บทที่ 64 ชักชวนท่านป้าจาง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 64 ชักชวนท่านป้าจาง

บทที่ 64 ชักชวนท่านป้าจาง

กู้เสี่ยวหวานอธิบายอย่างใจเย็น “เมื่อเช้าพวกเราไปขุดหน่อไม้ และกินเป็นอาหารกลางวันก็จริง แต่…หน่อไม้นี้แตกต่างจากที่ท่านคิด รสชาติของมันอร่อยจริง ๆ ที่กินแล้วไม่สบายท้องเพราะทำไม่ถูกวิธี หน่อไม้ดูดน้ำมันมาก บางครั้งยิ่งกินเยอะก็จะยิ่งรู้สึกหิว แต่ข้ามีวิธีทำอาหารให้มันอร่อย”

“วิธีการใดกัน?” ท่านป้าจางถามอย่างกระตือรือร้น

“ท่านป้าจาง ข้าบอกท่านไม่ได้ในตอนนี้ ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพราะอยากให้พี่ฉือโถวไปขุดหน่อไม้บนภูเขากับข้าหน่อย ขุดเพิ่มอีกหน่อย ตอนนั้นหน่อไม้จะขายได้ราคาสูงแน่นอน ตอนนั้นพี่ฉือโถวจะทำเงินจากการขายหน่อไม้อย่างแน่นอน” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างหนักแน่น

“สาวน้อยกู้ เจ้าคิดว่าหน่อไม้นี้ขายได้เงินจริงหรือ?” ท่านลุงจางเคยกินมันมาก่อน มันมีรสชาติฝาดและไม่อร่อยจริง ๆ หลังจากกินเข้าไปก็ท้องไส้ปั่นป่วนทั้งวัน อึดอัดเป็นอย่างมาก จึงไม่ได้กินมันอีกนับตั้งแต่นั้นมา

“จริงเจ้าค่ะ ท่านลุงจาง ท่านต้องเชื่อใจข้า!” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างเด็ดขาด “ดังนั้นข้าก็เลยมาขอให้พี่ฉือโถวไปขุดหน่อไม้มาเก็บที่บ้านเพื่อจะได้ขายได้ในเวลานั้น ถ้ามัน ขายไม่ได้จริง ๆ ข้าจะบอกวิธีทำหน่อไม้ให้ท่านป้า มันทั้งทีรสชาติอร่อยและคลายหิวได้ อีกทั้งยังสามารถทำเป็นอาหารจานหลักได้ ท่านป้าคิดว่าอย่างไร”

หลังจากฟังคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน ท่านป้าจางก็เข้าในอย่างกระจ่าง นางมาขอให้ฉือโถวช่วยที่ไหนกัน นี่เป็นเพียงเพื่อขอให้ฉือโถวไปหาเงิน ถ้ากู้เสี่ยวหวานรู้วิธีทำหน่อไม้ให้อร่อยจริง ๆ นางสามารถพาน้อง ๆ ของนางไปขุดหน่อไม้ด้วยตัวเองแล้วขายได้ ไม่จำเป็นต้องมาเรียกฉือโถวไปด้วยเลย

ท่านป้าจางพลันเข้าใจกระจ่างในสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวทันที

นางรู้สึกขอบคุณและโล่งใจ ขอบคุณสำหรับความจริงที่ว่าตั้งแต่การจากไปของกู้ฉวนฝูและภรรยาของเขา นางได้ช่วยเหลือพี่น้องเหล่านี้เป็นครั้งคราว และไม่ได้คาดคิดว่าแม้ว่าพวกเขาจะอายุน้อย แต่พวกเขาทั้งหมดกลับจำความเมตตานี้ได้ และโชคดีที่กู้ฉวนฝูและภรรยาของเขาควรโล่งใจเมื่อเห็นว่าลูก ๆ ของพวกเขาเป็นเด็กมีมโนธรรม

“ท่านแม่ ข้าจะไป!” ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะพูดจบ เสี่ยวฉือโถวก็ตัดสินใจจะไปขุดหน่อไม้แล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดว่าหน่อไม้ที่ขุดได้สามารถขายได้เงิน และต่อให้ขายไม่ได้ก็ยังสามารถเอากลับไปกินที่บ้านได้ หน่อไม้มีทุกที่บนภูเขา ถ้าขุดได้มากก็สามารถเก็บไว้เป็นอาหารที่บ้านได้เยอะ

แน่นอนว่าเสี่ยวฉือโถวเต็มใจไปอย่างมีความสุข

“แต่ว่า…” ท่านลุงจางที่เงียบอยู่ด้านข้างมาตลอดดูราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นว่าทุกคนพูดจบแล้ว จึงพูดว่า “ช่วงนี้อากาศหนาวมาก และหน่อไม้จะไม่เติบโตจนกว่าอากาศจะอุ่นขึ้นเมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ และหลังจากฝนตกในฤดูใบไม้ผลิถึงจะงอกออกมา ในเวลานี้พวกเจ้าจะไปขุดหน่อไม้อะไรกัน? ”

ท่านป้าจางตกตะลึง เมื่อครู่นางแค่ถามกู้เสี่ยวหวานว่าพวกเขากินหรือไม่และกินอะไร เมื่อได้ยินว่าพวกเขาบอกว่ากินหน่อไม้ นางก็ดูเหมือนจะไม่สนใจ คิดแต่อย่างเดียวว่ากินไม่ได้ แต่ไม่เคยคิดว่าตอนนี้เป็นฤดูหนาวแล้วจะหาหน่อไม้มาจากที่ใด?

หลังจากได้ยินท่านลุงจางพูดเช่นนี้ นางจึงถามว่า “ใช่แล้ว ช่วงนี้ไม่มีหน่อไม้นี่?”

“ฮ่า ๆ” กู้เสี่ยวหวานยิ้ม “ท่านลุงจาง ท่านป้าจาง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป พวกเราขุดหน่อไม้ได้แน่นอน”

ท่านลุงจางและท่านป้าจางมองหน้ากัน เมื่อพวกเขาเห็นท่าทางที่มั่นใจของกู้เสี่ยวหวาน จึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก

“พี่ฉือโถว พี่รีบไปกินข้าวเถอะ พวกเราจะกลับไปรอที่บ้าน”

เสี่ยวฉือโถวโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่ ข้าจะไปกับพวกเจ้าเลย”

หลังจากที่พูดจบ เขาก็หยิบจอบและตะกร้าเดินตามพวกกู้เสี่ยวหวานไปโดยไม่รอฟังคำทักท้วงของผู้เป็นมารดา

เมื่อกลับมาถึงบ้านกู้ กู้หนิงอันได้เก็บเครื่องมือของเขาแล้ว เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ กำลังมา พวกเขาทั้งห้าก็ได้เข้าไปยังป่าไผ่อีกครั้ง

ในป่าไผ่ กู้เสี่ยวหวานได้สอนเสี่ยวฉือโถวถึงวิธีการหาหน่อไม้ที่ฝังอยู่ใต้ดิน จากนั้นจึงสอนวิธีขุดให้เขา เสี่ยวฉือโถวที่เคยชินกับการทำไร่ หลังจากเรียนรู้และดูแล้วครั้งหนึ่งก็ลองลงมือทำในทันที พละกำลังของเขาช่างยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นเขายังแข็งแกร่งมากจนสามารถขุดหน่อไม้ได้เร็วเท่ากับพี่น้องสี่คนของตระกูลกู้

หลังจากช่วงบ่ายที่วุ่นวาย ตะกร้าของเสี่ยวฉือโถวก็เต็มไปด้วยหน่อไม้ ตะกร้าของกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน แต่ตะกร้าของเสี่ยวฉือโถวใหญ่กว่าตะกร้าของกู้เสี่ยวหวานมาก ตะกร้านี้เมื่อเต็มแล้ว จะใส่หน่อไม้ฤดูหนาวได้ราว ๆ สี่สิบถึงห้าสิบชั่ง

“พี่ฉือโถว ท่านเอาหน่อไม้กลับไปเก็บก่อน ถ้ามีใครถามอะไรก็อย่าพูดอะไร เข้าใจหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเตือน การลงมือในกิจการครั้งนี้ คนแรกที่กินปูคือวีรบุรุษ และคนแรกที่ทำกิจการก็คือวีรบุรุษเช่นกัน

แม้ว่าเสี่ยวฉือโถวจะดูเก็บตัว แต่ในใจเขาก็กระตือรือร้นมาก ทันทีที่เขาได้ยินคำแนะนำของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นและพยักหน้าตกลง หลังจากบอกลาพี่น้องครอบครัวกู้ทั้งสี่ เขาก็มุ่งหน้ากลับบ้านพร้อมตะกร้าบนหลังทันที

เมื่อพี่น้องตระกูลกู้กลับบ้าน พวกเขาก็วางหน่อไม้ที่ขุดในตอนบ่ายและหน่อไม้ที่ขุดเมื่อตอนเที่ยงเอาไว้ด้วยกัน ทั้งหมดมีน้ำหนักกว่าห้าสิบชั่ง

หลังจากกู้เสี่ยวหวานกินอาหารเย็นและล้างหน้าแปรงฟันให้กู้เสี่ยวอี้เสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเหมือนร่างกายของตนจะแหลกสลาย

สำหรับเด็กหญิงอายุแปดขวบแล้ว การขุดหน่อไม้เป็นเวลาทั้งวันไม่ใช่เรื่องง่าย

กู้เสี่ยวหวานกำลังนอนอยู่ในผ้านวมใหม่ รู้สึกแค่ว่าเอวของนางกำลังจะขาด

หากไม่ใช่เพราะวันนี้ก้มลงไปขุดหน่อไม้หน้าหนาว และก้มหน้ามองหาหน่อไม้หน้าหนาว ขุดดินและก้มตลอดทั้งวัน เอวของนางจะไม่เจ็บได้อย่างไรกัน?

ในขณะนี้ กู้เสี่ยวหวานพลันรู้สึกเศร้าโศกขึ้นมา

เด็กที่ไร้พ่อขาดแม่นั้นมีชีวิตยากลำบากมาก เมื่อหันศีรษะมองไปที่น้องทั้งสามคนที่เหนื่อยจนหลับสนิทพลันรู้สึกเศร้าจับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้เสี่ยวอี้ที่อายุน้อยที่สุด วันนี้ก็ก้มหน้าก้มตาหาหน่อไม้เช่นกัน นางมีอายุน้อยแค่นี้ นอกจากนี้ยังมีไม้ไผ่บางส่วนที่ถูกตัดซ่อนอยู่ภายใต้กองใบไผ่ ทำให้กู้เสี่ยวอี้มองไม่เห็นและมักจะสะดุดกอไผ่นั้นล้มลงอยู่หลายครั้ง แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยถึงความขมขื่นแต่อย่างใด

และยังคงมองหาหน่อไม้ฤดูหนาวอย่างระมัดระวังและจริงจัง

เฮ้อ

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกไม่สบายใจ เด็กอายุเพียงสี่ปีในชีวิตก่อนหน้านี้ที่ทำตัวเป็นเด็กนิสัยเสียในอ้อมแขนของพ่อแม่ แม้แต่อาหารก็ต้องให้พ่อแม่ป้อน นอกจากนี้ยังมีกู้หนิงอันและกู้หนิงผิง เมื่ออายุได้หกปี พวกเขาควรจะเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวไม่มีเงิน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถอ่านเขียนได้

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

คิดถูกแล้วที่พาฉือโถวมา คนเดียวขุดหน่อไม้เท่ากับสี่คนขุดเลย

ไหหม่า(海馬)