บทที่ 156 ก่อร่างสร้างใหม่ สายลมเย็นได้ปกคลุมพวกเขา จากนั้นพวกเขาทั้งสามได้ถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ําแข็ง

*ครึ่ก ครึ่ก ครี่ก*

จากนั้นรูปปั้นได้ตกลงบนั้นเนื่องด้วยแรงเหวี่ยงของมัน ทําให้พวกเขาแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

พวกเขาแตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ แต่กับไม่มีเลือดไหลออกมาแต่ถึงอย่างนั้นได้มีดกลิ่นลอยกุ้งในอากาศ ฉากนี้ทําให้พวกโจรที่มองเห็นหนาวสั่นไปทั่วสันหลัง

จากนั้นดวงตาของคนจรจัดได้ตวัดมองกองโจรที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขา

ทางด้านคนจรจัดได้ยกศีรษะขึ้นอย่างกะทันหัน เขามองดูกลุ่มโจรที่กําลังบุกเข้ามาอย่างดุร้ายแต่ทว่าคนจรจัดกลับไม่แสดงออกขึ้นความหวาดกลัวเลย

“ก๊าก”

กลุ่มโจรสามคนได้แผดเสียงหัวเราะดังขึ้นขณะที่กําลังคิดจะทําอะไรกับคนจรจัดบ่าง แต่ทันใดนั้นเอง สายลมเย็นได้ปกคลุมพวกเขา จากนั้นพวกเขาทั้งสามได้ถูกแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ําแข็ง

*ครึ่ก ครึ่ก ครี่ก*

จากนั้นรูปปั้นได้ตกลงบนั้นเนื่องด้วยแรงเหวี่ยงของมัน ทําให้พวกเขาแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

พวกเขาแตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ แต่กับไม่มีเลือดไหลออกมาแต่ถึงอย่างนั้นได้มีดกลิ่นลอยคุ้งในอากาศ ฉากนี้ทําให้พวกโจรที่มองเห็นหนาวสั่นไปทั่วสันหลัง

จากนั้นดวงตาของคนจรจัดได้ตวัดมองกองโจรที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขา

“หัวหน้าใหญ่!! เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”

ตอนนนี้สายตาของหัวหน้าใหญ่กําลังจ้องมองเด็กสาวแสนสวยเอ็มม่าด้วยแววตาที่กลัดมัน แต่ทว่าเขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงจากลูกน้องของเขา

“มีอะไรเกิดอะไรขึ้น?” หัวหน้าใหญ่ดุโจรที่จู่ ๆ โผล่เข้ามา

โจรหน้าซีด เขาตอบด้วยน้ําเสียงที่สั่นคลอน “หัวหน้าแปดตายแล้ว..”

“ยังไง!!” ประกายแสงในดวงตาของหัวหน้าใหญ่มองตรงมาที่โจร

“ฉะฉันอธิบายไม่ถูก ฉันคิดว่าหัวหน้าใหญ่ควรมาดูเองดีกว่า” โจรกล่าวด้วยน้ําเสียงสั่นเครือสิ่งที่เขาพบเจอ มันน่ากลัวจนไม่สามารถอธิบายได้

“พาฉันไปที่นั่น!!” หัวหน้าใหญ่ได้สั่งให้คนของเขาจับตาดูชาบิลและครอบครัวเขาไว้ จากนั้นเขาได้นํากลุ่มโจรตรงไปยังป่าเมเปิ้ล

ในไม่ช้ากลุ่มของหัวหน้าใหญ่มาถึงป่าเมเปิ้ล เขาเห็นแขนขากระจัดกระจายแตกสลายบนพื้น แม้พวกเขาจะพบเจอฉากที่โหดร้ายแต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า มันน่ากลัวจนขนหัวลุก หากนั้นเขาหันไปมองคนจรจัดที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยความสงสัย

“บ้าเอ๊ย!! ฝีมือของแกงั้นเหรอ?” หัวหน้าใหญ่กล่าวออกมาด้วยสรหน้าเครียดแค้น แม้เขาไม่รู้หัวหน้ากลุ่มแปดจะตายยังไงแต่เขาต้องล้างแค้นให้ลูกน้องของเขาให้ได้

“ทุกคนฆ่ามันซะ!!”

พวกโจรรีบวิ่งไปทันที หลังจากที่ได้รับคําสั่งจากหัวหน้าใหญ่ พวกเขาควบม้าพร้อมกับกําดาบในมือแน่น

*หวู่ม…*

อยู่ ๆ ก็มีหมอกสึกดําปรากฏขึ้นใจกลางกองโจรและกลืนกินพวกเขาทันที จากนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดังมากจากในหมอก

“แย่แล้วมันเป็นนักเวทย์ลึกลับ ทกคนรีบหนีเร็วเข้า!!!”

เมื่อได้เห็นปรากฎการณ์ลึกลับ พวกโจรต่างกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว พวกเขาทิ้งอาวุธและวิ่งหนีออกไป แม้แต่โจรที่เฝ้าขบวนรถม้าที่สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็สิ่งหนีเอาชีวิตรอดเช่นเดียวกัน

แม้ว่าจะมีคนจํานวนน้อยที่เคยพบเจอนักเวทย์แต่ส่วนใหญ่รู้ซึ้งพลังที่หยั่งไม่ถึงของนักเวทย์

หลังจากที่ค้นพบว่าคนจรจัดเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลัง พวกโจรไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีกต่อไปพวกเขาทิ้งอาวุธ และหนีไปด้วยความกลัว

ส่วนพวกโจรที่อยู่ในหมอกรัตติกาลไม่ได้โชคดีอย่างพวกโจรที่หนีไป หลังจากที่หมอกจางหายไป พวกโจรหลายสิบคนต่างนอนบนพื้นในท่าต่าง ๆ และทําหน้าว่างเปล่าจากนั้นร่างของพวกเขาก็ถูกไฟครอกโดยที่ไม่สามารถปเองกันตัวได้

“อ่อนแอจริง ๆ…” คนจรจัดมองไปที่พวกโจรและถอนหายใจออกมา

“นี่ก็เก้าวันแล้ว พิษของน้ํายากัดกร่อนยังไม่จางหายแถมมันยังกระจายไปทั่วทั้งร่างอีกฉันต้องหาที่เงียบ ๆ ในการปรุงน้ํายาแก้พิษ”

คนจรจัดคนนี้คือเมอร์ลิน เขาอยู่ในป่าเมเปิ้ลมาเก้าวันเต็ม ในตอนแรกเขาได้พึ่งพาความแข็งแกร่งของร่างกายพาตัวเองมาไกลจากจุดที่ต่อสู้แต่ด้วยตอนนี้เขาฝืนร่างกายให้พยุงต่อไม่ไกว เขาจึงต้องการหาสถานที่ที่ปลอดภัยในการปรุงยาแก้พิษ

เขาไม่คิดว่าพิษของน้ํายากัดกร่อนจะรุนแรงเช่นนี้ นอกไม่ถูกระงับแต่พิษรุนแรงขึ้นมาเวลา แม้แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งของเมอร์ลินยังไม่สามารถช่วยอะไรในเรื่องนี้ได้ เขาแทบจะขยับตัวไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับการปรุงยา

ส่วนพวกโจรก่อนหน้านี้ หัวหน้าใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นนักดาบธาตุระดับสาม เมื่อถูกหมอกรัตติกาลกลืนกินพวกเขาทั้งหมดถูกหลอนประสาททันที จากนั้นพวกเขาก็ถูกข่ายสายฟ้าจัดการ

เมอร์ลินจ้องมองไปยังขบวนรถม้าที่อยู่ห่างไกล บางทีคนพวกนั้นอาจจะช่วยเขาได้

“ท่านพ่อ พวกโจรหนีไปแล้ว” เอ็มม่าได้พึมพําหลังจากแน่ใจว่าพวกโจรหนีไปทั้งหมดแล้ว

“ใช่ พวกมันไปแล้ว พวกเขาได้เจอกับนักเวทย์ลึกลับและทรงพลังเข้า”

ชายวันกลางคนมองไปยังป่าเมเปิ้ลที่อยู่ห่างออกไป ชายคนั้นดูเหมือนคนจรจัดแต่เขาคือนักเวทย์ที่ทรงพลัง

ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้ขยับแม้แต่นิดเดียวแต่ยังน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้

เขารู้สึกถึงสายตาที่เมอร์ลินจ้องมาทางเขา มันทําให้เขารู้สึกกังวล

“หลังจากนั้นไม่นานชาบิลได้สูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาพูดกับเอ็มม่าและภรรยาของเขาว่า”ไปกันเถอะ ท่านนักเวทย์ได้ช่วยพวกเราจะความตาย เราควรแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้นั้น”

ภรรยาของเขาดูกังวล ในขณะที่เอ็มม่ามองไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เธอเดินตามชายวัยกลางคนไปยังป่าเมเปิ้ลที่อยู่ห่างออกไป

ไม่นานทั้งสามก็มาถึงป่าเมเปิ้ล พวกเขามองเห็นร่างของโจรจํานวนมาก สภาพศพถูกเผากลิ่นยังคงลอยอยู่ในอากาศ นั่นทําให้ทั้งสามตึงเครียดขึ้นมาทันที

“ท่านนักเวทย์ผู้ทรงเกียรติ ข้าขอขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือพวกเราและสังหารพวกโจร ข้าชาบิลเป็นตัวแทนของตระกูลแอ๊บแมนเพื่อขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือของท่าน”

ชาบิลกล่าวพลางยกมือข้างหนึ่งไว้เหนือหน้าอกเพื่อแสดงมารยาทอย่างเป็นทางการ แม้ว่าเขาจะเกรงกลัวต่อตัวตนของนักเวทย์แต่เขาก็แสดงออกอย่างซาบซึ้งใจ

เมอริลินเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่ซีดของเขาแสดงรอยยิ้มออกมา”คุณชาบิล ฉันต้องการความช่วยเหลือ ช่วยเหลือ?“ชาบิลแสดงท่าที่แปลๆ นักเวทย์ตรงหน้าเพิ่งสังหารโจรหลายสิบคนด้วยมือของเขา เขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก?

เมอร์ลินกล่าวต่อ”ฉันต้องการสถานที่ปลอดภัยในเมืองเดอตัส”

ชาบิลถอนหายใจอย่างโล่งอก นักเวทย์ต้องการเพียงสถานที่เท่านั้น เรื่องมันง่ายมากสําหรับพ่อค้าอย่างเขา เขายิ้มและตอบว่า”ท่านนักเวทย์โปรดทําใจให้สบาย เราจะจัดเตรียมสถานที่ปลอดภัยและเงียบสงบให้ท่าน โปรดตามพวกเรามาด้วย”

อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินอยู่นิ่งไม่เคลื่อนไหว เขาถอนหายใจและพูดว่า ถ้าฉันเดินได้ ฉันจะต้องพึ่งพาพวกคุณหรือ” หลังจากกล่าวจบ เขาสะบัดผ้าคลุมที่คลุมขาของเขาออก

ทันใดนั้น พวกเขาได้เห็นบาดแผลที่น่าสะพรึงกลัว เขาเห็นแผลเน่าที่ถูกควานจนเกือบถึงกระดูก แม้ชาบิลจะพบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมายแต่ภาพตรงหน้ามันทําให้เขาแทบจะอาเจียนออกมา

หลังจากตะลึงไปพักหนึ่ง เขาก็ได้สติกลับมาและรีบพูดว่า “ท่านรออยู่ที่นี่ก่อนขอรับ เดี๋ยวข้าจะให้คนของข้าพาท่านไปที่รถม้า”

เมอร์ลนพยักหน้าและปล่อยให้ชาบิลพาคนของเขาหามไปรถม้า จากนั้นพวกเขาก็เดินทางไปที่เมืองเดอตัส

“ท่านนักเวทย์ ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง นี่คือบ้านพักที่ข้าพักในเมืองนี้”

ชาบิลที่เพิ่งมาถึงเมืองเดอตัส ก่อนที่เขาจะได้พักผ่อน เขาได้ค้นหาที่พักให้กับเมอร์ลิน

ในที่สุด เขาก็เลือกบ้านพักที่ค่อนข้างเงียบสงบ

เมอร์ลินที่ถูกหามโดยชายสี่คน ใบหน้าของเขาดูซีดมาก เขาพูดชาบิลด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า “เอาบ้านพักนี้และพาฉันเข้าไปข้างใน แล้วก็พาเอ็มม่ามาที่นี่ ฉันต้องการให้เธอช่วยทําอะไรบางอย่าง”

“เอ็มม่า?” สีหน้าของชาบิลได้เปลี่ยนไป หลังจากนิ่งไปพักหนึ่ง เขาได้กัดฟันและตอบเมอร์ลินไปว่า “ท่านนักเวทย์ เอ็มม่ายังเด็กอยู่ ข้าสามารถหาหญิงสาวที่สวยกว่านี้ให้ท่านได้…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ชาบิลสัมผัสได้ถึงออร่าที่เยือกเย็นอยู่รอบตัวเขา

เมอร์ลินพูด้วยสีหน้าที่มืดมนว่า “คุณชาบิลอย่าให้ฉันต้องพูดซ้ํา เรียกเอ็มม่ามาที่นี่”

ถึงชาบิลจะไม่เห็นด้วยกับคทําสั่งของเมอร์ลินแต่เขาก็ยอมทําตามแต่โดยดี

เมอร์ลินรู้ดว่าชาบิลกําลังเข้าใจผิดแต่ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บเช่นนี้ มันจะไปทําเรื่ออย่างว่าได้งั้นเหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ขี้เกียจอธิบาย ตอนนี้อาการของเขาทรุดหนักมาก หากเขาไม่ได้ปรุงยาในตอนนี้ เขาเกรงว่าเขาจะเอาชีวิตไม่รอด

“เอ็มม่ามาแล้วขอรับ” เสียงของชาบิลดังขึ้นนอกประตู

“ให้เธอเข้ามา

*เอี้ยดดด*

ทันทีที่เมอร์ลินพูดจบ เอ็มม่าผลักประตูเปิดออกเบา ๆ และเข้ามาอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหม่า