บทที่ 157 ความสามารถของปีศาจแพนโดร่า

ปี๊บ ทําการวิเคราะห์เสร็จสิ้น ได้ผลลัพธ์ 13,891รูปแบบ

เมอร์ลินได้มองดูรูปแบบคาถาที่เดอะเมทริกซ์ทําการวิเคราะห์ออกมา เขาได้เลือกอันที่มีความเข้ากันได้ ความเสถียรและพลังตามลําดับ

ในที่สุดเมอร์ลินก็เลือกโครงสร้างคาถาที่มีความเข้ากันได้ถึง 76% ความเสถียรของมันติดอยู่ในสามสิบอันดับแรกของโครงสร้างเวทมนต์ทั้งหมด ถือว่ายังพอใช้ได้

ในขั้นตอนต่อไปคือการจําลองคาถาลงไปในจิตใต้สํานึกซึ่งเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุด ก่อนหน้านี้ที่เมอร์ลินล้มเหลวก็เพราะว่าพลังจิตของเขาไม่เพียงพอ

แต่ในครั้งนี้ เขามีพลังจิตถึงระดับสองแล้วและอีกอย่างเขาได้ทําสมาธิอย่างต่อเนื่องทําให้พลังจิตของเขาเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่เขาสร้างคาถาเพลิงพิโรธ

“ฟู่” เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และทําให้จิตใจสงบลง จากนั้นเขาได้เริ่มต้นในการจําลองโครงสร้างเวทมนต์คาถารูปปั้นผู้พิทักษ์

“ฮิวเซียสแน่ใจจริง ๆ ใช่มั้ยว่าป้อมอเวจีเจอคนจากออสมูจริงๆ” พ่อมดลีโอที่สวมหมวกทรงกลมสูงสีดําถามด้วยน้ําเสียงสงบ

ตอนนี้พ่อมดลีโอ พ่อมดฮิวเซียสและนักเวทย์ระดับหกขึ้นไปจากดินแดนมนต์ดําได้รวมตัวกัน พวกเขากําลังซ่อนตัวอยู่ในป่าขณะมองดูปราสาทโบราณที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา

พ่อมดฮิวเซียสหรี่ตาเล็กน้อย เขากําลังจ้องมองไปทางปราสาทและตอบเบา ๆ ว่า “ข้าได้ทราบข่าวมาจากหอคอยอเวจีมาว่า พวกออสมูได้แบ่งกองกําลังเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่ในปราสาทแห่งนี้ ส่วนมันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั่นเราต้องรอให้หอคอยอเจวีมาถึงและถามพวกเขา”

*ฟื้ววว*

ทันทีที่เขาพูดจบ เกิดลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาในป่า จากนั้นป่าได้มืดมิดไร้แสงทันที

“ฮิฮิ นานแล้วนะฮิวเซียสที่เราไม่ได้เจอกัน”

เสียงอันแหบแห้งได้ดังขึ้นมาจาป่าอันมืดมิด ทันใดนั้นก็มีนักเวทย์ชุดดําจํานวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา

พวกนักเวทย์จากดินแดนมนต์ดําต่างตกใจ พวกเขาไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย ราวกับว่าพวกนักเวทย์จากหอคอยอเวจีปรากฏตัวขึ้นจากอากาศ

อย่างไรก็ตามพ่อมดฮิวเซียสได้คาดการณ์ไว้แล้ว เขาเหลือบมองกลุ่มนักเวทย์ที่อยู่เบื้องหน้าและยิ้มออกมา

“ใช่แล้ว พ่อมดกริซโล ครั้งสุดท้ายที่เราพบกันก็คือเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน”

ตอนนี้เหล่านักเวทย์ของหอคอยอเวจีได้มาถึงที่แล้วโดยการนําของพ่อมดกริซโล นักเวทย์ระดับเจ็ด

“มีคนของออสมอยู่ที่นั่นหรือเปล่า” พ่อมดลีโอถามด้วยน้ําเสียงอันเย็นชา

พ่อมดกริซโลเหลือบมองมาที่ลีโอด้วยสายตาที่ซับซ้อนและพูดว่า “ท่านคือพ่อมดลีโอสินะ ท่านได้พัฒนาดวงตาแห่งความมืดได้อย่างสมบูรณ์ แม้แต่นักเวทย์ที่เชี่ยวชาญเวทมนต์แห่งความมืดของหอคอยอเจวียังไม่สามารถทําได้อย่างท่านเลย ถ้าหากไม่เกิดการปะทะกับพวกออสมูล่ะก็ ข้าคงไม่มีโอกาสได้เห็นพลังของดวงตา แห่งความมืดในตํานาน”

พ่อมดกริซโลเป็นนักเวทย์จากหอคอยมนต์ดําซึ่งเป็นองค์กรที่เชี่ยวชาญคาถาธาตุมืดอย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถพัฒนาดวงตาแห่งความมืดได้เลยดังนั้นกริซโลจึงสนใจดวงตาแห่งความมืดของพ่อมดลีโออย่างมาก

ดวงตาแนวตั้งสีโลหิตได้ส่องแสงจาง ๆ ขณะมองดูกริซโล ลีโอตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “รอจนกว่าข้าจะฆ่าพวกออสมู ถึงตอนนั้นพ่อมดกริซโลคงจะได้เห็นด้วยตาตัวเอง” ดูเหมือนลีโอจะไม่ค่อยเกรงกลัวกริซโลซึ่งเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดเท่าไหร่นัก

“หยุดนอกเรื่องได้แล้วกริซโล ตอนนี้เรามีเรื่องพวกออสมูให้จัดการ ท่านคงไม่มีทางปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ใช่มั้ย” ฮิวเซียสกล่าวด้วยน้ําเสียงเย็นชา

“ฮึ่ม!! พวกออสมู!” เมื่อกล่าวถึงออสมู สีหน้าของกริซโลเต็มไปด้วยความเครียดแค้น

“พวกเราได้รับข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาว่า ออสมูได้แบ่งกองกําลังเป็นสองส่วนซึ่งหนึ่งในนั้นอยู่ตรงปราสาทเบื้องหน้าของพวกเรา โดยพวกเราป้อมอเวจีกับดินแดนมนต์ดําจะจัดการกลุ่มนี้ก่อน ส่วนกลุ่มที่เหลือจะเป็นหน้าที่ของเมืองแห่งอัคคีกับแคว้นแห่งธุลี” กริซโลกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง

“งั้นก็ไปฆ่าพวกมันกันเลย” ใบหน้าของพ่อมดลีโอเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

ในขณะเดียวกันพ่อมดฮิวเซียสที่อยู่ด้านหลังของพ่อมดลีโอ เขาได้ส่ายหัวเบา ๆ และพึมพําว่า “ข้าหวังว่าสิ่งที่นี้จะลดทอนความเกลียดชังในใจของท่านได้นะ…”

แสงอาทิตย์ค่อย ๆ ทอดตัวลง ความมืดเข้ามาแทนที่ ปราสาทเงียบสงบไม่มียามออกมาลาดตระเวนภายนอก ที่นี่ดูเปลี่ยวมากราวกับปราสาทร่างเลย

*ปัง*

เกิดเสียงดังขึ้นตรงประตูเหล็กที่ขึ้นสนิม มันถูกลูกไฟกระแทกใส่ ประตูได้เปิดออก พ่อมดลีโอเดินไปข้างหน้า ดวงตาแนวตั้งของเขาเปิดกว้างพ้อมกับแสงสีแดงที่ส่องประกายในความมืดมิด ช่างเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างมาก

ลีโอตรงไปที่ปราสาทโดยไม่สนใจรอบข้าง เขาเงยหน้าขึ้นจากนั้นพลังธาตุลมได้ก่อตัวรอบตัวเขา จากนั้น มันได้พาเขาบินขึ้นไปยังชั้นบนปราสาท

โดยปกติคาถาธาตุลมที่มีความสามารถในการบิน มันจะต้องเป็นคาถาระดับสี่ขึ้นไป พ่อมดลีโอเป็นนักเวทสี่ธาตุมีความธาตุไฟ ลม ดินและมืด

โดยคาถาธาตุมืดของเขามีพลังที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เขาจะเชี่ยวชาญคาถาธาตุมืด และสามารถพัฒนาดวงตาแห่งความมืดได้โดยที่นักเวทย์จากหอคอยอเวจไม่สามารถทําได้

เมื่อพ่อมดลีโอนําเข้าไปแล้ว พวกนี้เวทย์จากดินแดนมนต์ดําและหออเวจีได้บินตามเขาไป

ส่วนนักเวทย์ที่ไม่มีคาถาธาตุลม พวกเขาอาศัยอุปกรณ์เวทมนต์บินตามพวกเขาไป

เหล่านักเวทย์ที่ตามหลังพ่อมดลีโอ พวกเขามีสีหน้าที่ตึงเครียดเนื่องจากพวกออสมเป็นนักเวทย์อัจฉริยะเกือบทุกคน ดังนั้นการต่อสู้กับพวกออสมูไม่ง่ายอย่างแน่นอน

*หวุ่ม!! *

ทันใดนั้น แสงสีดําได้ยิงตรงไปที่พ่อมดลีโอแบบไร้เสียง

ดวงตาสีแดงบนหน้าผากของลีโอได้ส่องแดงออกมา ขณะเดียวกันเขาได้โบกมือร่ายคาถาธาตุดินออกมา ทําให้การโจมตีจากแสงสีดําไม่มีผลอะไรกับเขาเลย

“วังวนแห่งความมืด”

เสียงดังคมชันมาจากข้างในปราสาท นักเวทย์ด้านในได้เสกคาถาออกมา กระแสน้ําขนาดใหญ่ที่กําลังสาดเข้ามาหมายที่จะกลืนกินพ่อมดลีโอ

วังวนแห่งความมืดเป็น คาถาระดับสาม มันมีพลังโจมตีที่น่าเหลือเชื่อ ว่ากันว่ามันสามารถดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างได้

“จงทําลาย ดวงตาแห่งความมืด”

พ่อมดลีโอปลดปล่อยพลังของเขาออกมาอย่างไร้อารมณ์ แสงสีแดงเลือดได้พุ่งจากดวงตาแห่งความด ในช่วงพริบตากระแสน้ําวนขนาดมหึมาได้สลายหายไปในพริบตา ค่ําคืนอันสงบสุขกลับมาอีกครั้ง

แม้ว่าภายในปราสาทจะมืดสนิทแต่ด้วยพลังจิตเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาสัมผัสได้ถึงนักเวทย์สองคน คนหนึ่งเป็นนักเวทย์ระดับสาม ส่วนอีกคนเป็นนักเวทย์ระดับสี่

“หืม ดวงใจแห่งความมืด เจ้าคืออัจฉริยะของหอคอยอเวจี รามาสสินะ” พ่อมดลีโอถามด้วยน้ําเสียงอันสงบ เขาพอจะรู้มาว่าทางหอคอยอเวจีก็สูญเสียครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน อัจฉริยะที่มีดวงใจแห่งความมืดได้ถูกล่อลวงเข้าร่วมกับออสมู

ทั้งดวงใจแห่งความมืดกับดวงตาแห่งความมืดต่างเป็นอุปกรณ์เวทมนต์อันทรงพลังและแปลกประหลาด พวกมันเกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุของคาถาธาตุมืดในตํานาน พวกมันไม่ใช่คาถาแต่เป็นพลังที่น่าสะพรึงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกอุปกรณ์เวทมนต์ทั่ว ๆ ไป

พลังดังกล่าวเรียกว่าพลังปีศาจแพนโดร่า มันมีความสามารถของปีศาจและไม่ได้เป็นของมนุษย์

ในปราสาท นักเวทย์ระดับสามกับกําลังรวบรวมพลังเวทย์อยู่ เขาคือรามาส ส่วนนักเวทย์อีกคนเป็นนักเวทย์ระดับสี่

แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับพ่อมดระดับหกแต่เขาไม่ได้แสดงความกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย

“ถูกต้อง!! ฉันเองรามาสที่ฉันเข้าร่วมกับออสมูก็เพื่อตามหาความแข็งแกร่ง นักเวทย์ธรรมดาอย่างท่านคงไม่เข้าใจถึงความทะเยอทะยานของฉันหรอก”

“ใช่แล้ว พวกเราทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะ รามาสเมื่อคุณกลับไปที่ฐานของออสมของพวกเรา คุณจะแข็งแกร่งพอ ๆ กับฉัน พวกนักเวทย์ระดับหก มันจะมีพลังเทียบเคียงกับพวกเราได้ยังไง”

*หวุ่ม!!*

พลังจิตของลีโอที่ปิดซ่อนไว้ได้เปิดเผยออกมาทันที เขาหันไปถามรามาสด้วยเสียงต่ําว่า “เจ้าเป็นพวกออสมูงั้นเหรอ?”

“ถูกต้อง ฉันมาจากออสมูและอยู่ที่นั่นมาสามปีแล้ว ฉันอยู่ที่นั่นมานานจึงรู้ว่าทุกคนที่นั่นแข็งแกร่งแต่ไหน นักเวทย์ธรรมดาอย่างท่านไม่มีทางเข้าใจว่าอัจฉริยะที่แท้จริง รามาสดูเขาสิ นักเวทย์ระดับหกคนนั้นช่างอ่อนแอจริง ๆ!”

จากนั้นความผันผวนที่รุนแรงได้ปรากฏรอบตัวนักเวทย์ระดับสี่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่ายคาถาใด ๆ แต่ทําให้คนที่อยู่รอบข้างรู้สึกกดดันอย่างรุนแรง

มีข่าวลือว่าเหล่านักเวทย์ของออสมู มีพลังที่แข็งแกร่งสามารถต่อสู่โดยไม่คํานึงระดับ แม้แต่นักเวทย์ระดับสี่ ก็สามารถสู้กับนักเวทย์ธรรมดาระดับไหนก็ได้

“นั่นสินะ พวกนักเวทย์อัจฉริยะจากออสมู ถ้าอย่างนั้น…ก็ตายซะ” เสียงของพ่อมดลีโอฟังดูสงบมาก ในขณะเดียวกันเขาได้เปล่งออร่าที่เยือกเย็นออกมา

“จงหายไป ดวงตาแห่งความมืด!!”

ดวงตาแห่งความมืดยิงแสงสีแดงออกไปทันที ลําแสงยิงตรงไปใส่นักเวทย์ระดับสี่กับรามาสเข้าเต็ม ๆ

นักเวทย์ระดับจ้องมองเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ไม่เหลือเชื่อ

หลังจากนั้นไม่นาน เหล่านักเวทย์จากดินแดนมนต์ดําและหอคอยอเวจได้มาถึงที่ที่พ่อมดลีโออยู่ เมื่อพวกเขามาถึงพวกเขาพบเพียงศพสองศพที่นอนกองอยู่บนพื้นเท่านั้น