บทที่ 65 เจ้าสำนัก ท่านยังจะโจมตีอีกหรือไม่

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 65 เจ้าสำนัก ท่านยังจะโจมตีอีกหรือไม่
ข่าวการบุกรุกจากสิบเก้าสายสำนักนั้น แพร่สะพัดไปทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างรวดเร็ว

ทว่าหลี่ชิงจื่อกลับไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เขาขอให้ผู้อาวุโสจากสิบแปดยอดเขา และผู้อาวุโสสำนักฝ่ายนอกปลอบขวัญบรรดาศิษย์ เปิดค่ายกลคุ้มกันสำนัก ห้ามศิษย์ทุกคนออกไปแนวหน้า

เหล่าลูกศิษย์เองก็ไม่ได้ตื่นตระหนก

เพราะพวกเขาต่างก็กำลังรอใครบางคนอยู่

ผู้อาวุโสสังหารเทพ!

เหล่าผู้อาวุโสเปิดเผยแล้วว่า ผู้อาวุโสสังหหารเทพจะเผชิญหน้ากับสิบเก้าสายสำนักเพียงผู้เดียว เพื่อลดการบาดเจ็บล้มตายของบรรดาลูกศิษย์

เดิมทีหลี่ชิงจื่อก็ไม่ได้วางแผนออกมาเช่นนี้ ใครใช้ให้สิบเก้าสายสำนักไม่กระจายกำลลังโจมตีเช่นนี้เล่า!

ดียิ่งนักผู้อาวุโสสังหารเทพจะได้ฆ่าพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียว!

หานเจวี๋ยเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

เขาเพิ่งจะเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ไก่คุกรัตติกาลก็เข้ามาหาแล้ว

“นายท่าน ไกลออกไปนั้นมีกลิ่นอายพลังมากมายยิ่งนัก หรือจะมีศัตรูทัพใหญ่บุกเข้ามาโจมตี ท่านจะหนีหรือไม่”

ไก่คุกรัตติกาลถามรัวออกมาเป็นชุดๆ น้ำเสียงดูร้อนรนกังวลใจ

หานเจวี๋ยเดินอ้อมมันไปทันที กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงว่า “ก็แค่พวกหมูหมากาไก่เพียงกลุ่มเดียว เหตุใดต้องหนีกัน”

เมื่อกล่าวจบ หานเจวี๋ยก็กลายเป็นลมหอบหนึ่งพัดออกไปจากภูเขาราวกับเทพเซียน

ไก่คุกรัตติกาลมองไปตามทิศทางที่เขาจากไปด้วยความนับถือ

ช้าก่อน!

หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าหมูหมากาไก่

ไก่คุกรัตติกาลรู้สึกว่าตนเองถูกหยามเกียรติเข้าเสียแล้ว

แต่พอคิดอีกที ข้าเป็นหงส์ ไม่ใช่ไก่!

คนที่ถูกหยามจริงๆ นะคือเจ้าหมาอ้วนนั่นต่างหาก!

ทันใดนั้นเจ้าไก่คุกรัตติกาลก็เบิกบานขึ้นมาอีกครั้ง

……

ผู้บำเพ็ญจากสิบเก้าสายสำนักนั้นรู้สึกกังวล และตื่นเต้นเป็นอย่างมากไปพร้อมๆ กัน

“ด้านหน้านั้นก็คือสำนักหยกพิสุทธิ์!”

“ผู้อาวุโสเว่ยหยวนท่านนั้นก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาจริงๆ หรือ”

“ไม่เช่นนั้นเล่า กล่าวได้ว่าผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นผู้บำเพ็ญอันดับหนึ่งของต้าเยี่ยนในเวลานี้ หากไม่ใช่ผู้บำเพ็ญระดับสุญตาแล้ว ใครเล่าจะกล้ามา”

“ศึกนี้จะต้องถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์แน่!”

“สำนักหยกพิสุทธิ์คงไม่รอดเป็นแน่แท้ พวกโจวฝานและโม่ฟู่โฉวอวดดีถึงเพียงนั้น แต่สำนักหยกพิสุทธิ์กลับพ่ายแพ้คาประตู ช่างเป็นความอัปยศของพวกสายหลักจริงๆ”

เหล่าผู้บำเพ็ญต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ โหมไฟให้ลุกกระพือกันยกใหญ่

หลี่เฉียนหลงและเว่ยหยวนเดินนำอยู่หน้าสุด

พวกเขาเองก็ก้าวเดินอย่างไม่เร่งร้อนนัก

เว่ยหยวนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่ได้เห็นสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

แต่หากการต่อสู้จบลงเร็วเกินไป เขาจะสามารถสำแดงพลังของผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้อย่างไรกันเล่า

ในเวลานั้นเอง

หานเจวี๋ยก็มาถึงแล้ว

หานเจวี๋ยขี่อยู่บนกระบี่กิเลน เหาะเหินทะยานมาบนกระบี่ อันที่จริงแล้วเขาสามารถเหาะเหินดด้วยตนเอง แต่เขารู้สึกว่าการขี่กระบี่นั้นดูหล่อเหลากว่ายิ่งนัก

ด้วยอานุภาพของพลังวิญญาณหกสายหนุนนำ ทำให้ใบหน้าของเขาถูกเมฆหมอกปกคลุมดูเลือนลาง ไม่มีผูใดที่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจอ

สายตาของเว่ยหยวนตกลงบนเงาร่างของหานเจวี๋ย

ระดับสร้างฐานขั้นที่เก้า?

ล้อเล่นอะไรกัน!

ช้าก่อน!

เงาร่างของเขา…

เว่ยหยวนเบิกตาโพลง

เขามีชีวิตอยู่มานับพันปี ประสบพบเจอเรื่องราวมามาก สามารถมองทะลุผ่านสมบัติวิญญาณบนร่างของหานเจวี๋ยได้ภายในคราเดียว

สมบัติวิญญาณทั่วร่าง!

เว่ยหยวนก็ไม่ใช่คนหรูหราฟุ่มเฟือย บนร่างของเขามีสมบัติวิญญาณติดกายเพียงหนึ่งชิ้น อีกทั้งไม่ใช่สมบัติสายป้องกัน หากแต่เป็นอาวุธวิเศษสำหรับโจมตี!

หลี่เฉียนหลงกลับไม่ใช่คนที่เผชิญโลกมาเยอะเฉกเช่นเว่ยหยวน ทว่าเขาก็คาดเดาได้ในทันทีว่าหานเจวี๋ยนั้นก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ

เขารีบยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้ทั้งสิบเก้าสายสำนักหยุดเคลื่อนไหว

สายตาของเหล้าผู้บำเพ็ญล้วนตกลงบนร่างของหานเจวี๋ย

สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ส่งมาเพียงคนเดียวหรือ

ช่างโอหังเช่นนี้…

หรือว่าเขาก็คือคนที่ถูกกล่าวขานผู้นั้น…

เพียงไม่นาน เหล่าผู้บำเพ็ญจากสิบเก้าสายสำนักต่างก็สงบปากสงบคำไปชั่วขณะ ไม่กล้าย่ามใจ

สายตาของหานเจวี๋ยจ้องมองตรงไปยังเว่ยหยวน

ระดับสุญตาขั้นสองสู้กับระดับสุญตาขั้นหนึ่งอย่างนั้นหรือ จะสู้กันอย่างไร?

หรือจะต้องเสแสร้งสักหน่อย

หากใช้กำลังมากไปจะดูไม่ดีหรือไม่

ช่างเถิด!

ยุ่งยากเกินไป!

สังหารให้มันจบๆ ไปนั่นล่ะ!

หานเจวี๋ยมีแผนอยู่ในใจแล้ว

เขายิ่งขยับเข้าใกล้เว่ยหยวนมากขึ้นเรื่อยๆ

เว่ยหยวนหยิบไม้เท้าที่ฝังด้วยอัญมณีหลากสีออกมา เตรียมพร้อมที่จะโจมตี

พร้อมกันนั้นเขาได้ส่งกระแสเสียงถามหลี่เฉียนหลงว่า ‘คนผู้นี้ไม่ใช่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจริงๆ ใช่หรือไม่’

ร่างสมบัติวิญญาณนี้น่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!

มีชั่วขณะหนึ่งนั้น ที่เว่ยหยวนคิดอยากยอมแพ้ทันที

หลี่เฉียนหลงส่งกระแสเสียงตอบกลับมาว่า ‘ไม่ใช่ เขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสสังหารเทพ ข้าได้ยินมาว่า ผู้อาวุโสสังหารเทพเพียงมีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศเท่านั้น ลือกันว่าเหมือนเขาจะเกิดนอกสำนักหยกพิสุทธิ์ อีกทั้งยังมีอายุไม่ถึงสามร้อยปี’

อายุไม่ถึงสามร้อยปี?

ไร้สาระกระมัง!

แดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนไหนเลยจะมีสมบัติวิญญาณมากมายเช่นนี้อยู่

เจ้านี่แน่นอนว่าไม่ใช่คนของสำนักพิสุทธิ์!

ในขณะที่เว่ยหยวนกำลังลังเลอยู่นั้น ฉับพลันหานเจวี๋ยก็พุ่งเข้ามา

รวดเร็วยิ่งนัก!

วิชาเทพวายุ!

สายลมแข็งแกร่งปะทะเข้ามา ทำให้เว่ยหยวนตกใจจนยกไม้เท้าขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

เจ้าเด็กนี่!

ไม่มีจรรยาบรรณในการต่อสู้หรืออย่างไร!

ก่อนลงมือก็ควรจะแนะนำตัวเองก่อนสักหน่อยไม่ใช่หรือ

เว่ยหยวนเดือดดาล

เขาตวัดไม้เท้าโจมตีออกไปเช่นกัน หานเจวี๋ยโบกฝ่ามือตั้งรับ

ชั่วพริบตานั้น บนฝ่ามือของหานเจวี๋ยปรากฎแสงสว่างหกสายพุ่งออกมา หมุนวนด้วยความเร็วมหาศาล ก่อตัวเป็นตราประทับทรงกลม

ตราประทับหกวิถี!

เกิดเสียงตูมดังขึ้น!

ตามาด้วยแสงเจิดจ้าสวางไสว ราวฟ้าดินกำลังว่างเปล่าไร้สีสัน เหล่าผู้บำเพ็ญต่างหลับตาลงทันที

เว่ยหยวนสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวหอบหนึ่งที่กำลังดันปะทะเข้ามา เดิมทีไม้เท้าของเขาก็ไม่สามารถต้านพลังนั้นได้เลยแม้แต่น้อย

พลังหอบนี้แทรกซึมเข้าภายในร่างของเขาทันที เผามลายพลังวิญญาณของเขาราวกับจะทำให้ย่อยยับ

แย่แล้ว!

เว่ยหยวนหวาดผวา ไม่ทันได้คิดอะไรมากนัก สติของเขาพลันว่างเปล่าในพริบตา

ตราประทับหกวิถีดับทำลายจิตเดิมของเขาในทันใด!

สังหารภายในพริบตา!

คิดไม่ผิดแม้แต่นิดเดียว!

ตอนที่หานเจวี๋ยอยู่ระดับสุญตาขั้นหนึ่งเขาก็สามารถสังหารนักพรตนักพรตเต๋าจิ่วติ่งที่อยู่ระดับสุญตาขั้นแปดมาแล้ว กับเว่ยหยวนนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องง่าย!

เมื่อประกายแสงเลือนหาย หลี่เฉียนหลงก็ลืมตาขึ้นมอง พบเพียงหานเจวี๋ยที่กำลังยกร่างไร้วิญญาณของเว่ยหยวนขึ้นมา มือเท้าทั้งสี่ห้อยโหนผิดรูป

ดวงตาของเว่ยหยวนเบิกโพลง ตายตาไม่หลับ นัยน์ตาปราศจากแววใดๆ

หลี่เฉวียนหลงตกใจกลัวแทบสิ้นชีวา ร้องตะโกนด้วยความหวาดประหวั่น “ผู้อาวุโสเว่ยหยวน!”

หานเจวี๋ยจำกลิ่นอายพลังของเขาได้ เจ้าหมอนี่ก็ไม่ใช่หลี่เฉียนหลงหรอกหรือ

มาได้เวลายิ่งนัก!

หานเจี๋ยยกนิ้วชี้ขวาขึ้น สำแดงพลังดรรชนีกระบี่เทพ ปราณกระบี่ของแทงทะลุหน้าอกของหลี่เฉียนหลง

พลังวิญญาณหกสายที่รุนแรงไหลทะลักเข้าไปในร่างของหลี่เฉียนหลง ทำลายแก่นปราณทองของเขา ผ่าแยกปราณก่อกำเนิด จิตดั้งเดิมได้รับความเสียหายอย่างหนัก

พรวด

หลี่เฉวียนหลงสำลอกโลหิตออกมา พลังวิญญาณทั่วร่างค่อยๆ มลายหายไป

สังหารในพริบตาอีกแล้วหรือ!

ร่างของหลี่เฉียนหลงค้างแข็งอยู่ในอากาศ เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด น่าเวทนาถึงที่สุด

เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความยากลำบาก สีหน้าหวาดผวา เอ่ยถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้า…พะ…เพราะอะไรกัน…”

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปนัก!

สงครามยังไม่ทันจะเริ่ม เว่ยหยวนกลับถูกสังหาร เขาก็กลายเป็นคนไร้ประโยชน์!

ผู้บำเพ็ญนับพันของสิบเก้าสายสำนักต่างตกตะลึง งุนงงเป็นไก่ตาแตก

หานเจวี๋ยยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม

เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ

ก็เพราะสิ่งข้าฝึกฝนนั้นคือวิชายุทธ์จักรพรรดิเซียนอย่างไรเล่า!

รากวิญญาณระดับสูงสุด!

ดวงชะตาระดับสูงสุด!

สังหารพวกเจ้านั้น ก็ช่างง่ายดายราวกับฆ่าไก่ฆ่าสุนัขไม่ใช่หรือ

หานเจวี๋ยตวัดมืออีกครั้ง ดึงหลี่เฉียนหลงมาข้างหน้าตน

เขามองไปทางสิบเก้าสายสำนัก ไม่ได้กล่าววาจาใด พลิกกายแล้วจากไปในทันที

ที่นี่มีผู้บำเพ็ญมากเกินไป หากเขาฆ่าพวกนั้นทั้งหมด เกรงว่าสำนักหยกพิสุทธิ์คงได้กลายเป็นศัตรูของทั่วดินแดนบำเพ็ญพรตต้าเยี่ยนแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น พลังที่มีอยู่ทั่วทั้งดินแดนบำเพ็ญพรตย่อมต้องอ่อนแอลงด้วย เมื่อถึงเวลานั้นผู้บำเพ็ญจากเขตและราชวงศ์อื่นๆ อาจจะอาศัยโอกาสนี้ในการบุกโจมตีก็เป็นได้

การตายอย่างอนาถของเว่ยหยวนก็เพียงพอที่จะทำให้สิบเก้าสายสำนักหวาดกลัวแล้ว!

ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเหงื่อไหลผุดพรายเต็มหน้าผาก เขามองไปทางเจ้าสำนักของตน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “เจ้าสำนัก… ท่านยังคิดจะโจมตีอยู่หรือไม่”

เมื่อเจ้าสำนักได้ยินเช่นนั้น ก็พลั้งปากตวาดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “โจมตี? โจมตีอะไรกัน! เจ้าเป็นจารชนหรืออย่างไร พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อสนับสนุนสำนักหยกพิสุทธิ์ต่างหาก!”

ผู้เยาว์มีตาหามีแววไม่!

เป็นเช่นนี้อนาคตของสำนักช่างเลือนลางนัก!

……

หลังจากที่หานเจวี๋ยทำลายหลี่เฉียนหลงแล้ว ก็ตรงไปที่ยอดเขาหลักทันที ปล่อยให้หลี่ชิงจื่อจัดการต่อ

ส่วนเขากลับมาที่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน วางร่างไร้วิญญาณของเว่ยหยวนลงบนพื้น

เขาพลิกมือขวาหนึ่งครั้ง พลันปรากฏวิญญาณดวงหนึ่งขึ้นมาบนกลางฝ่ามือของเขา

ดวงวิญญาณที่โผล่มานั้นก็คือหวงจุนเทียนเจ้าลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ!

ที่ผ่านมานั้นหานเจวี๋ยไม่ได้สังหารหวงจุนเทียน เพียงแต่กักขังจิตวิญญาณของเขาไว้ในส่วนลึกจิตวิญญาณของตนแทน

หานเจวี๋ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เจ้าต้องการฟื้นคืนชีพหรือไม่”

เว่ยหยวนมีสถานะเป็นถึงรองเจ้าสำนักเก้ามังกร สังหารเขาแล้ว คงหลีกเลี่ยงการแก้แค้นจากสำนักเก้ามังกรไม่ได้ ดังนั้นหานเจวี๋ยจึงคิดให้หวงจุนเทียนเข้าครอบครองกายเนื้อของเว่ยหยวนแทน

หากจะพูดให้ชัดก็คือ เว่ยหยวนยังไม่ได้ตายอย่างสมบูรณ์เสียทีเดียว มีเพียงจิตดั้งเดิมที่ถูกทำลายลง ทว่ากายเนื้อของเขานั้นยังคงสมบูรณ์แบบ

แน่นอนว่าเมื่อจิตดั้งเดิมถูกทำลายลง กายเนื้อของเขาย่อมคงอยู่ได้ไม่นาน

……………………………………………………..