บทที่ 90 ทางแก้อันง่ายดาย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 90 ทางแก้อันง่ายดาย

บทที่ 90 ทางแก้อันง่ายดาย

“ฉันแนะนำพวกนายว่าอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเถ้าแก่” พี่หนิวหันไปพูดกับบรรดานักศึกษา

แม้ว่าเขาไม่กลัวที่จะลงมือกับอู๋ฝาน แต่หากทำร้ายนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเจียงโจวหลายคน ผลที่ตามมาจะยิ่งร้ายแรง และมันเป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่คิดอยากได้เห็น

เพียงแต่ว่าเหล่านักศึกษาต่างมีแรงใจล้นปรี่ มีหรือพวกเขาจะหวาดกลัวอีกฝ่าย ยังไม่พูดว่าที่นี่เต็มไปด้วยนักศึกษามหาวิทยาลัยเจียงโจว มันยิ่งทำให้พวกเขามีความกล้า อีกทั้งยังไม่คิดอยากได้เห็นอาจารย์ของสถาบันตนเองโดนคนอื่นกลั่นแกล้งรังแก

“เรื่องนี้ผมจัดการเองครับ” ทันใดนี้เองที่อู๋ฝานพูดขึ้นมา

อู๋ฝานไม่คิดอยากได้เห็นบรรดานักศึกษาบาดเจ็บ และเขายิ่งไม่คิดอยากให้พวกเขาต้องมาบาดเจ็บเพราะตนเอง ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขาทราบดีกว่าใครว่าสามารถคลี่คลายปัญหาด้วยตัวเองได้

ท่าทีของอู๋ฝาน จึงทำพี่หนิวยิ่งเกิดวางใจ แต่ขณะเดียวกันก็ประหลาดใจ หากว่าบรรดานักศึกษาลงมือจริง วันนี้พวกเขาก็คงไม่กล้าลงมืออะไรต่อ หรือต่อให้ลงมือต่อได้ ที่นี่ก็มีนักศึกษาเยอะจนเกินไป ขณะที่ทางฝั่งของพวกเขามีคนเพียงไม่กี่คน อย่างไรก็ไม่เห็นโอกาสความได้เปรียบ

“สมองกลับไปแล้วหรือยังไง คิดว่าคนเดียวจะจัดการกับพวกเราเป็นกลุ่มได้งั้นสิ?” พี่หนิวมองอู๋ฝานประหนึ่งพบเห็นคนหน้าโง่ คิดว่าสมองอู๋ฝานมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ดังนั้นจึงพูดคำเหล่านั้นออกไป

“ไอ้หนู รีบจ่ายเงินมาได้แล้ว หยุดพูดจาไร้สาระ อย่าทำให้พวกเราเสียเวลา” พี่หนิวไม่กล้าเสียเวลาต่อ เพราะเกรงว่าบรรดานักศึกษาจะไม่อาจอดกลั้นได้นาน

“ไม่จ่าย” อู๋ฝานส่ายศีรษะ

“งั้นก็อย่าว่าที่พวกเราเสียมารยาท” พี่หนิวตอบกลับ “พี่น้อง จัดการร้านมันให้เละ!”

“ฉันอยากเห็นนักว่าใครกล้า!” อู๋ฝานห้ามหลิวอี้เตาผู้คิดหยิบยื่นความช่วยเหลือ สุดท้ายจึงก้าวเดินออกไป สีหน้าเฉยชาก่อนหน้านี้จางหาย แต่ถูกแทนที่ด้วยความจริงจังและสายตาที่ราวกับจะฆ่าฟัน!

อู๋ฝานเคยสังหารคนมาก่อน! แม้ว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่คนของโลกใบนี้ แต่พวกเขาก็เป็นคนมีชีวิตจริง! ดังนั้นแล้ว กลิ่นอายที่ออกมาจากร่างกายของเขาจึงแตกต่าง ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ ที่แทบไม่เคยได้พบเห็นโลกกว้าง ชั่วขณะจึงตื่นตะลึงกับคำพูดตอบของเขา

พี่หนิวผู้ชะงักไปเกิดรู้สึกถูกหยามหน้า ใบหน้าเกิดแดงก่ำ เพียงแต่รอบด้านมีคนจับตามองอยู่มาก หากว่าตื่นตระหนกไปเพียงเพราะคำพูดของอู๋ฝาน อย่างนั้นภายหน้าจะยังทำอะไรได้อีก?

“มัวยืนอึ้งทำบ้าอะไร รีบไปจัดการร้านมันให้เละ!” พี่หนิวตะโกนดัง

เสียงคำรามของพี่หนิวเป็นการทำให้กลุ่มวัยรุ่นดึงสติกลับคืน พวกเขาทั้งอับอายและโกรธแค้น ขณะนี้แทบคิดอยากเหยียบอู๋ฝานให้จมดิน ต่อยตีซ้ำสักหลายครั้งเพื่อกอบกู้หน้าตาของตัวเองกลับคืนมา

กลุ่มวัยรุ่นที่หยุดไปเพราะความลังเล ขณะนี้พุ่งตัวเข้าหาร้านแผงลอยของอู๋ฝานด้วยสีหน้าดุร้าย บางคนคิดคว่ำโต๊ะและเก้าอี้ บางคนคิดล้มเตาปิ้งย่าง และบางคนคิดพุ่งตรงเข้าเล่นงานอู๋ฝาน

อู๋ฝานต่อยเข้าใส่คนที่พุ่งเข้าหาอย่างไม่รีบร้อนแต่อย่างใด สุดท้ายอีกฝ่ายล้มลงกับพื้นก่อนจะทันตอบสนองด้วยซ้ำ

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอู๋ฝานไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเปรียบเทียบได้ หมัดนี้เป็นเขาออมแรงเอาไว้ด้วยซ้ำ หากไม่แล้ว เมื่อครู่อาจเป็นการระเบิดหัวอีกฝ่ายเอาได้!

เพียงแต่ว่าแม้เป็นแบบนั้น มันชวนน่าหวาดกลัวจนเกินพอ เพียงแค่หนึ่งหมัด คนคนหนึ่งถึงกับล้มลงสิ้นสติ นั่นจะต้องแข็งแกร่งถึงขนาดไหน? บรรดานักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว เดิมคิดอยากเข้าไปช่วยเหลือ พลันต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ บ้างก็เหม่อมองรับชม บางคนกระทั่งนำโทรศัพท์ออกมาบันทึกวิดีโอ ถ่ายภาพ และอีกหลากหลายการกระทำ

ภายหลังอู๋ฝานคลี่คลายปัญหาด้วยหนึ่งหมัด เท้าของเขาจึงก้าวมุ่งตรงเข้าหาอีกคนหนึ่ง เป็นคนที่เพิ่งเตะโต๊ะและเก้าอี้ของอู๋ฝานจนพลิกคว่ำ ขณะนี้กำลังรู้สึกภูมิอกภูมิใจมองหาเป้าหมายถัดไป แต่แล้วกลับเกิดความรู้สึกเจ็บที่สะโพก ซึ่งเป็นการเตะเขาจนร่างกระเด็นไปไกลถึงห้าหรือไม่ก็หกเมตร จนสุดท้ายหน้าคว่ำตกกระทบพื้นรุนแรง กระทั่งทำฟันหลุดออกมาหลายซี่

“ไปตายซะ!” อีกฝั่งหนึ่ง ชายหนุ่มอีกคนยกเก้าอี้เตรียมลงมือกับอู๋ฝานจากทางด้านหลัง

อู๋ฝานราวกับมีสายตาอยู่ด้านหลังอันกว้างไกล ร่างขยับหลบด้านข้าง ก่อนจะขยับขาขวาเคลื่อนไหว เตะเข้าใส่หน้าท้องของอีกฝ่ายจากทางสีข้าง ความเจ็บปวดรุนแรงปะทุ ตัวคนถึงกับโค้งงอกลายเป็นกุ้งลวกสุก ทั้งยังเผยสีหน้าเจ็บปวดบิดเบี้ยวแดงก่ำ ดวงตาทั้งสองข้างแทบถลนออกมา

“อั่ก!”

เสียงร้องดังออกจากริมฝีปาก สุดท้ายร่างก็ถอยกลับไปอย่างไม่อาจควบคุม ภายหลังถอยไปได้ไม่กี่ก้าว ร่างก็ล้มลงกับพื้น มือเกาะกุมท้องราวกับเป็นการกระทำที่สามารถบรรเทาความเจ็บปวด เอาแต่ส่งเสียงกรีดร้องประหนึ่งหมูขึ้นเขียงออกมา จนทำผู้คนที่ได้ยินถึงกับรู้สึกขนหัวลุก

กลุ่มคนที่ยังเหลือก็ไม่อาจหลบการโจมตีของอู๋ฝานได้พ้นเริ่มร่วงไปกองทีละคน พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ยิ่งมากก็ยิ่งดัง

“เหลือคนเดียวแล้ว คิดว่ายังไงดีล่ะ?” อู๋ฝานมองพี่หนิวพร้อมกับเอ่ยถามด้วยอาการอันสงบ

พี่หนิวถึงกับต้องเหม่อมองอู๋ฝาน ราวกับยังไม่อาจยอมรับเรื่องราวที่เห็น เขาที่เคยมีคนเคียงข้างมากมาย ขณะที่อู๋ฝานเพียงคนเดียวจัดการจนหมดสิ้น? อู๋ฝานที่ดูบอบบาง เหตุใดจึงมีเรี่ยวแรงขนาดนี้ได้? เรื่องเรี่ยวแรงอาจไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เป็นทำไมถึงลงมือรวดเร็วขนาดนั้นได้กัน?

นี่ยังใช่มนุษย์อยู่หรือ?

เพราะอะไรเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนี้?

เพี๊ยะ!

อู๋ฝานตบหน้าพี่หนิวอย่างยั้งมือ ฝากไว้ซึ่งรอยสีแดงเป็นจ้ำเลือดห้านิ้วบนใบหน้า “สติหลุดแล้วหรือยังไง?”

“ผม… ผมต้องขอโทษด้วยครับ” อู๋ฝานที่ตบหน้าพี่หนิวเป็นการเรียกสติ ก่อนหน้านี้ข้างกายเขามีคนมากมายยังไม่อาจต่อกรอู๋ฝาน ขณะนี้เหลือตัวเขาเพียงคนเดียว ดังนั้นเขาจึงยิ่งทราบว่าตนเองไม่อาจต่อกรอะไรกับอู๋ฝาน

ตัวเขาไม่ได้เป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานอย่างซีเหมินชุยเสวี่ย*

“แค่นี้?” อู๋ฝานเอ่ยถามเสียงเบา

“ท่าน… ท่านยอดฝีมือ… ท่าน… ท่านว่า… ผมควรจะทำยังไงต่อ?” ภายใต้สายตาจับจ้องของอู๋ฝาน พี่หนิวพูดตอบอย่างตะกุกตะกัก เรียกได้ว่าแทบไม่อาจพูดให้เป็นประโยค

“จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย จ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริง รวมถึงค่าบาร์บีคิวที่กินไปก่อนหน้านี้ด้วย” อู๋ฝานตอบกลับ “แล้วยังมี…”

พูดถึงตรงนี้ อู๋ฝานเดินเข้าไปใกล้พี่หนิวพร้อมกับพูดเสียงเบา “นอกจากนี้ หวังว่าคนที่คิดสร้างความยากลำบากให้ฉัน มันจะได้รับผลกรรม”

พูดจบคำ อู๋ฝานจึงหันสายตามองยังบรรดาเถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวข้างเคียงที่ยืนนิ่งตะลึงงัน

“รับ… รับทราบครับ” พี่หนิวไม่ได้ต่อสู้เก่งกาจอะไร แต่ว่าก็มีความสามารถมากพอจะเข้าใจได้ ว่าอู๋ฝานก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายรุนแรงแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงทราบว่าถัดไปควรทำอะไร

“เข้าใจว่ายังไง? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ!” อู๋ฝานลุกขึ้นยืนตรงและพูดกับพี่หนิว “จ่ายเงินมา แล้วไสหัวไป!”

“ครับ ครับ” พี่หนิวพยักหน้าวนซ้ำ “ถ้าพวกแกยังไม่รีบลุกขึ้นมาเก็บของให้เรียบร้อย อย่าหาว่าไม่เตือน ฉันจะเป็นคนจัดการพวกแกให้เรียบร้อยเอง!”

พี่หนิวยื่นเงินส่งให้อู๋ฝาน พร้อมกับตะโกนสั่งคนที่ตนเองนำพามา

เผชิญหน้ากับอู๋ฝาน เขาไม่มีความกล้าจะพูดอะไรอีก แต่หากเผชิญหน้ากับคนที่ตนเองนำมา ตัวเขามีความมั่นใจล้นเหลือ

พี่หนิวเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าวันนี้ตนเองไปเตะโดนแผ่นเหล็กเข้าอย่างจัง ยอมรับว่าตัวเองผิดพลาด เพียงแต่ความสูญเสียวันนี้ต้องมีการชดใช้ และจะต้องมีใครสักคนที่ต้องได้รับ ‘ผลกรรม’

*ซีเหมินชุยเสวี่ย เป็นตัวละครยอดฝีมือจากภาพยนตร์ซีรีส์ The Legend of Lu Xiaofeng