ตอนที่ 119 มีขโมยหรือ ตอนที่ 120 โสมของข้าล่ะ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 119 มีขโมยหรือ

ซ่งอิงเข้าใจความนึกคิดของพ่อเฒ่าแล้ว เขาทนต่อการที่ซ่งเสี่ยนรังแกพี่น้องได้ ถึงขั้นทนต่อการที่ซ่งเสี่ยนกับอาสี่ทะเลาะวิวาทกันได้ แต่กลับทนไม่ได้ที่ซ่งเสี่ยนเห็นคนนอกดีกว่าคนในครอบครัวตัวเอง

เขาเป็นหลานชายคนโตของตระกูลซ่ง ทุกการกระทำเป็นตัวแทนตระกูลซ่ง เขาประจบสอพลอตระกูลเผย เคารพและแสดงความกตัญญูต่อตระกูลเผยได้ แต่สิ่งแรกคือ ต้องทำดีต่อตระกูลซ่งให้มากยิ่งกว่า!

แต่ซ่งเสี่ยนไม่ได้ทำเช่นนั้น

ซ่งเสี่ยนใกล้จะเป็นเขยที่ไปอาศัยอยู่กับฝ่ายหญิงอย่างตระกูลเผยเต็มตัวอยู่แล้ว

แล้วพ่อเฒ่าหรือจะอดทนได้?

แน่นอนว่า ขณะนี้พ่อเฒ่าก็โกรธนางที่ช่างยุแยงตะแคงรั่วเช่นกัน เพียงแต่ติดที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ คงไม่ดีนักหาจะชี้นิ้วว่ากล่าวหลานสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เท่านั้นเอง

เมื่อคิดเช่นนี้ ตอนแรกยามที่ต้องแยกออกไปตั้งครอบครัวเดี่ยวแม้จะไม่ค่อยพึงพอใจ ในด้านชื่อเสียงก็ไม่ค่อยดีนัก แต่ข้อดีที่ตามมาภายหลังช่างมากมายดีจริงๆ

ได้หลีกเลี่ยงความวุ่นวายที่ไม่จำเป็นตั้งเยอะแยะ

หากนางยังเป็นบุตรสาวในครอบครัว ต่อให้บ้านรองถูกแบ่งแยกออกไปแล้ว แต่หากชายชราเอ่ยปากตำหนินาง นางเด็กรุ่นหลังผู้นี้จะโต้แย้งหรือไม่พึงพอใจใดๆ ทั้งสิ้น มิเช่นนั้นก็จะถูกผู้คนตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังได้

วิธีการต่อกรตระกูลซ่งตามจริงมีมากมาย ถึงขั้นที่ว่าไม่ต้องสนใจไยดีเลยก็ย่อมได้ แต่หากทำเช่นนั้นจริง มองผิวเผินนางไม่ได้เสียเปรียบ ทว่าในความเป็นจริงจะได้รับผลกระทบไม่น้อย

ก็อย่างเช่นการขอให้หัวหน้าหมู่บ้านช่วยทำเรื่องราวต่างๆ ให้ หากนางมีชื่อเสียงในด้านดี หัวหน้าหมู่บ้านก็ย่อมเห็นอกเห็นใจอยู่บ้าง อย่างเช่นการช่วยนางเลือกบ้าน ซื้อที่ดิ นล้วนทุ่มเทแรงใจให้ค่อนข้างมากทีเดียว

เทียบกับบรรดาชาวบ้าน ปัจจุบันนี้มองจากภายนอก นางและชาวบ้านไม่ได้ไปมาหาสู่กัน ในความเป็นจริง ที่เกี่ยวข้องในเชิงแอบแฝงไม่ใช่น้อยๆ เช่นตอนทดน้ำใส่นา หากมิตรสัมพันธ์ไม่ดี ดินกองเดียวก็อุดกั้นทางน้ำได้แล้ว หากมีมิตรสัมพันธ์ดี ช่วงทำไร่ทำนา จะมีคนช่วยเหลือเจ้าเปิดทางน้ำ มีคนช่วยเจ้าสอดส่องข้าวและธัญพืช ถึงขั้นมีคนช่วยเจ้าขนซังข้าว ทุกคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงจะได้รับความสะดวกสบาย…

นี่ก็คือยุคสมัยที่ไม่มีรถเครื่องยนต์ นางพละกำลังมากมายสักเพียงใด แต่สองมือก็ยังสู้สี่มือไม่ได้ มีเพียงต้องปรองดองกับผู้อื่นเข้าไว้ ชีวิตแต่ละวันจึงจะผ่านไปอย่างมั่นใจได้

ยามนี้ ที่ควรต้องลงโทษล้วนได้รับการลงโทษแล้ว ซ่งอิงจึงได้กลับเข้าบ้าน

กลางดึก ซ่งอิงได้ยินเสียงกุกกักแววมาจากด้านนอก

พลันตระหนกตกใจ นึกถึงคำพูดของชายชราเมื่อตอนกลางวัน

ทางด้านอำเภอนั้น มีหัวขโมยหนีออกมา…

ไม่บังเอิญขนาดนั้นกระมัง หนีมาถึงที่นางแห่งนี้แล้วจริงๆ หรือ อย่างไรเสียเรือนของนางก็ไม่ไกลจากตีนเขา ไม่ได้ซ่อมแซมให้สมบูรณ์อย่างสิ้นเชิง มองดูแล้วไร้คนจำนวนมากอาศัยอยู่ ง่ายต่อการรังแกอย่างยิ่ง

โสมน้อยในยามนี้มุดดินอยู่ที่ลานหลังบ้าน ซึมซับแสงจันทรา เรียกได้ว่า ‘กำลังฝันหวาน’

ซ่งอิงก็ไม่หวังให้โสมน้อยช่วยเหลือเช่นกัน หยิบมีดหั่นผักขนาดใหญ่ที่ตนวางเอาไว้ในห้องเอามาใช้เป็นเครื่องป้องกันตัว จากนั้นนางก็หลบซ่อนอยู่หลังผ้าม่านเตียงนอนคอยจ้องมองดู

ไม่นานนัก เสียงเปิดประตูก็ดัง ‘แอ๊ด’ ขึ้น

ภายในห้องมืดสลัว ครั้นบานประตูเปิดออก จึงเผยแสงดวงจันทร์รำไรทำให้ในห้องสว่างขึ้นมาเล็กน้อย

ซ่งอิงมองไป มุ่นคิ้วเล็กน้อย

ไม่ค่อยเหมือนหัวขโมยนี่?

มีคนมาแล้ว…ดูผอมแห้ง สวมใส่ชุดที่ทำจากเนื้อผ้ากระสอบธรรมดาทั่วไปอย่างชาวไร่ชาวนา เพียงแต่พกผ้าเช็ดตัวอยู่ด้วย ในมือถือมีดหนึ่งด้ามขนาดไม่ใหญ่ น่าจะเป็นมีดตัดกระดูก[1]ที่ชาวบ้านใช้กันในชีวิตประจำวัน

เขาย่องเบา มองซ้ายมองขวา ก่อนเดินมาทางด้านขอบเตียงเป็นอันดับแรก

บนเตียง ซ่งอิงนำหมอนวางไว้ในผ้าห่ม มองดูเหมือนมีคนอยู่ด้านใน

ซ่งอิงที่อยู่หลังม่านเตียงไม่ขยับเขยื้อน อย่างไรเสียก็ยังไม่มั่นใจว่าคนผู้นี้มาสอดส่องลู่ทางหรือไม่ ไม่รู้ว่าด้านนอกยังมีคนอื่นอีกหรือไม่

ดวงตาดำขลับของคนผู้นั้นจับจ้องไปที่ผ้าห่มแวบหนึ่ง จากนั้นเดินไปข้างหีบของนางอย่างระมัดระวัง

เครื่องเรือนในบ้านดูขี้ริ้วขี้เหร่ไปหน่อย

เพราะระยะนี้ยุ่งมาก ดังนั้นก็ไม่ได้ทำความสะอาดเครื่องเรือน มีเพียงหีบขนาดใหญ่สองใบ ใส่อาภรณ์และผ้าห่มเอาไว้จำนวนหนึ่ง สิ่งของอื่นๆ ภายในบ้านก็ไม่มากมาย บนโต๊ะมีเพียงคันฉ่องทองแดงสัมฤทธิ์และอุปกรณ์ที่ใช้แต่งกายธรรมดาๆ แม้แต่ตลับเครื่องประทินโฉมยังไม่มีด้วยซ้ำไป

คนผู้นี้มองเห็นเช่นนั้น คล้ายแอบโล่งใจ

เริ่มลงมือเปิดหีบ

ตอนที่ 120 โสมของข้าล่ะ

ด้วยความที่มืดสลัว คนผู้นี้ก็มองไม่ค่อยชัดเจนเช่นกัน ในหีบล้วนเป็นเสื้อผ้าทั้งหมด จึงไม่เกิดเสียงเคลื่อนไหวที่ดังเกินไปขึ้นมาได้ อีกทั้งที่เกิดเสียงเคลื่อนไหวขึ้นมาได้ก็มีเพียงของอย่างเงินเหรียญทองแดงเหล่านี้เท่านั้น…

ทำเพียงมองดูเขาหยิบของออกมาทีละอย่าง

พลิกซ้ายที ขวาที ลงมืออย่างถี่ถ้วนมาก

ซ่งอิงคอยมองสำรวจอยู่ตลอดเวลา แอบคิดว่า…ดวงตาของคนผู้นี้ดูคุ้นตานัก…

ผนวกกับเห็นท่าทางที่ลังเลลุกลี้ลุกลน ก็ยิ่งคิดว่าตนเองเคยเห็นเขามาก่อน

“หลี่ซาน!” ซ่งอิงนึกขึ้นได้แล้ว จึงส่งเสียงเรียกออกไปอย่างมั่นใจ “ท่านมาขโมยของที่บ้านข้าหรือ สมกับเป็นสองผัวเมียกันจริงๆ ทำแต่ละอย่างไม่ผิดไปจากกันเลย!”

หลี่ซานตกใจสะดุ้งโหยง คนทั้งคนเกือบวิ่งเปิดแน่บออกไป

แต่ก็ไม่ได้วิ่งไป

“นางเด็กนี่ เจ้าตื่นแล้วหรือ รีบบอกมาเลย เอาเงินที่เจ้าขายโสมวางไว้ที่ไหน!?” หลี่ซานกล่าวอย่างโมโห

โสม โสมของเขา!

เขาหามาเป็นแรมเดือนแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย ไม่เพียงแต่ที่นาบริเวณนั้น ต่อให้บริเวณใกล้ภูเขา เขาก็ไปหาดูหลายรอบแล้ว แต่ไม่เห็นมีเลย ไม่เห็นมีอะไรเลย!

เขาจำได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง มีโสมอยู่จริงๆ และไม่ได้ตาฝาดอย่างแน่นอน แต่ทำไมไม่มีเสียแล้วล่ะ? คิดไปคิดมา มีเพียงคำตอบเดียว นั่นก็คือมีคนขุดโสมไปก่อนหน้าเขาแล้ว!

คนที่ว่านี้เป็นใคร?

แน่นอนว่าต้องเป็นตระกูลซ่ง!

คนในหมู่บ้านพวกเขาแห่งนี้ เมื่อได้เงินมาแล้วจะไม่เก็บเอาไว้เฉยๆ ส่วนใหญ่จะใช้ซื้อที่ดิน ซื้อวัว ดังนั้นเขาคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของหัวหน้าหมู่บ้านมาโดยตลอด ได้ข่าวคราวว่าระยะนี้หัวหน้าหมู่บ้านกำลังเลือกที่ดิน และพูดคุยเจรจากับบรรดาผู้ขายไว้เรียบร้อยแล้วด้วย!

เขาสิ้นเปลืองแรงกายไปไม่น้อยจึงรู้ว่า คนที่ซื้อที่ดินคือซ่งอิง!

นางเด็กสาวต่ำช้าที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านคนหนึ่ง จะมีเงินมากมายซื้อที่ดินได้หรือ

เงินที่ได้จากการขายบ๊ะจ่าง? นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน บ๊ะจ่างทองคำนั่นไม่ได้ห่อทองคำเอาไว้ด้านในจริงๆ เสียหน่อย จะทำเงินได้จำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไร!? อีกทั้งว่ากันว่าซ่งอิงซื้อที่ดินในคราวเดียวมากถึงยี่สิบหมู่เชียวละ

นางจะต้องขายโสมแล้วเป็นแน่!

ดังนั้นเขาจะมัวรออยู่ไม่ได้ จำเป็นต้องเอาเงินกลับมาให้ได้ก่อนที่ซ่งอิงจะซื้อที่ดิน!

ซ่งอิงใช้สายตาประหลาดมองหลี่ซาน

คนผู้นี้…ไม่ยอมเลิกราโดยง่ายเสียด้วย?

หลังนางเพิ่งข้ามภพมาไม่นานเขาก็ตามหาโสม นี่ผ่านมาตั้งนานเนขนาดนี้แล้ว ยังตามหาอยู่อีกหรือ!

มีความอดทนขนาดนี้เชียว เหตุใดไม่ไปทำประโยชน์อย่างการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เพื่อชาติบ้านเมืองนะ!

“หลี่ซาน นี่ท่านมาลักทรัพย์คนอื่นเขา คิดดีแล้วหรือ” น้ำเสียงเรียบเฉยของซ่งอิงเคลือบไว้ด้วยความเย็นชาเล็กน้อย

“นั่นเป็นโสมของข้า! เจ้าเด็กสาวสารเลวเอาของของข้าไปขายแล้ว ข้าจะทวงคืนแล้วจะเป็นไรไปหรือ! บอกมาเร็วเข้า มิเช่นนั้น…อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” หลี่ซานส่งเสียงตะคอก ทั้งยังพูดจาข่มขู่อีกด้วย “บริเวณนี้ที่เจ้าอยู่อาศัย ต่อให้ตะโกนจนกล่องเสียงแตกก็ไม่มีคนมาหรอก หากเจ้าไม่บอกกล่าวมาดีๆ ข้าก็จะฉีกเสื้อผ้าของเจ้าเสียเลย!”

ซ่งอิงหัวเราะเยาะ

ใจกล้าดีนี่? หลังเข้ามาลักขโมยแล้วถูกจับได้ ไม่เพียงแต่ไม่หนีไปแต่ยังข่มขู่คนเขาอีกด้วย

เช่นนั้นก็พอดีเลย นางก็คิดจะลองดูอยู่พอดีว่า สรุปแล้วเรี่ยวแรงของตนเองมีมากเพียงใด

ซ่งอิงชูมีดหั่นผักด้ามใหญ่ในมือออกมาพร้อมกับแสงวาววับ หลังหลี่ซานมองเห็น แววตาตกตะลึงในทันใด เห็นได้ชัดว่ามีดตัดกระดูกในมือของตนเล็กไปหน่อย เมื่อเทียบกันแล้ว คนละชั้นก็ว่าได้

แต่เขาเป็นผู้ชาย คงไม่คิดว่าตนเองจะกลัวแม่นางสาวน้อยคนหนึ่งหรอกกระมัง

ซ่งอิงคลี่ยิ้ม สับเข้าไปอย่างแม่นยำ

หลี่ซานตกใจสะดุ้งตัวโยน มีดตัดกระดูกในมือสั่นระริก รู้สึกเพียงแขนและมือชาตื้อไปหมด ทันใดนั้นมีดก็ร่วงลงสู่พื้น ในวินาทีถัดมา หมัดซ่งอิงก็ตะบันเข้ามา

เมื่อวานเห็นซ่งหม่านซานใช้กำลังกับคน นางก็รู้สึกคันไม้คันมือเช่นกัน

การตบซ่งเสี่ยนไปสองทีนั้นไม่พอให้หนำใจ และเพื่อหลีกเลี่ยงการตบแล้วทำให้ซ่งเสี่ยนเสียโฉม นางจึงจำเป็นต้องยั้งแรงเอาไว้หน่อย

แต่ตอนนี้แตกต่างไป

นางใช้กำลังเล่นงานคนผู้นี้ได้อย่างตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร

———————-

[1] มีดตัดกระดูก (剔骨刀) ลักษณะมีดมีลำตัวคมมีดสั้น ปลายแหลมและเนื้อมีดแข็ง ใช้หั่นเนื้อหรือตัดกระดูกอ่อนได้