ตอนที่ 77 เดาซิฉันเป็นใคร

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 77 เดาซิฉันเป็นใคร

ขณะเดียวกันนักเขียนนิยายชื่อดังซึ่งได้รับคำเชิญทั้งสามสิบท่านก็ร่วมประกวดในเวทีเดียวกัน

กิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้ ปู้ลั่วย่อมตีฆ้องร้องป่าวโปรโมตไปทั่วโลก

ตั้งแต่ที่ข่าวนี้ประกาศออกไป ผู้ที่ชื่นชอบการอ่านเรื่องสั้นจำนวนมากเริ่มตั้งหน้าตั้งตาคอย

สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ก็คืองานเลี้ยงครั้งใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ

และในแวดวงนิยายสั้นเอง ผู้คนในสายงานซึ่งคอยติดตามเรื่องนี้ก็มีไม่น้อยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ยามที่กิจกรรมเริ่มต้นขึ้น ทุกคนล้วนพบว่าปู้ลั่วกลับใช้กลเม็ดหนึ่งขึ้นมา

ในประกาศของกิจกรรมเขียนไว้ว่า

[แต่ละบัญชีผู้ใช้มีโอกาสกดหัวใจสามครั้ง ท่านสามารถกดหัวใจได้ที่ส่วนท้ายของนิยาย และท่านสามารถกดหัวใจได้เพียงหนึ่งครั้งต่อนิยายหนึ่งเรื่อง ด้วยวิธีการแสดงออกถึงการสนับสนุนต่อผลงานเช่นนี้ การจัดอันดับของผลงานจะตัดสินจากจำนวนหัวใจ แต่เพื่อให้การจัดอันดับเป็นไปด้วยความยุติธรรม เราจึงซ่อนชื่อของนักเขียนไว้ ขอให้ทุกท่านเริ่มต้นอ่านจากเรื่องราว แล้วเลือกสรรด้วยความเที่ยงธรรมที่สุด เมื่อผลคะแนนสุดท้ายออกมา เราจึงจะเปิดเผยชื่อเจ้าของผลงานเหล่านั้น]

ทำไมต้องใช้วิธีการที่ยุ่งยากถึงขนาดนี้น่ะหรือ

ก็เพราะนักเขียนที่ได้รับเชิญจากปู้ลั่วให้มาร่วมชิงชัยต่างก็มีแฟนคลับของตนเอง

มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าฟิลเตอร์แฟนคลับ[1]

แฟนคลับจำนวนมากก็จะทุ่มโหวตให้กับนักเขียนที่ตนชื่นชอบ แทนที่จะโหวตให้กับผลงานที่ตนชื่นชอบมากที่สุด

ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ปู้ลั่วจึงซ่อนชื่อนักเขียนไปเสียเลย

‘น่าสนใจดีแฮะ’

‘นักเขียนบางคนมีสำนวนภาษาที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นนักอ่านก็ยังคงเดาออกอยู่ดีว่านักเขียนคนนั้นเป็นใคร แต่ใครจะไปกล้ายืนยันล่ะ ถึงยังไงสำนวนภาษาของนักเขียนหลายคนก็ค่อนข้างคล้ายกัน’

‘นี่ก็คือเหตุผลที่ปู้ลั่วไม่เปิดเผยว่าสรุปแล้วนักเขียนสามสิบคนที่เข้าร่วมการประกวดมีใครบ้างสินะ’

‘ตอนแรกผมก็ไม่ได้อะไรกับกิจกรรมนี้หรอก แต่ตอนนี้กลับเริ่มสนใจขึ้นมาแล้วล่ะครับ’

‘…’

หลังจากพูดคุยกันแล้ว ทุกคนก็เริ่มอ่านนิยาย

โดยทั่วไปความยาวของนิยายขนาดสั้นจะถูกกำหนดไว้ที่ประมาณสามพันถึงห้าพันตัวอักษร ฉะนั้นนักอ่านจึงอ่านได้อย่างรวดเร็ว

ปู้ลั่วยกอำนาจในการตัดสินอันดับให้แก่ผู้อ่าน

ทุกคนล้วนเพลินกับความรู้สึกที่ได้เป็นกรรมการเช่นนี้มาก ขณะที่อ่านนิยายจึงไม่เกิดความรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังรู้สึกราวกับกำลังทำภารกิจสำคัญอย่างบอกไม่ถูก

‘หัวใจที่ฉันกดจะตัดสินอนาคตของผลงาน’

ผู้คนมากมายเข้าร่วมการคัดเลือกและตัดสินด้วยความคิดเช่นนี้

ไม่นาน ก็มีคนสังเกตเห็นนิยายเรื่อง ‘วาระสุดท้ายของเสมียนรัฐ’

นี่เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้านิยายเรื่องนี้ไม่ดึงดูดนักอ่านสิ ถึงจะเรียกว่าแปลก เพราะมาตรฐานในการเสพงานศิลปะบนบลูสตาร์นั้นสูงกว่าโลกมากทีเดียว ไม่มีทางมองไม่เห็นความยอดเยี่ยมของนิยายเรื่องนี้

ต้องเข้าใจก่อนว่า

เชคอฟเป็นหนึ่งในสามบิดาแห่งเรื่องสั้นของโลก ผลงานในช่วงแรกของเขานั้นจัดว่ามีความโดดเด่นมาก!

เลโอ ตอลสตอย[2]ยังเคยกล่าวถึงเชคอฟไว้ว่า ‘ผมจะพูดให้ชัดโดยปราศจากการเสแสร้ง หากว่ากันตามเทคนิคแล้ว เชคอฟนั้นยอดเยี่ยมกว่าผมเสียอีก!’

บุ๋นไร้ที่หนึ่ง บู๊ไร้ที่สอง[3]

ชาวตะวันตกไม่ค่อยชอบอ้อมค้อมและถ่อมตัว

เชคอฟผู้ซึ่งทำให้เลโอ ตอลสตอยกล่าวเช่นนี้ได้ ต้องปราดเปรื่องมากอย่างแน่นอน

เชคอฟเป็นที่เลื่องลือด้านการวิพากษ์สัจธรรม เรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐก็เป็นผลงานซึ่งค่อนข้างโดดเด่นเรื่องหนึ่ง

และเมื่อผู้คนได้อ่านวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่องแสดงความคิดเห็นของนิยายเรื่องนี้ก็ค่อยๆ คึกคักขึ้นมา

แม้ว่าจะซ่อนชื่อเสียงเรียงนามของนักเขียนไว้ แต่ทุกคนก็ยังคงเข้ามาแสดงความคิดเห็น

‘นิยายเรื่องนี้โหดอยู่นะ’

‘ถึงจะมีแค่พันกว่าตัวอักษร แต่ฉันอ่านวนไปตั้งสาม รอบแรกรู้สึกว่าตลก รอบสองรู้สึกว่าเศร้า รอบสามรู้สึกมีอารมณ์ร่วม เพราะฉันคิดว่าถ้าเปลี่ยนให้ฉันไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเสมียนคนนี้ แม้จะไม่ถึงกับขอโทษขอโพยซ้ำๆ แต่อย่างน้อยก็คงกังวลจนนอนไม่ค่อยหลับไปเป็นอาทิตย์แหละ’

‘ใช่ๆ หยิบยืมอดีตมาเสียดสีปัจจุบัน ผมนึกคำนี้อยู่ตั้งนาน แต่ก็นึกไม่ออก นึกออกแค่คำว่าโหดสาสส’

‘สังคมปัจจุบันของเรามีข้าราชการตัวเล็กตัวน้อยแบบนี้เยอะมาก เพียงแต่ว่าในนิยายใช้วิธีกล่าวเกินจริงเพื่อสื่อสารออกมาเท่านั้นเอง’

‘ฉันไม่ได้รู้สึกว่ามันเกินจริงด้วยซ้ำ คนที่มีประสบการณ์ตรงคงจะรู้สึกเชื่อมโยงกับเรื่องนี้ได้มากกว่าล่ะมั้ง แล้วก็คงจะเป็นความรู้สึกที่น่ากลัวมากด้วย เพราะมันทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้เลยนะ แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลที่พวกเราต้องเน้นย้ำเรื่องสุขภาพจิตไงล่ะ’

‘…’

หลังจากที่อภิปรายถกเถียงกันไป ทุกคนต่างก็เริ่มสงสัยเกี่ยวกับผู้แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา

‘ปู้ลั่วซ่อนชื่อผู้แต่งไปอีก วิธีนี้แกงมาก ดูจากแค่สำนวนภาษา ฉันบอกไม่ได้หรอกว่านิยายเรื่องนี้มาจากนักเขียนคนไหน’

‘น่าจะเป็นนักเขียนที่ดังมานานแล้วล่ะมั้ง’

‘ความสามารถของนักเขียนไม่ต้องพูดถึงเลย ตกคนอ่านได้ด้วยพันกว่าตัวอักษรนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมก็โดนตกไปแล้วละ กดหัวใจให้ไปเลย’

‘นิยายเรื่องนี้มีแค่พันกว่าตัวอักษร สิ่งที่น่ากลัวคือตรงนี้แหละ!’

‘ฉันละอยากกดหัวใจให้นิยายเรื่องนี้ไปเลยสามดวงรัวๆ แต่น่าเสียดายที่ปู้ลั่วไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้น นิยายแต่ละเรื่องกดหัวใจได้ครั้งเดียวเอง’

‘เริ่มสงสัยตอนประกาศผลออกมาแล้ว ว่านักเขียนคนนี้เป็นใครกันแน่ ความรู้สึกคาดหวังอย่างบอกไม่ถูกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ ฮ่าๆๆๆๆ’

‘…’

ในวันที่สอง นิยายเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐก็ขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่ง!

ทว่าอันดับสองและอันดับสามนั้นมีจำนวนหัวใจไม่ต่างกับอันดับหนึ่งมาก ฉะนั้นศึกในครั้งนี้ยังคงคุมเชิงกันอยู่

และเมื่อเผชิญกับผลลัพธ์เช่นนี้ อย่าว่าแต่นักอ่านสงสัยเลย แม้แต่นักเขียนในวงการนิยายสั้นเองก็ยังเริ่มสงสัย ในกลุ่มย่อยไม่น้อยก็พูดคุยกัน

‘อันดับหนึ่งเป็นผลงานของใครเหรอ’

‘ดูจากแค่สไตล์การเขียน ฉันมองไม่ออกว่าเป็นใคร’

‘หรือว่าจะเป็นเหล่าโจว? ปู้ลั่วต้องเชิญเขาเข้าร่วมแน่เลย’

‘เหล่าโจวเข้าร่วมจริงนั่นแหละ เขาไม่ยอมบอกฉันว่าตัวเองเขียนนิยายเรื่องไหน แต่เมื่อกี้ก็เพิ่งจะมาถามฉันว่ารู้มั้ยว่าใครเขียนเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐ’

‘ไม่มีใครยอมรับเหรอ?’

‘เจ้าพวกนี้เล่นแรงมากนะ ถึงยังไงนักเขียนที่พวกเราคุ้นเคยก็ต้องเป็นคนเขียนเรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐ ปู้ลั่วยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่านักเขียนที่เข้าร่วมการแข่งขันล้วนเป็นนักเขียนผู้ทรงคุณวุฒิในวงการ’

‘มีคนไปสืบจากปู้ลั่วมาหรือยัง’

‘ไปสืบมาแล้ว ต่อให้เป็นคนในปู้ลั่ว อย่างน้อยก็ต้องระดับหัวหน้าบรรณาธิการถึงจะรู้ว่านักเขียนเป็นใคร แต่ว่าพวกเขาปิดปากเงียบกริบ ไม่มีทางหลุดปากบอกชื่อนักเขียนของผลงานแต่ละเรื่องหรอก’

‘ทำได้แค่รอประกาศผลไฟนอล’

‘จะว่าไปแล้ว เรื่องวาระสุดท้ายของเสมียนรัฐอยู่เลเวลสูงจริงๆ สไตล์การเขียนตลกขบขัน แต่จิกกัดได้เจ็บแสบ เนื้อเรื่องสั้นมาก แต่เนื้อหากลับมีความหมายลึกซึ้ง’

‘สุดท้ายแล้ว ถ้าจะคว้าอันดับหนึ่งก็ไม่น่ามีปัญหา’

‘พูดยาก อันดับสองเป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวน มีความเป็นเรื่องราวน่าติดตาม สุดท้ายแล้วถ้าเกมพลิกน่าประหลาดใจอยู่ มีความพลิกโผ’

‘อันดับสามเองก็ไม่เลวเลยนะ นักเรียนม.ต้นสองคนเริ่มเป็นแฟนกัน คนหนึ่งเรียนดี คนหนึ่งเรียนแย่ เพื่อที่จะทำให้ต่างคนต่างคบกันได้ คนหนึ่งตั้งใจเรียนอย่างหนัก เริ่มมีผลการเรียนที่ดีกว่าปกติ ได้เข้าโรงเรียนม.ปลายที่ดีที่สุดในเขต อีกคนหนึ่งจงใจออมมือ ได้เข้าโรงเรียนม.ปลายที่ค่อนข้างแย่ แต่ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนนิยายเรื่องของขวัญแห่งเมไจที่ดังมากก่อนหน้านี้’

‘…’

บทสนทนาร้อนแรง กิจกรรมของปู้ลั่วท่วมท้นไปด้วยความสนุกหรรษาของเกม ‘เดาซิฉันเป็นใคร’

…………………………………….

[1] ฟิลเตอร์แฟนคลับ ใช้เปรียบเปรยการที่แฟนคลับชอบศิลปินหรือคนดังมาก จนมองข้ามข้อบกพร่องของคนเหล่านั้นไป เหมือนกับการใส่ฟิลเตอร์เพื่อแต่งภาพนั่นเอง

[2] เลโอ ตอลสตอย นักเขียนชื่อดังชาวรัสเซีย มีผลงานโดดเด่นคือสงครามและสันติภาพ และ อันนา คาเรนินา

[3] บุ๋นไร้ที่หนึ่ง บู๊ไร้ที่สอง เปรียบเปรยว่าศิลปะไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกันเป็นอันดับหนึ่ง ต่างคนต่างมีข้อดีของตนเอง