ตอนที่ 83 ซื้อที่ขยายบ้าน
“เจ้าสามคนร่วมมือกันยังสู้ไม่ได้? ข้าว่าพวกเจ้าฝีมือแย่ลงทุกวันแล้ว” หลินซือเย่านั่งอยู่ข้างโต๊ะที่ไม่ไกลจากเตียงนัก รินน้ำชาให้ตนเองพลางเสียดสีเยียบเย็น ไม่ได้เห็นใจซือเล่าที่ตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงรักษาอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“พวกเราประมาทเอง” ซือชงน้ำเสียงแอบโมโห “ไม่คิดว่าคู่สังหารแห่งซีหลางร้ายกาจเพียงนี้ มิน่า…”
“เฟิงชิงหยาแปลกไป” ซือทั่วเงียบไปนาน ยามนี้อยู่ๆ ก็โพล่งออกมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป ทำให้ทุกคนในที่นั้นพากันสะดุ้ง
“ชิ…” หลินซือเย่าแอบเยาะเบาๆ “ภัยนอกภัยใน…ข้าว่าพวกเจ้าเลียนแบบข้า ปิดบังชื่อแซ่มาเป็นชาวนาเลยแล้วกัน”
“ซือหลิง…” ซือทั่วได้ยินก็มองเขาอย่างไร้วาจา “เจ้าเป็น ‘คนตาย’ เฟิงชิงหยาจึงไม่ได้มาหาเจ้า แต่พวกเรา…” ยามนี้ถอนตัวจากหอเฟิงเหยา อย่างไรเฟิงชิงหยาย่อมไม่ยอมปล่อยพวกเราไป ไม่ว่าซ่อนตัวที่ไหนก็ย่อมไม่มีวันสงบสุข
“ข้อเสนอซือหลิง ข้าว่าน่าคิดดู” ซือชงเงียบไปนาน ก่อนจะค่อยๆ กล่าวขึ้น “ตอนนี้หอเฟิงเหยาไม่ได้ทำตามกฎที่อดีตประมุขวางไว้แล้ว เชอะ หากปล่อยเฟิงชิงหยาทำต่อไป พวกเราก็ไม่ใช่นักฆ่า แต่เป็นปีศาจแล้ว”
“ข้าเห็นด้วย” ซือเล่าหลังจากจบขั้นตอนเดินพลังรักษาอาการบาดเจ็บเพิ่งลืมตาขึ้นก็รับคำซือชงต่อ สายตาส่องประกายวูบหนึ่ง กล่าวเย็นชาว่า “คิดว่าหอเฟิงเหยาหกร้อยคน ฝีมือไม่ได้ด้อยกว่าเราสามคน กลับให้แค่เราสามคนไปซีหลาง ไม่ใช่เจตนาส่งพวกเราไปฝังที่ซีหลางแล้วคืออะไร?!”
เขาดูออกนานแล้วว่าเฟิงชิงหยาไม่ได้เจตนาดีกับพวกเขาสามคน โดยเฉพาะหลังจากเรื่องของซือหลิง หอเฟิงเหยาทุกคนต่างเห็นพวกซือทั่วสามคนเป็นหัวหน้า หากเดาไม่ผิด เฟิงชิงหยาคิดเปลี่ยนเลือดใหม่? หนึ่งปีก่อนก็ซือหลิง หนึ่งปีถัดมาก็พวกเขาสามคน อีกหนึ่งปีต่อไป…ก็คงเป็นคนอดีตประมุขทั้งหมด ไม่เกินสามปีห้าปี ก็ย่อมล้างหมดสำนักได้!
พอได้ยินหลินซือเย่าเสนอขึ้นเหมือนล้อเล่น ก็ทำให้พวกเขาสามคนแอบคิดอยากเดินทางนี้เหมือนกัน จึงนิ่งเงียบกันไป
“อย่างนั้นเอาแบบนี้ รอซือเล่ารักษาอาการบาดเจ็บหายดี กลับไปหอจัดการงานการที่เหลือ ค่อยหารือเรื่องนี้” ซือทั่วกระดกเหล้าทีเดียวหมดแก้ว ก่อนจะให้ข้อสรุปน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ใช่ พวกเราสะสมเงินไว้ไม่น้อยแล้ว กินดื่มตามสบายก็ไม่มีวันหมด พวกเราคงไม่อดตายแล้ว จะว่าไปไม่ใช่ยังมีสมบัติซือหลิงที่จะแบ่งให้เราสามคนอีกหรือ ใช่แล้ว ซือหลิง เจ้าคงไม่พูดจาแล้วคืนคำกระมัง” ซือเล่ายิ้มร้าย สีหน้าเริ่มมีสีเลือดกลบเกลื่อนอาการบาดเจ็บหนักของตนไว้
“ไว้ตอนนั้นพวกเราก็มาเป็นเพื่อนบ้านซือหลิงกันแล้วกัน แม้ว่าจะต้องถูกมองค้อนเย็นเยียบเรื่อยๆ แต่ว่าหากไม่มีเขา เราสามคนก็ทำอาหารไม่เป็น ฮา ฮา…” ซือชงไม่กลัวตายเสริมอีกคำ
“อย่างนั้น ซือหลิง เรื่องที่พักพวกเราก็ฝากเจ้าแล้ว ราวสามเดือนหรืออีกราวปี พวกเราก็จะกลับมาเป็นเพื่อนเจ้า”
หากไม่ใช่ว่าสีหน้าเย็นเยียบไร้อารมณ์ของซือทั่ว หลินซือเย่าก็อาจจะยังสงสัยว่าเขาเปลี่ยนนิสัยจริงหรือ เหมือนวาจานักฆ่าเย็นเยียบพูดหรือ?
“อย่าลืมเรื่องที่ไหว้วานพวกเจ้า” หลินซือเย่ามองพวกเขาสามคนที่ตัดสินใจชีวิตจากนี้ในเวลาอันรวดเร็วอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี ขมวดคิ้วกำชับ ตอนนี้เขาไม่อาจเข้าเขตร้อยลี้ของหอเฟิงเหยา คิดจะเอาสมบัติที่สั่งสมมาทั้งชีวิตที่นั่น ก็ได้แต่ฝากพวกเขาทั้งสามคนแล้ว แม้ว่าจะได้คืนมาไม่ถึงหนึ่งในห้าส่วน แต่แค่หนึ่งในห้าส่วนก็พอจะใช้ชีวิตในเมืองฝานฮัวเล็กๆ ได้แล้ว เพียงพอให้เขาทำอะไรได้ไม่น้อยแล้ว
……
ในเมื่อเขาต้องการขยายบ้าน และพวกซือทั่วก็ได้มอบภารกิจเรื่องที่พักให้เขาไปจัดการแล้ว ดังนั้นหลินซือเย่ากลับถึงเมืองฝานฮัวก็เริ่มวางแผนซื้อที่ขยายบ้านเพิ่ม
“อะไรนะ? เจ้าคิดซื้อที่รกร้างหกหมู่ทางตะวันตก?” ผู้ใหญ่บ้านหวังเกิงฟามองหลินซือเย่าอย่างประหลาดใจ
แม้ว่าพื้นที่รกร้างทางตะวันตกสุดตอนนี้ยังไม่มีเจ้าของ แต่ว่าจะซื้อทีเดียวหกหมู่ อย่างน้อยก็ต้องสิบกว่าตำลึง ใช้เงินมากมายเช่นนั้นซื้อที่รกร้างทำไม?
สร้างบ้าน? พวกเขาก็แค่สองคน ต้องการบ้านใหญ่ขนาดนั้นทำอะไร?
บุกเบิกทำนาเพาะปลูก ต้องการที่นาดีมากขนาดนั้นทำอะไร ก่อนหน้านี้แม้แต่ที่นาดีสองหมู่กับบ้านก็พอให้พวกเขาอยู่ไปตลอดชีวิตแล้ว
หวังเกิงฟาคิดไปคิดมาก็ไม่เข้าใจหลินซือเย่าที่เอ่ยปากถามเรื่องซื้อที่รกร้างหกหมู่พวกนั้น
“ข้ามีเพื่อนหลายคนคิดจะมาตั้งรกรากในเมืองฝานฮัว ฝากข้าหาบ้านให้พวกเขา ข้าว่าหมู่บ้านนี้ไม่มีใครคิดขายบ้าน นับประสาอันใดกับการที่สุ่ยเลี่ยนเองก็ตั้งครรภ์ ที่บ้านอย่างไรก็ต้องขยายพื้นที่ ก็เลยกะว่าจะซื้อที่รกร้างมาสร้างเอง” หลินซือเย่าไม่ค่อยได้กล่าววาจาจากใจเช่นนี้เท่าไรนัก
แท้จริงแล้ว ตามเจตนาเดิมของเขา จากบ้านเขาไปทางตะวันตกไปจรดที่นาดีสองหมู่ รวมสิบกว่าหมู่ เขาอยากซื้อไว้หมด
แต่ก็กลัวว่าคนอื่นในหมู่บ้านจะไม่พอใจ จึงได้ซื้อก่อนแค่หกหมู่พอ เตรียมไว้เป็นที่นาสองหมู่ ที่เหลืออีกสี่หมู่ก็ไว้ให้พวกเขาสามคนสร้างบ้าน สำหรับพวกเขาวันหน้าหากคิดสร้างครอบครัว คิดจะขยายบ้าน ก็ย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่เขายังต้องดูแลรับผิดชอบพวกเขาแต่งภรรยาเหมือนยายแก่พวกนั้นขนาดนั้นกระมัง
พูดตามตรงเขาเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาตอนนี้ไม่เหมือนตัวเองแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ใช่ซือหลิงคนเดิม
คิดถึงพวกซือทั่วทั้งสามคนที่ปีก่อนรับคำสั่งมาสังหารเขาแล้ว หนึ่งปีต่อมาตนเองยังดูแลหาบ้านให้พวกเขาเหมือนยายแก่ คิดแล้วก็อึดอัดจริง เพียงแต่ทุกครั้งที่คิดถึง ต้องขอบคุณพวกเขา ตนเองจึงได้พบกับสุ่ยเลี่ยน สร้างครอบครัวเล็กๆ อบอุ่นได้มาถึงตอนนี้ เขาก็พอใจแล้ว เรื่องทุกเรื่องมีเหตุ เรื่องทุกเรื่องมีผล มีเหตุมีผล เป็นโลกธรรม
……
“ดังนั้นผู้ใหญ่บ้านก็รับปาก?” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มร่า ส่งผ้าบิดหมาดให้เขาเช็ดมือ ตอนนี้กลางเดือนหกแล้ว อาทิตย์ยามบ่ายก็ร้อนแรงมากแล้ว แต่หลินซือเย่าเป็นวรยุทธ เดินไปบ้านผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ถึงกับทำให้เขาต้องถึงกับเหงื่อตก แต่ซูสุ่ยเลี่ยนก็ชินกับการบิดผ้าหมาดให้เขาเช็ดหน้าตอนเข้าบ้านแล้ว
“อืม เขาไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วย ที่รกร้างทิ้งไว้นานก็ยังคงเป็นที่รกร้าง ไม่สู้ขายให้พวกเรา” หลินซือเย่าเช็ดหน้า จากนั้นก็ซักผ้าให้สะอาดตากไว้บนราว ก่อนจะรั้งซูสุ่ยเลี่ยนเดินเข้าห้องโถงไป
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เขาถามอย่างอ่อนโยน
“ดีมาก” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็ลูบท้องน้อยที่นูนขึ้นเบาๆ
ตามที่ป้าเหลาว่า ท้องแฝดย่อมใหญ่กว่าท้องเดี่ยวไม่น้อยเป็นธรรมดา ยังไม่ถึงเดือนสี่ ก็เห็นความนูนชัดเจน ตอนก่อนคลอดไม่รู้ว่าจะใหญ่ขนาดไหน
คิดถึงเมืองชิงเถียนและลั่วสุ่ยข้างๆ กับเมืองฝานฮัวเองก็ไม่เคยมีทารกแฝด ดังนั้นบรรดาป้าๆ น้าๆ ที่ปกติไม่ได้สนิทกับซูสุ่ยเลี่ยนเท่าไรก็อยากรู้อยากเห็น พากันหาเหตุผลตามป้าเหลา ป้าเถียน และคนอื่นๆ มาดูกันใหญ่ ทำเอาซูสุ่ยเลี่ยนแทบอยากจะร้องไห้ ตนเองทำไมจึงได้กลายเป็นนกกระจอกตัวน้อยที่ถูกขังในกรงรอให้คนมาชมกัน
……
วันนี้หลินซือเย่าก็ได้สัญญาที่ดินที่รกร้างหกหมู่จากซุนโหย่วเม่า ไปหารือกับเถียนต้าฟู่เรื่องสร้างบ้าน
แน่นอนเขาตัดสินใจสร้างให้พวกซือทั่วสามคนก่อน
หนึ่ง ซูสุ่ยเลี่ยนตอนนี้กำลังรักษาครรภ์เตรียมคลอด ต้องรักษาจิตใจให้สงบ หากห่างจากบ้านใกล้ไป วันๆ ส่งเสียงสร้างบ้านดังไม่หยุด เกรงว่าจะรบกวนการพักผ่อนของนาง
สอง ซือทั่วก็บอกว่า น้อยสุดสามเดือน พวกเขาก็จะจัดการเรื่องที่หอเฟิงเหยาเสร็จ มาที่นี่ตั้งรกรากกัน ดังนั้นจึงต้องสร้างที่พักให้พวกเขาก่อน พวกเขาจะได้ไม่หาเหตุมารบกวนวุ่นวายที่บ้านเขาทั้งวัน
ดังนั้นเถียนต้าฟู่นำเขาไปหาช่างปูนที่มีชื่อเสียงที่สุดสามคนในเมือง ยังหาช่างงานจิปาถะและงานไม้สองสามคนรวมทั้งพวกฟางต้าเซิงที่ทำเครื่องเรือนให้เขามาด้วย
ทุกคนมารวมกันที่บ้านเถียนต้าฟู่ หารือเรื่องการสร้างบ้านใหญ่ในพื้นที่สี่หมู่ทางตะวันตกสุด พอได้ยินว่าสร้างบ้านใหญ่ขนาดนี้อยู่กันสามคน คนเหล่านี้ก็อึ้งไป ก่อนจะเดาว่าต้องเป็นคนรวยมากๆ มาตั้งรกรากที่นี่แน่ ไม่อย่างนั้นแค่สามคน ทำไมต้องการที่สี่หมู่ไปสร้างด้วย?
“ดีที่สุดเป็นเรือนที่แยกประตูทางเข้าออกแต่ละหลัง ให้ร่วมกันใช้แค่ห้องรับแขกและห้องครัว สำหรับมุมที่ว่างเปล่า ปลูกปักไม้ไผ่ไว้ก็พอแล้ว”
หลินซือเย่าบอกถึงเงื่อนไขที่ไม่ถือว่าเป็นเงื่อนไขสองสามข้อ ก่อนจะขอตัวกลับบ้านก่อน
สำหรับเรื่องที่เหลือก็ยกให้เถียนต้าฟู่จัดการ เงินค่าแรง “พวกเจ้าก็รวบรวมรายการใช้จ่ายทั้งหมด คิดราคาแล้วก็มอบรายการให้ข้า ทันทีที่กำหนดวันลงมือสร้าง ข้าก็จะจ่ายให้พวกเจ้าครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไว้จ่ายตอนเสร็จงาน”
กล่าวจบก็หันไปพยักหน้าให้เถียนต้าฟู่ หมายความว่ามอบทุกอย่างให้เขาจัดการ จากนั้นก็ออกจากบ้านเถียนรีบกลับไปทำอาหารกลางวัน
“ต้า…ต้าฟู่ ตระกูลหลินนั่นหมายความว่า? ราคาตามแต่พวกเรากำหนด? ก่อนเริ่มงานจ่ายครึ่งหนึ่ง หลังเสร็จงานอีกครึ่ง?” มีช่างปูนหลายคนอดนึกสงสัยไม่ได้ เริ่มสอบถามขึ้นมาทันที
“ใช่ ต้าฟู่ บ้านเจ้าสนิทกับบ้านเขาหรือ เขาว่าเช่นนี้ใช่ไหม” หลายคนเริ่มถูมือไปมา อดระงับความดีใจไม่อยู่ แอบคำนวณกำไรที่ตนเองจะได้เท่าไรกันแล้ว
“พวกเจ้าพอเถอะ อย่างไรเขาก็เป็นอาจารย์ต้าเป่า เรื่องบ้านเขาก็คือเรื่องบ้านข้า พอๆๆ รีบหน่อย คำนวณค่าใช้จ่ายกันเร็ว ข้าจะได้รายงานเขาไป บอกก่อนนะ ราคาเท่าไรก็ควรเท่านั้น อย่าได้คิดละโมบ พวกเจ้าก็รู้เขามีวิทยายุทธ อย่าหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง”
เถียนต้าฟู่ค้อนขวับ เอ่ยเตือนกันตรงๆ
“โอ๊ย ก็แค่พูดๆ เคร่งเครียดอะไรกัน เอาละๆ ต้าฟู่ อย่างนั้นพวกเราก็มาหารือคิดราคากันได้แล้ว ไม่เก็บเขาเกินหรอก แต่ไม่อาจขาดทุน ใช่ไหม ต้องรู้ว่างานสร้างบ้านพวกนี้ เราก็ทำกันครั้งเดียวเหมือนกับแม่นางขึ้นเกี้ยวแต่งงานกันแค่ครั้งเดียว…”
“ใช่ ถึงตอนนั้น ต้าฟู่ เจ้าต้องบอกตระกูลหลินนั่นด้วย หากสุดท้ายสร้างเสร็จ พวกเราขาดทุน จะเติมเงินให้พวกเราได้ใช่ไหม”
ในบรรดาคนเหล่านี้ เถียนต้าฟู่ย่อมไม่ต้องพูดถึง คนอื่นๆ นอกจากช่างไม้ที่เคยทำงานให้หลินซือเย่าอย่างฟางต้าเซิง หวังสุ่ยฟา และเฝิงเหล่าลิ่วสามคนที่เชื่อใจหลินซือเย่าว่าไม่เอาเปรียบพวกเขาแน่ พวกช่างปูนที่เหลือ แม้ว่าเคยได้ยินว่าหลินซือเย่าจ้างคนใจกว้าง ก็อยากจะเริ่มคิดคำนวณว่าจะหาเงินให้มากขึ้นอีกหน่อยได้อย่างไร
แต่อย่างไรงานหน้าร้อนหน้าหนาวก็น้อยมาก ตอนนี้ยังหางานใหญ่เช่นนี้ไม่ได้ง่ายๆ จุดจบของพวกละโมบนั้นคนที่เสียหายสุดท้ายก็คือตนเอง
ดังนั้นหลังจากพวกช่างปูนร่วมคิดคำนวณราคากัน ราคาที่แจ้งออกมา เถียนต้าฟู่เห็นแล้วนับว่าสมเหตุสมผล