อินกองแกะซองจดหมายสีแดง เขานำเอาจดหมายที่พับอยู่ด้านในออกมา
เขาเคาะตัวจดหมายและดมกลิ่นตรวจสอบบางอย่าง
ดูเหมือนว่าตัวจดหมายมิได้ชุบยาพิษเอาไว้
อันที่จริงฟลอร่าได้ตรวจสอบเบื้องต้นเรียบร้อย ฉะนั้นหากมีความผิดปกตินางย่อมแจ้งให้เขาทราบ ทว่าอินกองเลือกที่จะไม่ประมาทและตรวจสอบเพิ่มด้วยตนเอง ทั้งนี้เพราะเขามีทักษะที่สามารถต้านทานพิษได้
หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ อินกองก็เริ่มอ่านข้อความบนจดหมาย ตัวอักษรที่เขียนอย่างงดงามเป็นข้อความ
‘ฉัตร อิกษณาน้องรัก
ด้วยเหตุผลบางประการทำให้พวกเราพี่น้องต่างมารวมตัวกันที่วังจอมมาร
แม้พวกเราไม่อาจจะสนทนาพูดคุย ณ ที่ประชุมได้ กระนั้นการที่ได้พบเห็นใบหน้าทุกคนถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
ฉัตร อย่างที่น้องรู้พวกเราต่างได้รับมอบหมายภารกิจเดียวกันในครั้งนี้ ซึ่งเวลาออกเดินทางจะมาถึงภายในหนึ่งสัปดาห์
ภารกิจนี้เป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภยันตรายของโลกมาร แต่ในทางเดียวกันก็เป็นนิมิตหมายอันดี นั่นเพราะการที่พวกเราพี่น้องมารวมตัวกันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นนานครั้ง
ก่อนที่จะแยกย้ายทำภารกิจของตน เราจึงคิดจัดงานสังสรรค์ระหว่างพวกเราพี่น้อง จะน่ายินดีขนาดไหนหากพวกเราได้สนทนาอย่างเป็นกันเอง?
ยามเที่ยงสองวันก่อนการเดินทาง เราจะจัดงานเลี้ยงน้ำชา
เราจึงถือโอกาสนี้เชิญน้องมาร่วมงานเลี้ยงด้วย
รักและคิดถึง
ไบคาล แร็กนารอส’
ข้อความในจดหมายเรียกได้ว่าเรียบง่ายและสนิทสนมต่างจากจดหมายของเหล่าราชวงศ์ แต่วัฒนธรรมของโลกมนุษย์กับโลกมารก็ต่างกันจึงไม่สามารถใช้บรรทัดฐานเดียวกันได้
หลังจากที่อ่านข้อความเสร็จ อินกองก็ส่งทอดจดหมายให้กับคริสต์และเฟลิซีที่มีสีหน้าอยากรู้
“ไบคาลออราเบียวนิ”
เฟลิซีกวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็วแล้วหันไปถามฟลอร่าเพิ่ม
“ฟลอร่า มีอะไรส่งมานอกเหนือจากจดหมายนี้ไหม?”
“ข้าพระพุทธเจ้ารับรู้มาว่า สาสน์ในลักษณะเดียวกันถูกส่งมอบไปยังคฤหาสน์ของพระองค์เจ้าทุกพระองค์เพคะ”
จดหมายชวนเชิญทายาททั้งหมดร่วมงานเลี้ยงน้ำชา คริสต์แสยะยิ้มพลางหรี่ตาลง
“งานเลี้ยงน้ำชาของเหล่าทายาทงั้นรึ เรียกว่าเป็นครั้งแรกเลย”
นั่นเพราะการที่เหล่าทายาทมารวมตัวกันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยครั้ง
เคทลินผู้ที่ต้องการสนิทสนมกับพี่น้องอยู่แล้วเห็นดีงามด้วยกับความคิดจัดงานเลี้ยงนี้
เฟลิซีชำเลืองมองคริสต์กับเคทลินก่อนจะยักไหล่
“อย่างที่ออราเบียวนิบอกในจดหมาย การรวมตัวของพวกเราเช่นนี้นานครั้งจะเกิดขึ้น และถึงจะรวมตัวกัน พวกเราต่างก็แยกย้ายกันในเวลาไม่นานอยู่ดี ถึงอย่างนั้นดูเหมือนไบคาลออราเบียวนิจะมีเวลาว่างมากกว่าที่คิด?”
นอกเหนือจากการเป็นทายาทผู้อาวุโสที่สุด ไบคาลยังเป็นแม่ทัพในการรบ
ช่วงเวลาส่วนใหญ่ของเขาจะอยู่ในการศึกแนวหน้า เรียกว่าเป็นทายาทที่ใช้เวลาในวังจอมมารน้อยที่สุดก็เป็นได้
งานเลี้ยงน้ำชาที่จัดเพื่อรวมตัวเหล่าทายาทมา ณ สถานที่เดียวกัน
สีหน้าของคริสต์แสดงถึงความสับสน
“เราไม่ค่อยจะชอบใจซักเท่าไร”
ถ้อยคำที่สมกับเป็นคริสต์
น้อยครั้งที่สองพี่น้องไลแคนโทรปเข้าร่วมงานพิธีการ เมื่อเป็นงานเลี้ยงน้ำชาที่จัดขึ้นสังสรรค์เล็กน้อยจึงไม่เป็นที่แปลกใจที่ทั้งสองจะปฏิเสธ
‘จะว่าไป ในเกมทั้งสองก็ไม่เข้าร่วมงานเลี้ยง’
อ้างอิงจากในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า ไบคาลจัดงานเลี้ยงน้ำชาขึ้นหลายครั้ง ทั้งหมดเพื่อรวมตัวเหล่าทายาทพบปะสังสรรค์ สมาชิกที่เข้าร่วมแต่ละครั้งก็ต่างออกไป และมีบางทายาทที่ไม่เข้าร่วมเลยสักครั้ง
สีหน้าคาดหวังของเคทลินหมองลงในทันทีที่นางได้ยินคำพูดพึมพำของคริสต์ แววตาของนางราวกับจะถามว่า ‘ครั้งนี้เราก็จะไม่เข้าร่วมอีกแล้วหรือคะ?’
คริสต์สังเกตเห็นแววตาของน้องสาว หยิกแก้มของนางก่อนหัวเราะและหันไปทางอินกอง
“แต่ครั้งนี้พวกเราไม่ได้อยู่ลำพัง ฉะนั้นถือเป็นมติของกลุ่มแล้วกัน”
เคทลินตาโตอย่างมีความหวังอีกครั้ง นางรีบหันไปมองอินกองและเฟลิซีด้วยสายตาระยิบระยับเป็นประกาย เฟลิซีถอนหายใจเล็กน้อย
“จุดประสงค์ดูไม่เลว และฉันก็ไม่คิดว่าไบคาลออราเบียวนิจะวางแผนอะไรลับหลังพวกเรา แค่การพบหน้าแซเฟียร์อปป้ากับอนาสทาเชียออนนี่ในตอนนี้ออกจะดู… ลำบากใจเล็กน้อย”
สรุปก็คือนางเห็นด้วยหรืออะไร?
เฟลิซีรู้สึกถึงความตื่นเต้นจากเคทลินก่อนจะหัวเราะในที่สุด
“เอาเป็นว่าฉันจะเข้าร่วมงาน”
“ตามแต่ลิซซี่เลย”
ซิลวานตอบตกลงในทันที เหลือเพียงแค่อินกอง
“ฉัตร?”
น้ำเสียงของเคทลินแสดงถึงความลุกลน แทนที่จะตอบออกมาอินกองวางท่าใช้มือลูบคางคิดอย่างจริงจัง ทำให้ทั้งเฟลิซีและคริสต์แทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
เพราะมันเป็นเพียงการแสดง อินกองตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“ผมเข้าร่วมแน่นอนครับ ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องปฏิเสธ”
เคทลินยิ้มแก้มแทบปริในทันที
“พี่น้องสนิทสนมกัน ไม่เลวเลย ไม่เลว”
“ปราชญ์ดาบ”
คุณปู่ปราชญ์ดาบพูดแทรกขึ้นพลางหัวเราะ
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอตัวก่อน แน่นอนว่าในครั้งนี้ข้าจะออกทาง ‘ประตู’ ไม่ต้องห่วง”
ปราชญ์ดาบแวะมาเยือนที่คฤหาสน์ของเจ้าชายฉัตร
การกระทำนี้มีผลกระทบหลากหลาย เป็นไปไม่ได้ที่ตัวปราชญ์ดาบจะไม่เข้าใจถึงผลที่จะตามมา
“ขอบคุณในความกรุณาครับ”
อินกองโค้งคำนับให้กับปราชญ์ดาบ
“ข้าไม่มั่นใจว่าเรื่องแค่นี้ต้องได้รับการขอบคุณหรืออะไร แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ก่อนจะแยกย้ายทำภารกิจ ข้าอยากทดสอบเล็กๆน้อยๆ โดยเฉพาะเคล็ดไอศวรรย์ราชันสุรว่ามีความคืบหน้าเป็นอย่างไรบ้าง
“รับทราบครับ ขอขอบคุณในความกรุณาอีกครั้งครับ”
การสนทนาทำให้ซิลวานตาโต ท่าทางของเขาดูไม่ต่างจากท่าทางของเคทลินเมื่อสักครู่
ทว่าซิลวานไม่สามารถจะเอ่ยถ้อยคำใดออกไปได้ เพราะมีเสียงพูดดังขึ้นก่อน
“งั้นก็รีบชิ่วๆไปได้แล้วฮะ มัวรออะไรอยู่ฮะ?”
เสียงหางทุบพื่นดังขึ้น ปราชญ์ดาบหัวเราะพลางหันมาส่งยิ้มให้อมิตาภา
“เจ้าช่างน่ารักเสียจริง”
“ใครน่ารักฮะ? อมิตาภาเปล่าน่ารักเลยฮะ!”
คำเถียงที่ไม่สามารถโน้มน้าวใครได้
“ถ้าอย่างนั้นข้าไปละ”
ปราชญ์ดาบเอ่ยอีกครั้งพลางก้าวเท้าออกจากห้อง ตามด้วยฟลอร่าที่รีบชักเท้าเดินติดตาม
อมิตาภามองตามปราชญ์ดาบที่เดินออกไปก่อนจะหันมาทางอินกอง
“อมิตาภาเหนื่อยแล้วฮะ องค์ชายช่วยส่งพสุธากัมปนาทกับโล่ชีวาตม์มาเลยได้มั้ยฮะ? อมิตาภาจะรีบปรับแต่งให้เสร็จฮะ”
อินกองไม่เคยคาดคิดว่าจะมีวันที่ช่างฝีมืออย่างอมิตาภาจะมาเป็นช่างประจำตัวของเขา นับจากนี้ก่อนถึงเวลาแยกย้ายทำภารกิจ ในหัวของเจ้าแรคคูนจะมีแต่แบบแปลนโครงสร้างนานับประการ
เฟลิซีรีบพูดแทรกขึ้น
“อมิตาภา แล้วดาบของซิลวานละ?”
“อย่างเร่งฮะ ห้ามเร่งเด็ดขาดฮะ”
เจ้าแรคคูนพูดตัดบทพลางเงยหน้าจ้องอินกอง ก่อนเขาจะพยักหน้าพลางนำของวิเศษทั้งสองออกจากช่องเก็บของส่งมอบให้
“ขอบคุณมากครับ”
“ฮะ”
ทั้งคริสต์ เคทลิน และเฟลิซีต่างคุ้นเคยกับช่องเก็บของของอินกอง ทั้งสามจึงไม่มีอาการอะไร เว้นเสียแต่ซิลวานผู้เห็นเป็นครั้งแรก
ทว่าไม่มีผู้ใดคิดจะอธิบายข้อสงสัยให้กับซิลวาน แม้แต่อมิตาภาก็เลือกที่จะมองข้าม
อมิตาภาใช้เวทมนตร์บางอย่างทำให้ของวิเศษทั้งสองลอยโคจรอยู่รอบตัว ก่อนหันไปทางดาฟเน่
“ดาฟเน่ฮะ เดี๋ยวอมิตาภาจะไปถักต่อในโรงงานนะฮะ”
โรงงานนรก
“อื้ม”
ดาฟเน่เก็บรวบรวมอุปกรณ์ถักทอแล้วเดินตามอมิตาภาออกจากห้อง ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงเหล่าทายาทและบรรดาองครักษ์
เฟลิซีทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วพูดเปรยขึ้น
“ใจจริงฉันก็อยากจะพักผ่อน แต่ว่าพวกเรามาคุยเรื่องกำหนดการก่อนเถอะ”
พวกเขาจะออกจากวังจอมมารเพื่อทำภารกิจในเวลาหนึ่งสัปดาห์ ระหว่างนั้นก็มีหลายสิ่งที่ต้องเตรียมการ
“ผิวเผินนี่ก็เป็นแค่งานน้ำชา แต่ถ้ามองลึกกว่านั้นก็เป็นงานเรียกรวมตัวเหล่าผู้ติดตามด้วย นี่เป็นโอกาสที่พวกเราจะชักจูงเหล่าลูกนางกำนัลให้มาเข้าร่วมฝ่ายของพวกเรา”
เมื่อพวกเขาตั้งตัวเป็นอีกหนึ่งขั้วอำนาจ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการรวบรวมสมาชิก
คริสต์พูดเสริมขึ้นเช่นกัน
“เวลาที่เหลือก็น้อยเกินกว่าจะพบปะกับเหล่าขุนนางในวัง ถ้าทำได้การพูดคุยกับเหล่าเอลฟ์รัตติกาลก็ถือว่าไม่เลว”
พวกเขาได้รับการสนับสนุนของเผ่าไลแคนโทรปผ่านทางราชินีเอเลน แต่ในกรณีของเผ่าเอลฟ์รัตติกาลทั้งหมดยังไม่เป็นที่แน่ชัด ถึงแม้เฟลิซีกับซิลวานจะสนับสนุนพวกเขา แต่นั่นก็ยังไม่มีคำยืนยันจากราชินีของเผ่าองค์ปัจจุบัน
อินกองได้พบกับราชินีลำดับที่สี่เอเลน ไม่นานนักเขาจำต้องพบกับราชินีลำดับที่สามซิลเวีย
เขานึกถึงภาพรวมของวังจอมมารก่อนจะยักไหล่
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาล่าตัวบุคลากรกันเถอะ”
สำหรับเหตุการแบบนี้ในเกม อินกองจะมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของนาตาช่า แต่ในกรณีนี้เขาจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพอย่างคริสต์และเฟลิซี
เฟลิซีหรี่ตาใช้ความคิด
“สำหรับบรรดาลูกๆนางกำนัล วันถัดจากงานเลี้ยงน้ำชาถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ข่าวเรื่องงานเลี้ยงที่แพร่กระจายออกไปจะทำให้เด็กๆพวกนั้นหาข้อมูล และพยายามแกล้งถามว่าพวกเราคุยเรื่องอะไรกันบ้าง”
คริสต์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
คารัคเป็นตัวแทนกลุ่มที่คิดตามไม่ทันยกมือขึ้นถาม
“เอ่อ… องค์หญิง ไม่ใช่ว่ามันเป็นแค่งานเลี้ยงน้ำชาหรอกเหรอ?”
ทำไมถึงได้มีคำอย่าง ‘หาข้อมูล’ กับ ‘ถาม’ ปะปนมาในหัวข้อเกี่ยวกับงานเลี้ยงน้ำชา?
เฟลิซีถอนหายใจก่อนอธิบายราวกับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“เพียงแค่ผิวเผินก็ใช่ แต่ลึกๆแล้วมันไม่ใช่แค่นั้น”
ถึงพวกเขาจะไม่รู้แน่ชัดถึงเจตนาของไบคาล แต่ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ผู้เข้าร่วมอย่างแซเฟียร์กับอนาสทาเชีย โดยเฉพาะอนาสทาเชียที่เรียกได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่
คำตอบจากเฟลิซีทำให้เคทลินสีหน้าหมองลงในทันที นี่มันต่างไปจากงานเลี้ยงระหว่างพี่น้องที่นางรอคอย
คริสต์เห็นสีหน้าของเคทลินจึงพยายามพูดเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“จะว่าไปแล้วฉัตร ทำไมเอ็งถึงเลือกเอเวียง? หรือจะเพราะพลเอกแวนเดล?”
นี่เป็นข้อสงสัยที่อยู่ในใจเฟลิซีเช่นกัน หากมองในภาพรวมแล้ว อย่างไรเสียเอเวียงก็เป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุด
อินกองตอบกลับมาทันควัน
“ใช่แล้วครับ พวกเราพบกันในภารกิจปราบกบฏเผ่าสายฟ้าชาด ผมก็แค่อยากจะสานสัมพันธ์กับผู้ที่เคยเจอกันมาแล้ว”
อินกองเลือกไม่พูดเรื่องการประลองตัวต่อตัวเพื่อชักจูงให้แม่ทัพแวนเดลมาเข้าร่วมกับพวกเขา
ถึงกระนั้นคำว่า ‘สานสัมพันธ์’ ก็ไม่อาจเล็ดลอดหูของคริสต์ไปได้
“พลเอกแวนเดล… เรียกได้ว่าโดดเด่นทีเดียว ถึงการผูกสัมพันธ์กับหนึ่งในห้าแม่ทัพองครักษ์จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่แวนเดลก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว”
แม้คริสต์เลือกจะสนับสนุนอินกอง แต่ก็ใช่ว่าเขาจะหน้ามืดตามัว เขาต้องการเหตุผลที่สามารถอธิบายถึงการกระทำได้
“ไม่ใช่ว่ามีเหตุผลอื่นหรอกหรือ?”
คารัคพูดโพล่งขึ้นพลางเกาหัว ดูเหมือนว่ามันจะหลุดพูดออกมาโดยไม่ทันตริตรอง
และจากคำพูดของคารัคทำให้อินกองต้องตอบออกมาอย่างเลี่ยงมิได้
“ผมอยากจะแวะไปเยี่ยมสถานที่บางอย่างด้วยครับ”
“สถานที่แบบไหนกันหละ?”
เฟลิซีถามอย่างสงสัย อินกองนึกถึงนาตาช่าขึ้นมาแล้วตอบ
“เอ่อ นูนะพอจะรู้จักตลาดค้าทาสเมืองทาก้า… สีหน้าแบบนั้นมันยังไงกันครับ?”
เฟลิซีหรี่ตา ซิลวานทำตาโต ส่วนคริสต์ก็ระเบิดหัวเราะออกมาในทันที
มีเพียงเคทลินที่ยังคงงงงวย
“ฉัตร เอ็งรู้ใช่มั้ยว่าเมืองทาก้า กับตลาดทาสของที่นั้นคืออะไร?”
“เอ่อ?”
อินกองพยายามนึกถึงภาพลักษณ์ของตลาดค้าทาสเมืองทาก้าจากในเกม
ทาก้า เมืองแห่งความบันเทิงเริงรมย์
หรือก็คือถนนโคมแดงของโลกมาร…
และตลาดค้าทาสก็เปรียบเสมือนสวนดอกไม้ของเมือง เป็นสถานที่ที่มีการแสดงเรือนร่างมากที่สุดในโลกมาร
“หืม ฉันเข้าใจแล้วววว ฉัตรเลือกเอเวียงเพราะอยากจะแวะไปทาก้าสินะ โดยเฉพาะตลาดทาสสินะ อยากจะไปซื้อบางอย่างที่นั่นสินะ”
เฟลิซีพูดด้วยดวงตาอันเย็นชา
“อ่า ไม่ใช่ครับ คือว่า… ”
อินกองพยายามคิดหาข้อแก้ตัว แต่ก็ไม่สามารถคิดถึงอะไรที่สามารถฟังขึ้น
เขาไม่สามารถบอกไปตามตรงว่า เขาไปตลาดค้าทาสเพื่อหาซื้อทาส และมิใช่ทาสทั่วไปแต่เป็นทาสเผ่าแมร์
‘อ่า คือ ก็แค่อยากได้นาตาช่ากลับมาเท่านั้นเอง’
การที่อินกองไม่สามารถพูดหาข้ออ้างอะไรออกมาทำให้สีหน้าของเฟลิซีเย็นชามากขึ้น มากขึ้น ส่วนซิลวานก็กระดกลิ้นก่อนจะตบไหล่อินกอง
“ก็นะ พอเริ่มอายุเท่านี้จะเริ่มสนใจเรื่องแบบนั้นก็ไม่แปลก เราเข้าใจ เราเข้าใจ”
ซิลวานพูดพลางขยิบตา แน่นอนว่าตาข้างหนึ่งถูกปิดอยู่ทำให้ดูเหมือนซิลวานหลับตาพูด
“ทาก้าเป็นที่แบบไหนหรือคะออนนี่?”
เคทลินถาม เฟลิซีจึงกระซิบบอกบางอย่างกับนาง และนั่นทำให้นางหน้าแดงก่ำขึ้นในทันที
“ฉัตรแย่มาก!”
สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
ในระหว่างที่สายตาบรรดาสุภาพสตรีเย็นชามากขึ้นเรื่อยเรื่อย คริสตตบไหล่อินกองก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับสมาชิกตนอื่น เหลือเพียงแค่อินกองกับเจ้าออร์คอยู่ในห้อง
อินกองถอนหายใจออกมา เจ้าออร์คมองดูด้วยสายตาอันอบอุ่น
“องค์ชายก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ไม่แปลกหรอก”
อินกองถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนกรีนวินด์ปรากฏกายออกมากอดปลอบเขา
&
เช้าตรู่วันถัดมา อินกองเข้าเยี่ยมหอสมุด
และเป็นอย่างที่คาดคิด ระดับเกียรติยศของเขาพอเพียงเข้าชมส่วนต้นเท่านั้น
เขาพยายามค้นหาเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลของสี่ฑูตโลกาวินาศ หรือชนเผ่าที่สาบสูญ แต่ก็ว่างเปล่า
นับว่าโชคดีที่พอมีเอกสารเกี่ยวกับมังกรบรรพกาลอยู่บ้าง อินกองจึงเริ่มค้นหาจากจุดนั้น
‘ดูเหมือนถ้าอยากได้รายละเอียดมากกว่านี้ เราต้องหาในส่วนที่ลึกกว่านี้’
ดูเหมือนเขาไม่สามารถทำอะไรลัดขั้นตอนไปมากกว่านี้ได้
อินกองใช้เวลาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมังกรบรรพกาลจากหอสมุด ฝึกฝีมือกับเคทลิน แวะไปหาอมิตาภาที่โรงเหล็ก
หลังจากผ่านไปสี่วันก็ถึงวันที่นัดหมาย
งานเลี้ยงน้ำชาของเจ้าชายไบคาล