บทที่ 37 เจ้าเป็นเด็กบ้านใด!

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 37 เจ้าเป็นเด็กบ้านใด!

ตลอดทางเหยาซูปลอบใจเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวลพลางเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

เพียงไม่นานอาซือก็หยุดร้องไห้แล้วชี้ทางให้กับเหยาซู เด็กน้อยกระซิบบอกมารดาว่า “ท่านแม่ ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย พวกเขาผลักข้า… พี่ชายพยายามปกป้องข้าแต่ก็ถูกทุบตี”

เหยาซูอดกลั้นโทสะไว้ในใจ และแสดงด้านอ่อนโยนให้เด็กเห็นเพียงเท่านั้น แต่คำพูดกลับหนักแน่นยิ่งกว่าสิ่งใด “แม่รู้ว่าเอ้อเป่าเป็นเด็กเชื่อฟัง และพี่ชายก็เป็นเด็กดี แม่จะปกป้องพวกเจ้าเอง”

เหยาเฟิงได้ฟังจึงกล่าวปลอบใจ “เด็กน้อยไม่ต้องกลัว มีแม่และลุงอยู่ที่นี่ไม่มีใครสามารถรังแกพวกเจ้าได้”

ทั้งสองคนก้าวไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มาถึงจุดที่เด็ก ๆ ปะทะกัน แต่ฉากนี้กลับแตกต่างจากที่เหยาซูจินตนาการไว้มาก

หลานชายคนโตและคนรองตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ บนร่างกายไม่เหลือที่สะอาดสะอ้าน เส้นผมกระเซอะกระเซิง แต่หลินจื้อดูน่าอนาถยิ่งกว่า นอกจากร่างกายที่เต็มไปด้วยดินแล้ว ใบหน้าและหน้าผากของเขายังเต็มไปด้วยแผล ใต้ปากมีคราบเลือดเกรอะกรัง

เห็นได้ชัดว่าเขาถูกรังแกอย่างรุนแรง แต่หลินจื้อกลับกดเจ้าอ้วนลงกับพื้นแล้วชกทีละหมัด

ญาติผู้พี่ตะเบ็งเสียงออกมาว่า “อาจื้อ! อาจื้อ หยุดเถอะ หยุดได้แล้วหากทุบอีกครั้งเขาคงจะแย่!”

ญาติผู้พี่คนรองส่งเสียงเช่นกัน “อาจื้อ เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน!”

หลินจื้อดวงตาแดงก่ำ “เจ้าพูดอีกทีสิ? กล้าดีอย่างไรถึงพูดเช่นนี้?”

เหยาซูเห็นดังกล่าวจึงรีบเรียกเขา “ต้าเป่า!”

เมื่ออาจื้อเห็นคนที่มาใหม่ เขาก็หยุดมือทันที เจ้าอ้วนที่อยู่บนพื้นคิดว่ามีผู้ใหญ่คอยหนุนหลัง เขาออกแรงผลักหลินจื้อออกจากร่างกายพลางตะโกนว่า “ไอ้สารเลว! พวกสารเลว เจ้าและน้องสาวของเจ้าเป็นลูกไม่มีพ่อ!”

เมื่อเหยาเฟิงเห็นอาจื้อที่สงบสติอารมณ์แล้ว ครั้นได้ยินประโยคนี้ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

“พวกเจ้าเป็นลูกสำส่อน แม่ของพวกเจ้าเป็นนางแพศยา ทั้งครอบครัวล้วนแต่เป็น…”

อาจื้อปล่อยหมัดใส่เจ้าอ้วนจนล้มลงกับพื้นอีกครั้งแล้วขึ้นขี่บนร่างกายราวกับคนบ้าจากนั้นทุบตีไม่หยุด

ขอบตาของเขาแดงระเรื่อ ดวงตาฉายแววดุร้ายเหมือนลูกหมาป่า “เจ้าว่าอะไรนะ? พูดออกมา!”

เวลานี้เด็กชายเหมือนกับคนเสียสติ เขาเอาแต่ทุบตีเจ้าอ้วนที่อยู่กับพื้น ทำให้เจ้าอ้วนเอาแต่ร้องไห้และไม่พูดคำหยาบเหล่านั้นออกมาอีก

ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองที่อยู่ด้านข้างต่างหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก

เมื่อเหยาเฟิงเห็นดังนั้นเขารีบเข้าไปกอดอาจื้อแล้วกดเขาไว้ในอ้อมแขน “อาจื้อ พอได้แล้ว!”

มือของหลินจื้อถูกจับไว้อย่างแน่นหนา เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการอันทรงพลังของเหยาเฟิงได้ เด็กที่ปกติอ่อนโยนและสุภาพตอนนี้ตะโกนว่า “ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ ข้าจะฆ่าเขา!”

อาซือร้องไห้ “ฮือ ๆ” ในอ้อมแขนของเหยาซู “พี่ชาย ท่านพี่!”

เมื่อเห็นบุตรสาวสะอึกสะอื้นร้องไห้จนหายใจแทบไม่ออก อาจื้อเองใบหน้าก็เต็มไปด้วยคราบเลือด ทำให้เหยาซูรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา

นางวางอาซือลงบนพื้นแล้วเดินไปคว้าตัวเด็กอ้วนที่อยู่บนพื้น ตะโกนถามเสียงดังว่า “ใครเป็นคนสอนเจ้าให้พูดแบบนี้? เป็นเด็กบ้านใด อายุยังน้อยเหตุใดปากจึงสกปรกเช่นนี้นะ?!”

เจ้าอ้วนอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ตาบวมจนลืมไม่ขึ้น เมื่อถูกคนดึงขึ้นจากพื้นก็ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว

เหยาซูแทบอยากจะตบปากเด็กน้อยคนนี้ เมื่อเห็นได้ชัดว่าเขาถูกทุบตีอย่างน่าสังเวชแล้ว ดังนั้นเหยาซูจึงระงับใจเอาไว้

นางหันไปหาอาจื้อแล้วพูดว่า “ต้าเป่า พอได้แล้ว เชื่อฟังท่านลุงเสีย”

เหยาเฟิงเห็นอาจื้อค่อย ๆ สงบสติลงจึงวางเขาลงกับพื้น

ใบหน้าที่งดงามแต่เดิมของเด็กน้อยมีบาดแผลอยู่ไม่น้อย แก้มขวาบวมเป่ง สายตาที่มองไปยังเหยาซูเต็มไปด้วยแววดุร้าย

“ท่านแม่…”

ดวงตาที่ใสกระจ่างคู่นั้นทอประกายความคับแค้นใจและความเศร้าโศกทำให้เหยาซูรู้สึกปวดใจจนแทบหลั่งน้ำตา

ในที่สุดหลานชายทั้งสองของตระกูลเหยาก็กลับมามีสติอีกครั้ง พวกเขารีบเดินไปหาอาจื้อและจับมือเขาเอาไว้ “ต้าเป่า พวกเรากลับบ้านกันเถอะ..”

สีหน้าของอาจื้อเดิมทีอ่อนลงพลันเปลี่ยนไป ราวกับเม่นที่ถูกสัมผัส สะบัดมือลูกพี่ลูกน้องคนโตออกไปทันที “ไปให้พ้น…”

ลูกพี่ลูกน้องคนโตถูกสะบัดอย่างรุนแรง แล้วยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่

ลูกพี่ลูกน้องคนรองจึงตะโกนขึ้นว่า “ต้าเป่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

หลินจื้อปาดเลือดบนใบหน้า ขมวดคิ้วแน่นทั่วร่างเต็มไปด้วยการต่อต้าน “นั่นคือบ้านของพวกเจ้าไม่ใช่ของข้า!”

อาซือวิ่งมากอดเอวพี่ชายแล้วร้องไห้ออกมา “ฮือ ๆ”

…………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใครเป็นคนเป่าหูลูกหลานให้มารังแกน้อง ๆ กันนะ ควรจะไปจัดการผู้ใหญ่ที่เป็นตัวการอะ

ไหหม่า(海馬)