายเดียวกัน

 

 ต้องขอบคุณผู้จัดการประชุม อิซเบลทำหน้าที่ของนางและดึงผู้เข้าร่วมกลับเข้าหัวข้อการประชุม

 

“เก้า… ไม่สิ เจ้าชายลำดับที่ห้าซิลวาน ดูมเบลด”

 

 เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยที่สามารถอภัยได้ บางส่วนคิดว่านางจงใจเพื่อให้บรรยากาศหายจากภาวะตึงเครียด

 

 ตัวอย่างก็คือซิลวานผู้ก้าวเท้าออกไป เฟลิซีมองพี่ชายของนางแล้วปวดเกร็งอีกครั้งแทบจะในทันที

 

‘โถ่ ซิลวาน! ช่วยขยับแขนขาให้ตรงจังหวะหน่อยเถอะ!’
‘ทำไมต้องเริ่มจากซิลวานด้วยนะ?’

 

 เนื่องจากซิลวานชื่นชมบูชาปราชญ์ดาบมาโดยตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้สติของเขาหลุดลอย ทวงท่าการเดินของเขาจึงผิดแปลกไปบ้าง แต่เมื่อถึงต่อหน้าจอมมารซิลวานก็แสดงกิริยาได้เหมาะสมกับที่เป็นเจ้าชาย เหล่าผู้ชมก็มีสภาพไม่ต่างกันพวกเขาจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติเท่าไร

 

 เฟลิซีถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะเกร็งอีกครั้ง

 

“เจ้าหญิงลำดับที่หกเฟลิซี ดูมเบลด”

 

‘ทำไมฉันต้องถัดจากซิลวานด้วยเนี่ย?’

 

 เฟลิซีขุ่นเคืองราชินีซิลเวียแม่ของนางขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะวางมาดก้าวเท้าออกไปตามคำขานของอิซเบล

 

 ลำดับต่อมาเป็นคริสต์ ตามด้วยเคทลิน ด้วยเวลาที่มีให้เตรียมตัว ทั้งสองจึงสามารถแสดงอากัปกิริยาที่สมฐานะได้มากกว่าซิลวานกับเฟลิซี

 

 คริสต์มีรอยยิ้มอย่างมั่นใจเช่นเคย ส่วนเคทลินก็มีทวงท่าอันนอบน้อม

 

 ท้ายที่สุดก็มาถึงลำดับสุดท้าย

 

“เจ้าชายลำดับที่เก้าฉัตร อิกษณา”

 

 อินกองก้าวเท้าเดินออกทันทีที่สิ้นเสียงอิซเบล เขาเดินออกไปด้วยรอยยิ้มท่ามกลางสายตาที่ทิ่มแทงมากมาย

 

‘ครั้งที่สามแล้วสินะ’

 

 คำกล่าวที่ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอดด้วยการปรับตัวดูจะเป็นความจริง

 

 อินกองก้าวเข้าประจำตำแหน่งแล้วย่อตัวคุกเข่าลงต่อหน้าจอมมาร

 

 เมื่อนักแสดงทั้งหมดเข้าประจำที่แล้ว ก็ถึงเวลาอันสมควรเปิดม่านการแสดง

 

 หากทว่าเวลาที่คู่ควรนั้นยังไม่มาถึง

 

 จอมมารจ้องมองทายาททั้งหมดตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปพูดคุยกับปราชญ์ดาบ

 

“ปราชญ์ดาบ ท่านออกจากเขตศักดิ์สิทธิ์เพียงเพื่อไปพบฉัตรงั้นรึ?”

 

 ทั้งหมดต่างเฝ้ารอคำตอบจากคำถามของจอมมาร การที่จอมมารเอ่ยบางสิ่งในที่ประชุมไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกต่อไป

 

 ยิ่งไปกว่านั้น เป้าของคำถามยังเป็นถึงอาจารย์ของจอมมาร และตัวคำถามก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก

 

 ปราชญ์ดาบออกมาจากเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าสุร

 

 สาเหตุเพียงเพื่อต้องการพบกับเจ้าชายฉัตร

 

 มีเพียงส่วนน้อยที่เคยได้ยินชื่อเขตแดนศัดิ์สิทธิ์ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือเรื่องที่ปราชญ์ดาบเดินทางไปพบเจ้าชายฉัตรด้วยตนเอง

 

 ทั้งหมดจดจ่อรอฟังคำตอบจากผู้อาวุโสท่านนี้ อิชย์หัวเราะเล็กน้อยแล้วตอบอย่างสบายอารมณ์

 

“ใช่แล้ว เป็นเพียงเวลาสั้นๆแต่การถ่ายทอดวิชาอีกครั้งก็ไม่เลวเลย”

 

 คำตอบอันรวบรัด แต่แฝงด้วยความหมายที่ไม่อาจมองข้าม

 

 การถ่ายทอดวิชา…

 

 หัวใจเฟลิซีเต้นระรัว ซิลวานตัวแข็งทื่อ วิคเตอร์กัดฟันแน่น

 

 แม่ทัพองครักษ์ตนหนึ่งถามเพิ่มเติม

 

“ท่านปราชญ์ดาบจะบอกว่า เจ้าชายฉัตรเป็นศิษย์คนใหม่ของท่านงั้นหรือ?”

 

 หนึ่งในห้าแม่ทัพองครักษ์หลวง กาลาฮัดแห่งเผ่าสุรปริปากถามขึ้น

 

 ในบรรดาเหล่าสุรแล้ว กาลาฮัดมีรูปร่างที่ผิดแปลกออกไป ผมสีน้ำตาลออกทอง รูปร่างที่ผอมบางกว่าปกติ บุคลิกที่โอบอ้อมอารี

 

 หากใบหน้าของกาลาฮัดมีรอยยิ้ม เขาก็คงเปรียบได้ดุจดวงอาทิตย์ผุดผ่อง หากด้วยเหตุผลบางประการ ใบหน้าของเขาจะมีความขุ่นมัวตลอดเวลา

 

 คำถามของกาลาฮัดเปรียบเสมือนตัวแทนจากแม่ทัพองครักษ์ และผู้ชมต่างเฝ้ารอคำตอบ

 

 แน่นอนว่าอิชย์ก็ตอบกลับมาอย่างครื้นเครง

 

“เจ้าชายเก้ามิได้ใช้ดาบเป็นอาวุธ ข้าก็เลยสอนได้เพียงไม่กี่อย่าง”

 

 เสียงกลืนน้ำลายจากเหล่าผู้ชม

 

 ดูเหมือนสิ่งที่ผ่านไปจะมิใช่พายุเสียแล้ว เป็นเพียงลมสัญญาณเตือนภัยถึงพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะมา

 

 คำตอบของปราชญ์ดาบสามารถสื่อได้ว่า ปราชญ์ดาบคงรับเจ้าชายฉัตรเป็นศิษย์หากอีกฝ่ายใช้ดาบเป็นอาวุธ

 

 เป็นคำตอบที่สร้างความตกตะลึงให้กับกาลาฮัดผู้ถาม แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในคำตอบที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อปราชญ์ดาบเป็นผู้ตอบเองมันช่างใหญ่โต

 

 ซิลวานเริ่มหน้าซีด เฟลิซีอยากจะเข้าโผกอดพี่ชายของนางเอาไว้แต่รางกายของนางไร้เรี่ยวแรง และทันใดนั้นเองที่เฟลิซีเข้าใจในที่สุด

 

 นี่มิใช่โจทย์ที่ปราชญ์ดาบมอบให้เจ้าชายฉัตร

 

 ในทางตรงกันข้าม

 

‘แสดงว่าฮาราบอจิคิดเหมือนพวกเรา’

 

 พวกเขาต้องระวังตัวมากขึ้นเมื่อกลายเป็นเป้าสายตา ในเมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ควรทำตัวให้เด่นที่สุด เพื่อจะได้ใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสในการรวบรวมสมาชิกเพิ่มเติมไปด้วยในตัว

 

 ทั้งอินกอง เฟลิซี และคริสต์คิดเช่นนี้จึงร่วมกันเดินทางกลับด้วยเรือเหาะของซิลวาน

 

 เช่นเดียวกับปราชญ์ดาบอิชย์

 

 การตื่นตัวเป็นเรื่องดี ระแวดระวังก็เป็นปกติ แต่อย่าได้ก่อกวน

 

 อย่าแหย่จมูกเสือ…

 

 นอกเหนือไปจากในสถานการณ์คับขันหรือเพื่อปั่นเร้าอารมณ์ การลงมือก่อนไม่ใช่ทางเลือกทีดีนัก

 

 ยิ่งด้วยทางสถิติแล้ว ฝ่ายที่ลงมือก่อนมักเป็นฝ่ายที่อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบกว่าฝ่ายที่นิ่งเฉย จึงต้องชิงลงมือก่อนเพื่อดึงความได้เปรียบทางกลยุทธ

 

‘หรือก็คือนี่เป็นการเตือนว่า อย่าแส่หาเรื่อง’

 

 เจ้าชายลำดับที่เก้าเปรียบได้เช่นนั้น ด้วยความที่ไม่มีผู้ใดหนุนหลังนั่นทำให้เขาถูกมองข้ามมาโดยตลอด

 

 ทว่าในตอนนี้ทั้งเจ้าหญิงลำดับที่หกและเจ้าชายลำดับที่เจ็ดต่างเข้ามาสนับสนุน กระทั่งปราชญ์ดาบก็เปิดเผยตัว

 

 เรียกได้ว่ายากที่จะจับต้อง

 

 แม่ทัพองครักษ์แห่งเผ่ามังกรริชาร์ดหรี่ตาลงครุ่นคิด แม่ทัพองครักษ์แห่งเผ่าไนท์แมร์เยอคาเตอริน่าแสยะยิ้มอย่างเย้ายวน แม่ทัพองครักษ์อีกสองตนมีปฏิกิริยาต่างกันออกไป

 

“น่าสนใจ”

 

 จอมมารกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะหันไปคุยกับอิซเบล

 

“ต่อเลย”

 

“รับทราบ!”

 

 อิซเบลตอบเสียงดังพลางเลียริมฝีปากของนาง นางประกาศจุดประสงค์ของการประชุมสภาในครั้งนี้ด้วยเสียงที่สั่นเทาปนอาการตื่นเต้น

 

“นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณเขตชายแดนของโลกมาร”

 

 อิซเบลพูดพลางแสดงภาพจำลองแผนที่ขึ้น คำพูดของนางทำให้ผู้ชมอดชำเลืองมองแผนที่ไม่ได้

 

 เมื่ออ้างอิงจากเกมบทกวีแห่งผู้กล้า โลกมารนั้นไม่ใช่ดินแดนที่เลวร้ายอะไร

 

 ในโลกมารนี้มีสิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธุ์ที่มีรูปร่างใกล้เคียงมนุษย์

 

 แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกับโลกมนุษย์ ดินแดนโลกมารนั้นโหดร้ายกว่า มีความรุนแรงและการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังมีระเบียบกฎเกณฑ์

 

 ว่ากันตามตรงแล้วดินแดนที่พวกมนุษย์เรียกว่าแดนปีศาจนั้นคือเขตแดนที่อยู่เหนือโลกมารไปอีกที

 

 ดินแดนขั้วโลกที่อยู่เลยขึ้นไปทางทิศเหนือ…

 

 สภาพอากาศอันเลวร้ายที่เทียบเคียงราวกับขุมนรก สิ่งมีชีวิตที่ต้องปรับตัวเพื่ออาศัยอยู่ในดินแดนอันโหดร้ายนี้

 

 หน้าที่หลักของเหล่าพลเอกคือการเฝ้าระวังดินแดนเหล่านี้ เพื่อป้องกันมิให้อันตรายทั้งหลายแพร่กระจายเข้ามาในโลกมาร

 

 แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงดินแดนจากทิศเหนือ

 

 ถัดจากรอยต่อเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และโลกมาร ดินแดนทางทิศใต้ก็มีชนเผ่าที่เป็นศัตรูของโลกมารอยู่หลากหลาย

 

 ไม่ว่าจะเป็นดินแดนขั้วโลก แดนโลกมนุษย์ ศัตรูตามชายแดน…

 

 พวกไหนกันที่เริ่มเคลื่อนไหว?

 

 อิซเบลกล่าวอธิบายเพิ่ม

 

“ในเวลาสองเดือนที่ผ่านมา มีพื้นที่อย่างน้อยห้าจุดถูกโจมตีโดยพวกศัตรูไอพลังสีม่วง มีพื้นที่สามจุดที่เสียหายจนกลายเป็นป่ารกร้างหรือทะเลทราย”

 

 ที่ราบอินคาเป็นหนึ่งในบริเวณห้าจุดบนแผนที่ที่อิซเบลแสดงขึ้น

 

“จุดแรกที่ถูกโจมตีคือที่ราบอินคา และอย่างที่ได้รายงานไปแล้วในการประชุมครั้งก่อน เจ้าหญิงลำดับที่หกและเจ้าชายลำดับที่เก้าได้ร่วมมือป้องกันการโจมตีนี้เอาไว้ได้”

 

 อีกสี่บริเวณที่เหลือต่างกระจายกันอย่างไม่มีปัจจัยร่วม

 

“จุดสุดท้ายก็คือบริเวณป่าแมงมุมในเขตแดนของเหล่าไลแคนโทรป จุดนี้ต่างไปจากจุดอื่นเพราะไม่ใช่บริเวณชายแดนเสียทีเดียว แต่เคลื่อนเข้ามาในเขตแดนของโลกมาร ซึ่งในจุดนี้ก็ได้เจ้าชายลำดับที่ห้า เจ้าหญิงลำดับที่หก เจ้าหญิงลำดับที่แปด และเจ้าชายลำดับที่เก้าช่วยกันปกป้องเอาไว้”

 

 อินกองกลืนน้ำลายของเขา

 

 นอกเหนือจากการรับรู้ของอินกอง อาชาแห่งอาสัญได้เข้าจู่โจมหลายบริเวณของโลกมาร และมีสามจุดที่ถูกทำลายลงราบคาบ

 

‘ผู้พิทักษ์ถูกกำจัด’

 

 ที่ราบอินคาคงอยู่ได้ด้วยเวทมนตร์ของพยานอันเคล หากเวทมนตร์เขตแดนนี้ถูกถอดถอน บริเวณนี้จะกลับคืนสู่ผืนทะเลทรายอันเวิ่งว้าง

 

 แล้วบริเวณอื่นเป็นเช่นไร? บางทีเหล่าผู้พิทักษ์อาจมีบทบาทที่อินกองไม่รับรู้?

 

 อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นไปเรียบร้อย อาชาแห่งอาสัญผู้ปรารถนาความวอดวายได้เข้าจู่โจมโลกมาร

 

“มีรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มคนในไอพลังสีม่วงปรากฏขึ้นบริเวณปราสาทธันเดอร์ดูม จากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้สามารถสรุปได้ว่าพวกนี้เป็นตัวอันตราย”

 

 อิซเบลหยุดพูดแล้วดีดนิ้วของนาง ภาพจำลองแผนที่เปลี่ยนสภาพแสดงส่งสีบ่งบอกบริเวณ

 

“นี่คือบริเวณพื้นที่ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของพวกมัน เหล่าทายาทถูกเรียกตัวกลับมาเพื่อป้องกันบริเวณเหล่านี้ รวมถึงสืบหาต้นต่อฐานที่มั่นของพวกมัน”

 

 เมื่อลองมองย้อนกลับไปแล้ว ภารกิจนี้ก็ไม่ต่างไปจากภารกิจที่ผ่านมาเท่าไร

 

 อิซเบลจ้องมองมาที่อินกอง

 

“เนื่องจากเจ้าชายลำดับที่เก้ากับเจ้าหญิงลำดับที่หกเป็นผู้พบเจอศัตรูเหล่านี้ และยังขัดขวางพวกมันได้สำเร็จถึงสองครั้ง ทายาททั้งสองจึงได้สิทธิ์ในการเลือกพื้นที่ก่อน ทั้งคู่ต้องการเลือกบริเวณใดเป็นพิเศษหรือไม่?”

 

 เป็นคำถามที่ยากจะตอบได้ในทันที แต่นี่ถือเป็นเรื่องปกติของวังจอมมาร

 

 ใช่แล้ว สถานที่แห่งนี้คือพื้นที่ตรวจวัดความสามารถทายาทแต่ละตน เรื่องเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นเป็นประจำ พวกเขาไม่มีทางถอยจากปัญหาเหล่านี้แน่นอน

 

 อินกองจ้องมองภาพแสดงของอิซเบล บริเวณที่ถูกเน้นเหล่านี้ล้วนมีคำอธิบายประกอบเพิ่มเติม

 

 การเลือกภารกิจที่เหมาะสมกับตนเองเป็นหนึ่งในเกณฑ์การวัดความสามารถด้านการตริตรอง

 

 อินกองพยายามระลึกถึงข้อมูลของบริเวณเหล่านี้ เขาพอจะนึกถึงลักษณะภูมิประเทศขึ้นได้คร่าวคร่าว

 

 จุดที่เหมาะแก่การตั้งรับด้วยปัจจัยทางภูมิศาสตร์ จุดที่ยากแก่การตั้งรับเพราะรอบบริเวณล้วนเป็นที่ราบ

 

 อินกองหัวเราะให้กับความคิดของเขา บริเวณที่ยากแก่การตั้งรับคือบริเวณที่ควรหลีกเลี่ยง ทว่าจิตใจเขากลับพุ่งไปบริเวณนั้น

 

‘พลเอกแวนเดล’

 

 นี่คือบริเวณที่แวนเดลได้รับมอบหมายหลังจากเสร็จสิ้นเรื่องการก่อกบฏเผ่าสายฟ้าชาด ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส นี่อาจเป็นโอกาสดีในการดึงตัวแวนเดล

 

‘ก็นะ นั่นคือถ้าเราสามารถชนะได้ละนะ’

 

 ดูท้าทายมากเลยทีเดียว อินกองสูดหายใจก่อนจะตอบออกไป

 

“เราขอเลือกเอเวียง”

 

 บางส่วนโล่งอกกับการตัดสินใจของอินกอง บ้างสงสัย และบ้างก็หัวเราะเยาะมองว่าเป็นการตัดสินใจแบบเด็ก

 

 เอเวียงไม่ใช่สถานที่เหมาะแก่การตั้งรับ และก็ไม่ใช่สถานที่สำคัญอะไร

 

 กระทั่งเฟลิซีก็สงสัยในการตัดสินใจของอินกอง

 

 ทว่ามีบุคคลหนึ่งที่คิดต่างออกไป

 

 บุคคลผู้ซึ่งต้องการไปยังสถานที่แห่งนี้เช่นกันในพริบตาที่มันปรากฏบนภาพจำลอง

 

 เจ้าชายลำดับที่สองแซเฟียร์ แร็กนารอสหรี่ตาจ้องมองมายังอินกอง

 

 

ทำไมถึง ‘เยอคาเตอริน่า’ ไม่ใช่ ‘แคทเทอริน’ ตอนแรกก็สงสัยเหมือนกัน ซักพักก็อ๋อเพราะว่านั่นเป็นชื่อทางอังกฤษ
ไนท์แมร์ส่วนใหญ่ในเรื่องนี้ชื่อออกไปทางรัสเซียอย่าง อนาสทาเชีย วิคเตอร์ นาตาช่า ทาเทียน่า
ก็เลยเป็นชื่อรัสเซีย เยอคาเตอริน่า/คาตาริน่า

เพราะงั้นใช่แล้วชื่อรัสเซียต้องเป็น ‘นาตาช่า’ ไม่ใช่ นายาทร่า หรือ นายาธร่า โลมาตัวนี้อ่านผิดเอง เค้าขอโทษ เค้าจะไล่ย้อนกลับไปแก้ตอนเก่าๆกันไม่ให้สับสน (//ω//)

 

เพื่มเติมเรื่อง C&D ดูเหมือนจะไม่แช่แค่นิยายละครับ พวกเว็บตูน/มังฮวาก็โดน kakao ไล่ล่าเหมือนกัน อย่าง chestnut, merakis โดนล่าแม่มดจนต้องหยุดยั้ง/เอาผลงานแปลเกาหลีออกไปแหล่ว มีอะไรบ้าง? ให้ยกตัวอย่างที่กำลังบูมๆก็ returner magic, moonligth sculptor, solo level, raid, peerless dad, มีอะไรอีกหว่า จำไม่ได้เพราะอ่านแค่นี้ (─‿‿─)♡ ได้แต่หวังว่าหางแถวแปลไทยไม่ไปอินเตอร์อย่างเราจะไม่โดนลูกหลงการล้างบางครั้งนี้ไปด้วย

TheGreatDolphin โลมาตัวใย้ใหญ่