ไปซื้อผ้าจากร้านขายผ้าเฟิงหย่าที่ไปบ่อยๆ มาสองผืน เป็นผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียด ชุดสำหรับลูกน้อย ตั้งใจว่าให้ใช้ผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดที่ราคาแพงที่สุดในหมวดผ้าฝ้ายมาตัดเย็บ
อีกอย่าง หน้าร้อนใกล้จะมาถึง เสื้อตัวในของอาเย่ากับนางจำเป็นต้องตัดใหม่อีกสองชุดไว้เปลี่ยนซัก ดังนั้นซูสุ่ยเลี่ยนก็สั่งเถ้าแก่ตัดสามผืนมาอย่างไม่ลังเลท่ามกลางสายตาอิจฉาของคนโดยรอบ
เพิ่งส่งงานปัก ได้มาห้าตำลึง แม้ว่ากะไว้ใช้สำหรับซื้อของให้ลูก ก่อนมายังขอคำแนะนำป้าเหลาถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องใช้หลังคลอด รวมทั้งเสื้อผ้ารองเท้าถุงเท้าและผ้าอ้อมของทารกหลังคลอดพวกนี้
“ฮูหยิน ท่านดูนี่ เป็นผ้าเข้าใหม่ของร้านเรา ว่ากันว่ามาส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมา ราคาก็ช่าง…แต่หากฮูหยินชอบ ข้าต้องให้ราคาพิเศษสุดกับฮูหยินแน่นอน”
เถ้าแก่ร้านผ้าจำซูสุ่ยเลี่ยนได้ รู้ว่านางชอบเลือกผ้าที่เนื้อนุ่มสบายและใส่เย็นสบายที่สุด ดังนั้นก็สั่งให้คนงานยกผ้าที่เข้าใหม่ทั้งหมดของร้านมากองที่นี่หลายพับ
“ผ้าป่านเนื้อละเอียด?” ซูสุ่ยเลี่ยนยังไม่ทันได้ลูบก็แยกคุณภาพผ้าเหล่านี้ได้ทันที
“ฮูหยินรู้?” เถ้าแก่ตกใจ คิดว่าผ้าป่านเนื้อละเอียดร้านตนนับว่านำเข้ามาเร็วที่สุด ร้านอื่นน่าจะยังไม่มีขาย
“เคยอ่านเจอในหนังสือ” ซูสุ่ยเลี่ยนรีบยิ้มอธิบาย เมื่อก่อนเสื้อผ้าของนางเองไม่น้อยที่ตัดจากผ้าป่านเนื้อละเอียดพวกนี้ เพียงแต่ในนั้นยังผสมพวกไหมและฝ้ายอยู่ด้วย ดังนั้นผ้าเนื้อนุ่มจากป่านตอนนี้ก็ยิ่งนุ่มละมุนขึ้นอีกหลายเท่า
“เหอๆ ฮูหยินช่างสายตาดี เป็นผ้าป่านเนื้อละเอียดจริง ท่านลูบดู แม้ไม่ได้นุ่มเหมือนฝ้าย แต่สวมใส่แล้วระบายอากาศได้ดี ดูท่าอากาศหน้าร้อนนี้กำลังมาแล้ว ฮูหยินตัดสักสองสามฉื่อไปลองไหม” เถ้าแก่ยิ้มตาหยีเสนอซูสุ่ยเลี่ยน
คุณชายกับฮูหยินไม่รู้ว่ามาจากตระกูลไหน แต่หนึ่งปีมานี้มาซื้อผ้าร้านตนไปหลายผืน ส่วนใหญ่จะมาเลือกซื้อเป็นระยะ หากตอนซื้อเยอะเช่นก่อนปีใหม่ นางก็เลือกซื้อไปหลายผืนอยู่ ตอนซื้อน้อย ก็จะเป็นพวกผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดสองสามฉื่อ
เถ้าแก่จำได้ ฮูหยินท่านนี้ดูอายุน้อย แต่เลือกผ้าไม่เหมือนสตรีอายุน้อยคนอื่นที่จะเลือกนานหนึ่งถึงสองชั่วยาม ผ้าที่นางเลือกมักจะเป็นผ้าที่สบายที่สุด ราคาก็ย่อมค่อนข้างแพง
ดังนั้นครั้งนี้ตอนนางก้าวเข้ามาในร้าน เถ้าแก่จึงได้ให้คนงานนำผ้าหลายพับที่มาถึงเมื่อคืนวาน ยังไม่ทันเอาออกมาวางขายบนชั้นอย่างพวกผ้าป่านเนื้อละเอียดพวกนี้ออกมา
“ได้ อย่างนั้นรบกวนเถ้าแก่ช่วยข้าเลือกสองสามสี ตัดอย่างละห้าฉื่อแล้วกัน” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มบางพลางพยักหน้า
เลือกครามเข้ม ม่วงอ่อน เหลืองไข่เป็ด รวมสามสี ครามเข้มน่าจะเหมาะกับอาเย่า ไว้ตัดเสื้อตัวนอกเหมาะกับหน้าร้อนให้เขาสักชุด
ม่วงอ่อนตั้งใจไว้ตัดให้ตัวเอง ผ้าป่านเนื้อละเอียดหากตัดเป็นชุดกระโปรงทรงกว้างเก้าส่วนแบบรัดเอวสูงก็น่าจะเย็นสบาย ความกว้างของกระโปรงน่าจะบดบังหน้าท้องที่นูนขึ้นมาได้หมด
สำหรับสีเหลืองไข่เป็ดก็ย่อมตัดชุดขนาดต่างๆ ไว้ให้ลูกน้อยของนาง
ยังเลือกผ้าฝ้ายหนาที่สีสันสดใสอีกสองสามฉื่อไปเพิ่ม เตรียมไว้ตัดเป็นผ้าห่อทารก ความหนาบางต่างกันสองสามชิ้นสำหรับทารกน้อยที่ยังไม่ออกเดือน
ดังนั้นไปๆ มาๆ ก็ซื้อผ้าไปหลายขนาด ทั้งหมดสิบกว่าผืน
ตอนคิดเงิน ใบหน้าริ้วรอยย่นของเถ้าแก่ยิ้มแทบปริ
“ฮูหยิน เศษๆ ลดไปหมดเลยละกัน ทั้งหมดสามตำลึงพอดี”
เถ้าแก่ดีดลูกคิดไปๆ มาๆ ก๊อกแก๊กๆ สุดท้ายก็ยิ้มตาหยีเงยหน้าขึ้นมองมายังซูสุ่ยเลี่ยนที่ถูกหลินซือเย่าคุมให้นั่งเฉยๆ บนเก้าอี้ รายงานราคาตามที่นางคิดเอาไว้
หลินซือเย่าควักเงินออกมาสามก้อนจากแขนเสื้อ ไม่บ่นสักคำก็วางลงบนโต๊ะเก็บเงินเถ้าแก่ จากนั้นก็รับผ้าที่มัดรวมกันอย่างแน่นหนากองใหญ่จากคนงานมาถือไว้ อีกมือก็ประคองซูสุ่ยเลี่ยนที่เริ่มเหนื่อย ค่อยๆ พานางออกจากร้าน
“จุ๊ๆ คุณชายที่ไหนกัน? ภรรยาสอนสั่งดีจนดูแลเอาใจใส่ดีเพียงนี้! เหมือนว่ากำลังตั้งครรภ์กระมัง มิน่า…”
”ในเมืองนี้มีตระกูลไหนบ้างที่แต่งสะใภ้ได้งามเช่นนี้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“ใช่น่ะสิ ยังช่างใช้เงิน ทีเดียวสามตำลึง จุ๊ๆ มากกว่าพวกเราใช้กันทั้งปีอีก”
“ใช่น่ะสิ ราคาผ้าป่านเนื้อละเอียดสูงขนาดนั้น ซื้อทีเดียวสามชุด…”
“เถ้าแก่ ท่านรู้จักไหมว่าตระกูลไหน”
“ไม่รู้จัก”
“เอ๋? ไม่รู้จัก ท่านยังสนิทสนมกับนางเช่นนั้น?”
“เหอๆ…ฮูหยินผู้นั้นมาซื้อผ้าร้านเรา ไปๆ มาๆ ก็จำได้”
“เอาเถอะ สนใจว่าตระกูลไหนทำไม เถ้าแก่ ผ้าป่านเนื้อละเอียดดีอย่างนั้นเลยหรือ ตัดให้ข้าห้าฉื่อ เอาไปตัดชุดลองดูก่อน”
“ได้เล้ย! รับรองฮูหยินสวมแล้วต้องไม่อยากเปลี่ยนไปใช้ผ้าอื่นอีกเลย!”
“หากเป็นอย่างเถ้าแก่พูดจริงก็ดีน่ะสิ! อย่างนั้นข้าเอาห้าฉื่อ…”
“เถ้าแก่ ข้าเอาสี่ฉื่อ…หากดีครั้งหน้ามาซื้ออีก…”
“เหอๆ ได้เลยๆ ของมีมากพอ ฮูหยินทุกท่านวางใจได้เลย…”
ด้วยโชคจากซูสุ่ยเลี่ยน ร้านผ้าเฟิงหย่านำเข้าผ้าป่านเนื้อละเอียดสามสิบพับ วางขายวันแรกก็แย่งกันซื้อจนหมด
ทำเอาเถ้าแก่ร้านผ้าดีใจจนตัดสินใจว่าครั้งหน้าต้องให้ราคาพิเศษซูสุ่ยเลี่ยน เรื่องนี้ไว้ก่อนก็ได้ ยังไม่รีบ
……
เวลาพริบตาก็ผ่านไปเดือนกว่า เมืองฝานฮัวก็เข้าสู่หน้าร้อนอย่างเป็นทางการ
ตั้งท้องได้ครบสามเดือนพอดี อาการแพ้ท้องของซูสุ่ยเลี่ยนก็ค่อยๆ ดีขึ้น แม้ว่าแต่ละมื้อกินอาหารไม่ได้มากเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยก็ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
เพียงแต่พอท้องแล้ว การนอนของซูสุ่ยเลี่ยนก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก
ทุกวันพอพ้นยามอิ๋น นางก็จะตื่น จึงพบว่าที่แท้หลินซือเย่าตื่นเช้าเช่นนี้ทุกวัน ยุ่งกับงานในลานทิศเหนือเสร็จ ก็จะไปทำงานในห้องครัว ไม่ได้หยุดพักเลย แทบจะยุ่งกับงานจนถึงยามเหม่า
“อาเย่า…”
พอลุกขึ้นมาเกล้าผมง่ายๆ เสร็จ ก็ตามไปล้างหน้าบ้วนปากที่ห้องครัว ซูสุ่ยเลี่ยนมาถึงลานด้านใต้ก็พบว่าหลินซือเย่ากำลังทำความสะอาดเล้าไก่อยู่ดังคาด
“ทำไมไม่นอนต่อมากอีกหน่อย” หลินซือเย่าเห็นนางสวมชุดสีเขียวใบบัวแบบฤดูใบไม้ผลิก็ยิ่งทำให้ดูผอมบาง น้ำเสียงก็แอบรู้สึกสงสารไม่ได้ ตัดสินใจแล้วว่าอีกเดี๋ยวจะเอากลั่นหยกเซียนที่เก็บไว้ใต้หีบในกระบอกน้ำเต้านั่นมาให้นางดื่ม หากนางผอมอย่างนี้ต่อไป ตอนคลอดเกิดอะไรขึ้นมาจะทำเช่นไร ของนอกกายพวกนี้มีมากอีกสักเท่าไรแล้วอย่างไร เขาจะเอาไปทำอะไรกัน?
“นอนเต็มอิ่มแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้เขา อมยิ้มกล่าวว่า “ข้าเป็นภรรยาที่ไม่ได้ทำหน้าที่เลย เมื่อก่อนถึงกับปล่อยให้เจ้าตื่นเช้าอย่างนั้นทุกวันโดยไม่รู้เรื่องเลย”
“เหลวไหล” หลินซือเย่าขมวดคิ้วจ้องมองนาง “เรื่องพวกนี้ ข้าพอใจทำ ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้าทำหน้าที่หรือไม่ ครั้งหน้าอย่าได้กล่าวเช่นนี้อีก”
“ได้” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นท่าทางจริงจังของเขา ก็ได้แต่พยักหน้า “ใช่แล้ว อาเย่า เมื่อวานป้าเถียนบอกข้าว่า ลุงเถียนทำเปลทารกให้เสร็จแล้ว บ่ายวันนี้จะเอามาให้”
หลายวันนี้ นางกับอาเย่ายุ่งกับการเตรียมของใช้ให้ลูกน้อยตอนคลอด
ชุดตัวในตัวนอกและผ้าห่อทารกไว้ห่อตอนเกิดล้วนเตรียมได้พอสมควรแล้ว
เปลนั่นหลินซือเย่าฝากเถียนต้าฟู่ทำ ไม้นั้นเขาไปตัดมาจากเขาต้าซื่ออีกต้น เป็นไม้ปีกไก่ชั้นดี รูปแบบที่ทำตามร่างแบบของซูสุ่ยเลี่ยนวาด เมื่อก่อนชาวเมืองเมืองซูโจวนิยมเปลแบบเตียงเล็กๆ มีที่กั้นกันตก เตียงกว้างครึ่งเมตร ยาวหนึ่งเมตร เปลใช้เดี่ยวๆ ได้ และยังเอามาทำเป็นเตียงเล็กๆ ได้ด้วย กล่าวคือ ทารกที่คลอดออกมาในช่วงอายุครึ่งขวบก็ใช้เปล พอเลยครึ่งขวบก็จะสละเปลมาใช้เตียงตัวเล็ก ตามขนาดเตียงนี้ น่าจะใช้ถึงสามขวบได้อย่างไม่มีปัญหา
สำหรับหลังจากสามขวบนั้น…
อืม หลินซือเย่าตั้งใจว่าซื้อที่สองหมู่ทางตะวันตกของบ้านเขาเอาไว้ อย่างไรบ้านเก่าอยู่แล้วไม่ปลอดภัย จะสร้างบ้านใหญ่แบบเรือนสองชั้นด้านหน้าด้านหลังในพื้นที่นั้นสักหลัง สำหรับบ้านเก่าย่อมต้องรื้อปรับปรุงใหม่ ทำเป็นอะไรดี? หลินซือเย่าคิดไว้ในใจแล้ว
“อืม กินข้าวเช้าก่อน วันนี้ต้มพุทราแดงกับเห็ดหูหนูขาวที่เจ้าชอบ กินเยอะหน่อย” หลินซือเย่าเก็บกวาดเล้าไก่เสร็จ ก็เอากระบุงโกยขี้ไก่ไปเก็บ แล้วก็ไปล้างมือที่ท่าน้ำ ก่อนจะเข้ามาประคองซูสุ่ยเลี่ยนที่เริ่มอุ้ยอ้าย เดินไปห้องครัว
……
วันนี้ยามเฉินเพิ่งพ้นผ่านไป หลินซือเย่ากำลังจะออกจากบ้าน
“ระวังตัวเองให้ดีนะ ก่อนบ่ายข้าก็กลับ” หลินซือเย่าให้เสี่ยวฉุนเฝ้าห่างจากต้นอิงเถาออกไปสองสามจั้ง คอยปกป้องซูสุ่ยเลี่ยนที่นั่งอยู่บนม้านั่งยาวเย็บเสื้อหน้าร้อนด้วยผ้าป่านเนื้อละเอียดให้หลินซือเย่า
“วางใจได้ แค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ข้าจะมีอะไรได้” ซูสุ่ยเลี่ยนขำ สัพยอกเขา “ก็ได้ๆ ข้ารับปากเจ้า ต้องระวังให้มาก นั่งอยู่ตรงนี้รอเจ้ากลับมาดีไหม” อย่างไรบนโต๊ะหินข้างๆ เขาก็วางขนมไว้พร้อมแล้ว น้ำอุ่นอีกกาเอื้อมมือก็หยิบถึง
“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น” หลินซือเย่าขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้ารู้ ข้าไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เจ้าคิดนะ จะว่าไปกลั่นหยกเซียนก็กินไปหลายวันแล้ว เจ้าควรวางใจได้แล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนย่อมรู้ว่าเขาเป็นห่วงนาง แต่ก็มากเกินไปไหมนะ ยิ่งกว่าแม่ของนางเสียอีก
“อืม เช่นนั้นข้าไปก่อนนะ ใครมาเคาะประตูก็อย่าเปิด” หลินซือเย่ากำชับความปลอดภัยของนางอีกรอบ
ตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยพาลูกหมาป่าสามตัวขึ้นเขาต้าซื่อไปใช้ชีวิตกับราชาหมาป่าแล้ว ที่บ้านเหลือแต่เสี่ยวฉุน เขาไม่วางใจเลยจริงๆ
นั่นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ที่มีคนมาเคาะประตูหลายครั้ง ไม่ใช่หญิงโง่งม ก็โจรลักพาตัว ถึงกับยังมีคนร่วมสำนักนักฆ่าเขาอีก
หากไม่ใช่ว่าเช้าวันนี้ได้รับสัญญาณจากซือทั่ว เขาเองก็ไม่อยากออกจากบ้านแม้แต่ครึ่งก้าว
แต่…หลินซือเย่าที่กำลังรีบไปหรี่ตาคิด สัญญาณลับที่ซือทั่วทิ้งไว้ พวกเขาทั้งสามคนต้องบาดเจ็บหนัก ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยชอบดูเรื่องสนุกของซือเล่า หากภารกิจสำเร็จลุล่วง ทั้งสามคนไม่ได้รับบาดเจ็บ ก็คงต้องแวะผ่านที่เขาเรียกว่าอ้อมมาเมืองฝานลั่วทักทายเขาแล้ว
คิดแล้ว หลินซือเย่าก็ยิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น หากละแวกนี้มีคนเห็นเข้า ย่อมต้องรู้สึกว่ามีลมเย็นพัดวูบ จากนั้นก็มีเงาวูบผ่านไปอย่างเร่งรีบ…