ตอนที่ 93 ไปจับคนในเมืองหลวง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 93 ไปจับคนในเมืองหลวง

หลิงฉางจื้อย่อมไม่ได้ต้องการแต่งเยียนอวิ๋นเกอเป็นอนุภรรยา

เขาเพียงแค่สนใจสนใจความคิดแปลกประหลาดในสมองของเยียนอวิ๋นเกอ

เขาสงสัยอย่างมาก นอกจากผักฤดูหนาวแล้ว เยียนอวิ๋นเกอยังสามารถคิดวิธีหาเงินใดได้อีก

คราวหน้าหาอนางถูกโจมตีอีกครั้ง นางจะรับมืออย่างไร

คงไม่อาจเปิดห้องเรียนทุกครั้ง!

อีกอย่างเรือนพักร่ำรวยนั้น นางจะทำอย่างไรต่อไป

ไม่ใช่หลิงฉางจื้อไร้วิสัยทัศน์ หากแต่เขาไม่ได้ต้องการเงินเหล่านั้น

ตระกูลหลิงไม่ได้ขาดแคลนเงินจนต้องไปแย่งกิจการของเรือนพักร่ำรวย

เขาเพียงแค่ตกตะลึงในความอัจฉริยะของเยียนอวิ๋นเกอ

มันเป็นความคิดที่แปลกใหม่

คนละทิศทางกับวิธีการรับมือวิกฤตตามแบบโบราณ

ความคิดใหม่นี้ เขาสนใจอย่างมาก เขาอยากครอบครอง

เขาอยากรู้ว่า ศักยภาพของเยียนอวิ๋นเกออยู่ที่ใด

ดูท่าทางจำเป็นต้องส่งคนไปสืบประสบการณ์ในอดีตของเยียนอวิ๋นเกออย่างละเอียด

เฮ้อ…

น้องชายของเขาช่างเป็นตัวถ่วง!

หากตอนนั้นหลิงฉางเฟิงไม่เหลวไหล แต่งงานกับเยียนอวิ๋นเฟยอย่างราบรื่น เวลานี้เขาคงไม่ต้องละทิ้งคนใกล้ตัวพึ่งพาคนไกล

หลายวันนี้ เยียนอวิ๋นเกอนั่งอยู่ในจวนท่านหญิง ยุ่งกับการเก็บเงิน

คนสมัครเรียนมีจำนวนมาก

สำนักเซ่าฝู่กระตือรือร้นที่สุด พวกเขาส่งยี่สิบคนมาศึกษาฝีมือของเรือนพักร่ำรวยในคราวเดียว

ตระกูลขุนนางใหญ่ตระกูลอื่นไม่ยอมน้อยหน้า ต่างส่งช่างฝีมือในจวน หรือพ่อบ้านมุ่งหน้ามายังเรือนพักร่ำรวย

หนึ่งคนห้าสิบก้วน ไม่แพงนัก

สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้ฝีมือมาให้ได้

วันที่หนึ่ง เปิดห้องเรียนอย่างเป็นทางการ

เดิมทีนางวางแผนเปิดทั้งหมดสี่ห้อง ห้องละห้าสิบคน

สุดท้ายจำนวนคนสมัครเกินกว่าที่คาดการณ์ อีกทั้งแต่ละคนล้วนไม่อยากรอเริ่มเรียนในเดือนหน้า

แต่ละคนต่างแย่งชิงอยากจะเป็นคนชุดแรกที่เรียนรู้ฝีมือนี้

ล้วนเป็นคนจากตระกูลขุนนางใหญ่ ทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองล้วนไม่เหมาะสม

เพราะว่าล้วนเป็นผู้ให้ข้าว!

เยียนอวิ๋นเกอเด็ดขาดอย่างมาก นางโบกมือ มีจำนวนเท่าใดรับเท่านั้น อย่างมากเปิดห้องเรียนเพิ่ม

อย่างไรก็ต้องสอน คนหนึ่งก็สอน กลุ่มหนึ่งก็สอน

หากเพราะว่ามีคนมาก คุณภาพการสอนลดลง หนึ่งเดือนยังเรียนไม่เป็น ไม่เป็นอันใด เดือนหน้าเรือนพักร่ำรวยยังเปิดสอนต่อ

เพียงแค่จ่ายค่าเล่าเรียนครบห้าสิบก้วนก็พอ

สี่ห้องที่กำหนดไว้แต่เดิมกลายเป็นแปดห้องในชั่วพริบตา

เยียนอวิ๋นเกอเพียงแค่เก็บค่าเล่าเรียนก็ได้กำไรมหาศาล

ฮ่าๆๆ …

อุตสาหกรรมการศึกษาได้กำไรดีเสียจริง

ค่าเล่าเรียนจ่ายเดือนละครั้ง ไม่ได้รับรองว่าจะสอนแล้วเป็นทันที เพียงแค่สัญญาว่าจะถ่ายทอดวิชา

เรียนแล้วยังไม่เป็นก็เรียนอีกหลายเดือน อย่างไรเถ้าแก่ก็ออกเงิน

จิ๊ๆๆ …

อุตสาหกรรมการศึกษาของเยียนอวิ๋นเกอช่างใจดำเสียจริง

ค่าเล่าเรียนห้าสิบก้วน ดูแลเพียงหนึ่งเดือน ยังไม่ได้รับรองว่าจะเป็น

หากอยู่ในสมัยปัจจุบัน ผู้ปกครองคงหาเรื่องทำให้ชื่อเสียงเสื่อมเสียจนต้องปิดประตูในทันที

แต่เมื่อเป็นยุคสมัยนี้ เยียนอวิ๋นเกอเอาแต่ใจ อยากทำสิ่งใดก็ทำ

หากอุตสาหกรรมการศึกษาที่ตระกูลขุนนางผูกขาดยอมเปิดทางให้นาง นางยังมีรูปแบบอื่นอีกร้อยแปดอย่าง

มีอีกหลากหลายรูปแบบ ที่ระลึกต่างๆ …

มีเพียงผลิตไม่ได้ ไม่มีคิดไม่ถึง

เสียดาย อุตสาหกรรมการศึกษาถูกตระกูลขุนนางผูกขาด

เวลานี้เยียนอวิ๋นเกอทำได้เพียงพัฒนาอุตสาหกรรมการศึกษาที่ไม่เข้าตาตระกูลขุนนาง

หนังสือทั้งสี่ คัมภีร์ทั้งห้า อนาคตของบัณฑิต เวลานี้ยังไม่มีโอกาสแตะต้อง

นางบ่นกับอาเป่ย “อันที่จริงอาชีวศึกษาก็มีอนาคต แต่พวกเราไม่อาจจับแกะอย่างตระกูลขุนนางถอนขนอย่างเดียว แต่เสียดายที่สามัญชนไม่มีเงิน”

กลุ้มใจยิ่งนัก!

หากสามัญชนมีชีวิตที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย เยียนอวิ๋นเกอก็มีวิธีทำบางอย่างกับอาชีวศึกษา

ใช้จำนวนในการเอาชนะ

เปิดโรงเรียนอาชีวศึกษา รับนักเรียนหลายพันหรือนับหมื่นคนในคราวเดียว ค่าเล่าเรียนถูกลงหน่อย แต่นางก็ได้กำไรมหาศาลเหมือนเดิม

เสียดายเสียจริง…

ทุกคนต่างไม่มีเงิน อาชีวศึกษาจึงไร้หนทาง

เหตุใดราชวงศ์ต้าเว่ยจึงยากจนเพียงนี้!

ราชวงศ์เซียวช่างไร้ความสามารถ!

“คุณหนูไม่ได้บอกว่าเอาเงินปีนี้ให้ได้ก่อน ค่อยวางแผนปีหน้าหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอถลึงตา “ข้าเป็นคนวิสัยทัศน์สั้นหรือ เงินปีนี้ย่อมต้องตกอยู่ในกระเป๋าของข้า ผู้ใดก็แย่งไปไม่ได้ แต่เงินปีหน้าจะเริ่มหาจากที่ใดกัน”

“ทำนาเถิด! ขายเสบียงก็ได้เงิน อีกทั้งคุณหนูยังติดหนี้มากมาย ไม่ขยับทำนา ปีหน้าคงแย่ หากไม่มีเสบียงส่งมอบ เซ่าฝู่ก็จะเรียกคืนพื้นที่บุกเบิกแล้ว”

เยียนอวิ๋นเกอถลึงตาใส่อาเป่ยอีกรอบ พูดไม่เข้าหูเสียจริง

นางกำลังครุ่นคิดวิธีหาเงินเลี้ยงคนอยู่ อาเป่ยมักจะไม่ลืมเตือนความจริงที่นางติดหนี้

“อาเป่ย ในฐานะคนสนิทของข้า เจ้าต้องทุกข์ใจในสิ่งที่ข้าพูดถึงจะเป็นคนสนิทที่เหมาะสม เข้าใจหรือไม่”

อาเป่ยพยักหน้า “บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ! ผลผลิตของเรือนอุ่นราบรื่นมาก ปีหน้ามีมะเขือ ขึ้นฉ่ายออกมา อีกไม่กี่วันยังจะมีมะเขือเทศ เพียงแค่แต่ก่อนคนในเมืองหลวงราวกับไม่เคยกินมะเขือเทศ ทำอย่างไรดี”

มะเขือเทศนำเมล็ดพันธุ์มาจากทางตะวันตกตอนที่ทำการค้าสัตว์เมื่อหลายปีก่อน

ผ่านการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์มาหลายปี ในที่สุดก็คัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมออกมาได้

ก่อนหน้านี้ ทุกคนไม่เคยกินมะเขือเทศ เป็นเรื่องปกติมาก

หากต้องการให้ทุกคนยอมรับมะเขือเทศก็เป็นเรื่องง่ายมาก

เยียนอวิ๋นเกอพูดทันที “ขายมะเขือเทศ ส่งรายการอาหาร เจ้ากับอาสี่เหนื่อยหน่อย พยายามเขียนรายการอาหารสองร้อยรายการออกมา”

“คุณหนูเล่า ตัวอักษรของคุณหนูงดงาม คุณหนูเขียนดีกว่า”

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “ข้าต้องวางแผนการผลิตปีหน้า ภาระหน้าที่ใหญ่อย่างการเขียนรายการอาหารมอบให้พวกเจ้า”

อาเป่ยอยากร้องไห้

นางเขียนตัวอักษรไม่งาม อีกทั้งนางไม่ชอบเขียน

เมื่อนึกถึงต้องเขียนรายการอาหารสองร้อยชุด อาเป่ยก็อยากร้องไห้

เยียนอวิ๋นเกอไม่สงสารแม้แต่น้อย นางตบไหล่ของอาเป่ย พูดอย่างจริงจัง “ไปเถิด!”

ราวกับจะต้องไปบุกน้ำลุยไฟ

“อย่างไรยังเหลือเวลามะเขือเทศจะออกตลาด ค่อยๆ เขียน ไม่ต้องรีบ”

อาเป่ยพยักหน้า “ระยะนี้คุณหนูว่างหรือเจ้าคะ ฝึกฝนงานเย็บปักดีหรือไม่เจ้าคะ!”

เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา

นางอยากว่าง นางอยากว่างทุกวัน อยากเป็นหนอนข้าวสารที่มีความสุข

คิดวิธีหาเงินมันง่ายนักหรือ

“ข้าเหนื่อย!” เยียนอวิ๋นเกอเริ่มการแสดง นางชี้ไปที่หัวของตนเอง “ตรงนี้คิดเรื่องนี้เรื่องนั้นในแต่ละวัน เหนื่อยง่ายมาก อาเป่ย นวดให้ข้าหน่อย”

อ่อ!

อาเป่ยลงมือนวดให้เยียนอวิ๋นเกอ

อาเป่ยฝึกฝนการต่อสู้ มือมีกำลังจึงนวดได้อย่างสบาย

เยียนอวิ๋นเกอหลับตาดื่มด่ำ มีความสุขอย่างมาก

ในขณะที่ร่างกายกำลังดื่มด่ำ แต่สมองของนางก็ไม่ได้หยุดคิด

เรื่องในครานี้ ดูเหมือนแก้ไขแล้ว แต่คนที่แค้นนางมีมากขึ้น

นางเพียงแค่ออกไปเดินเล่น ก็ได้ยินมีคนวิจารณ์ว่านางปล้นเงิน

ยังบอกว่าเพื่อหาเงิน นางไม่ต้องการแม้แต่ศักดิ์ศรี

คำวิจารณ์เหล่านี้ต้องได้รับการขับเคลื่อนโดยผู้ที่อยู่เบื้องหลัง

โชคดีที่นางยังเด็ก ไม่ต้องร่ำเรียน ไม่ต้องรับราชการ บุรุษก็ไม่อาจพูดจาดูถูกเด็กหญิงตัวน้อยในทุกวัน

อีกไม่นานคำวิจารณ์เหล่านี้จะหมดไป

แค่ว่าครั้งหน้า คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเงินกับตระกูลขุนนางอีก

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลับไป

อาเป่ยไม่ได้ปลุกนาง หากแต่เอาผ้านวมมาห่มไว้บนตัวนาง

จากนั้นนั่งเฝ้านางอยู่ด้านข้าง

เมืองหลวงเกิดเรื่องขึ้นมากมาย เยียนอวิ๋นฉวนเขียนไว้ในจดหมาย ส่งสารด้วยม้าเร็วกลับแคว้นซ่างกู่

ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านได้รับจดหมาย คิ้วขมวดจนแทบจะหนีบแมลงวันตาย

ตู้ซินแสผู้เป็นที่ปรึกษารับใช้อยู่ด้านข้างเอ่ยถาม “ท่านโหวกลุ้มใจเรื่องใดขอรับ”

เยียนโส่วจ้านทำหน้าบึ้ง

เขาส่งจดหมายให้ตู้ซินแส “ซินแสอ่านเนื้อหาด้านบน เวลานี้ข้ามึนงงอย่างมาก เจ้าอ่านจบแล้วบอกความคิดของเจ้ากับข้า”

ตู้ซินแสหยิบจดหมาย อ่านทีละบรรทัดอย่างละเอียด

ภายในจดหมาย บันทึกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเยียนอวิ๋นเกอในหลายเดือนนี้อย่างละเอียด

เนื้อหาเริ่มต้นในจดหมายไม่เท่าไร

เมื่อถึงด้านล่าง เห็นการเพ่งเล็งของราชสำนัก ตู้ซินแสก็อกสั่นขวัญแขวนตาม

แต่ไม่คิดว่าเยียนอวิ๋นเกอจะแก้ไขปัญหาได้อย่างอัจฉริยะ

เมื่ออ่านจบ ตู้ซินแสสับสนเล็กน้อย

ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านถามเขา “ซินแสคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องในจดหมาย”

ตู้ซินแสวางจดหมายลง ครุ่นคิด “มั่นใจว่าเรื่องเหล่านี้เป็นฝีมือของคุณหนูสี่แต่เพียงผู้เดียว ฮูหยินไม่ได้แทรกแซงจริงหรือขอรับ”

เยียนโส่วจ้านพยักหน้า “คนที่ข้าส่งไปเมืองหลวงรายงานกลับมา เรื่องเหล่านี้เป็นความคิดของเยียนอวิ๋นเกอแต่เพียงผู้เดียว ฮูหยินอาจมีชี้แนะบ้าง”

ตู้ซินแสได้ยิน สูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ “หากเป็นฝีมือของคุณหนูสี่จริง เวลานั้นท่านโหวไม่ควรปล่อยคุณหนูสี่ไปเมืองหลวง วิธีการหาเงินของคุณหนูสี่ช่าง…หากตกอยู่ในมือของท่านโหว ท่านโหวย่อมไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องเงินเสบียง”

ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านได้ยิน ส่งเสียงไม่พอใจ “เวลานี้พูดเรื่องเหล่านี้ก็ไร้ประโยชน์ ข้าเข้าใจแล้ว ตอนอยู่ในจวน เจ้าเด็กแสบเยียนอวิ๋นเกอไม่ยอมเปิดเผยวิธีการหาเงินแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าระแวงข้า นางคิดว่าข้าลำเอียง ไม่อยากให้ความสะดวกแก่แม่ลูกตระกูลเฉิน แสร้งโง่ต่อหน้าข้าทั้งวัน สุดท้ายเมื่อถึงเมืองหลวง นางก็เผยธาตุแท้ออกมา ไม่ปิดซ่อนอีก นางคิดว่าไปถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าจะทำอันใดนางไม่ได้หรือ ฮึ ดูถูกข้าเกินไป”

“ท่านโหวมีแผนการอย่างไรขอรับ ส่งคนไปรับคุณหนูสี่กลับมาหรือไม่”

เยียนโส่วจ้านเงียบ “เจ้าเด็กดื้อนั้นไม่ยอมอย่างแน่นอน ฮูหยินเองไม่มีทางให้อวิ๋นเกอกลับมาคนเดียว นางย่อมหาทางขัดขวาง ระยะทางยาวไกล นางมีกลอุบายมากมาย นอกจากข้าออกหน้าเอง คนเบื้องล่างเกรงว่าไม่มีทางพานางกลับมาได้”

“ทำอย่างไรดี คุณหนูสี่มีพรสวรรค์ในการหาเงิน แต่ไม่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านโหว ทำอย่างไรดี”

“ผู้ใดบอกไม่เป็นประโยชน์ต่อข้า” เยียนโส่วจ้านหัวเราะออกมา

ตู้ซินแสกระจ่าง “ท่านโหวคิดจะ…”

เยียนโส่วจ้านพลิกจดหมายของเยียนอวิ๋นเกอออกมา เนื้อหาทั้งฉบับมีอยู่ประเด็นเดียว ขอเงิน!

เขาหัวเราะ “เจ้าเด็กดื้อคิดจะเอาเงินจากมือข้าไปทุกวัน ข้าจะยอมนาง นางอยากได้เงิน ข้าให้นาง แต่เงินนี้นางไม่ได้เอาไปเสียเปล่า ข้าจะลงทุนทุกกิจการของนาง เรื่องนี้ข้าไม่วางใจมอบหมายให้ผู้อื่น ต้องลำบากซินแสไปเมืองหลวงสักครั้ง”

ตู้ซินแสรับคำสั่งทันที “ข้าย่อมไม่ทำให้ผิดหวัง!”

เยียนโส่วจ้านใจกว้าง “เจ้านำเงินห้าหมื่นก้วนขึ้นไปเมืองหลวง บอกเจ้าเด็กดื้ออวิ๋นเกอ นางทำอย่างไรย่อมได้ เมื่อสิ้นปีหน้า นางต้องแบ่งกำไรให้ข้า มิฉะนั้น ข้าจะไปจับนางที่เมืองหลวงด้วยตนเอง”