ตอนที่ 94 เจรจาค้าขาย

สามีข้า คือพรานป่า

ตอนที่ 94 เจรจาค้าขาย

นายน้อยหลี่ถึงกับถอนหายใจ เด็กสาวผู้งดงามคนนี้ช่างปากคอเราะร้ายยิ่ง!

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าขายมันอย่างไรล่ะ?”

พออีกฝ่ายพูดเรื่องค้าขาย รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนหน้าของเถียนเถียน มันงดงามเสียจนอีกฝ่ายตกตะลึง นางหันไปหาหยุนเคอพร้อมร้องเรียก “พี่ชายหยุน นายน้อยหลี่ต้องการซื้อเหยื่อ พี่จงบอกกล่าวราคากับเขา”

หยุนเคอพยักหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืน “พวกมันทั้งหมดราคาเพียงยี่สิบเหลียงเท่านั้น ขายทั้งหมดไม่แยก…”

ราคานี้นับว่าถูกยิ่ง ขนาดหมูยังราคายี่สิบสี่เหลียง แต่เหยื่อกองนี้กลับถูกกว่าหมูเสียอีก

นายน้อยหลีเหลือบมองหยุนเคอพร้อมกับเผยสีหน้าเย็นชาออกมา

“โอ้ นี่คือพี่ชายสุดที่รักของเจ้างั้นหรือ? ไม่ไหวเอาซะเลย หากเทียบกับข้าแล้วผู้ใดดูดีกว่ากัน?”

คราวแรกหยุนเถียนเถียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อได้ยินคําถามนั้นใบหน้าพลันแดงเรื่อขึ้นมา ส่วนหยุนเคอที่มีใจอยู่แล้วก็พลันอึดอัดไม่น้อย

หยุนเถียนเถียนกล่าวตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ในใจของนายน้อยมีเพียงเรื่องเลวทรามงั้นหรือ? เราเป็นเพื่อนบ้านที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้น ท่านบอกจะซื้อเหยื่อมิใช่หรือไร? รีบเลือกเร็วเข้า!”

นายน้อยหลี่เพียงยกยิ้มอย่างไม่ถือสา แต่เสี่ยวชื่อที่ยืนอยู่ด้านข้างพลันเบิกตากว้าง “สาวบ้านนอก! เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับนายน้อยได้อย่างไร?”

หยุนเถียนเถียนถลึงตากลับอย่างไม่ยอมแพ้ “หากยังไม่หยุดล้อเล่น ข้าสามารถทําได้มากกว่านี้”

ทั้งหยุนเคอและหลี่ซื่อฮวามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทําเช่นไร เหตุใดทั้งสองจึงทะเลาะกันราวกับเด็กน้อย

“เอาเช่นนั้น! ยังไงซะตระกูลของข้าก็เปิดร้านอาหาร ข้าต้องการเหยื่อพวกนี้ก็จริงแต่ต้องการเพียงเนื้อของมันเท่านั้น ส่วนขนของมันข้าไม่สนใจ”

เถียนเถียนรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย นางเหลือบมองหยุนเคอด้านข้างและเห็นว่าเขายังคงนิ่งเฉย นางจึงถึงวิสาสะกล่าวออกไปอย่างเด็ดขาด “เรื่องนั้นง่ายดายยิ่ง เพียงแค่ยี่สิบห้าเหวินต่อหนึ่งตัวเท่านั้น! เดี๋ยวข้าจะให้เขาเอามันไป ถลกหนังแล้วจึงส่งมอบให้ท่าน”

หลีซื่อฮวาหยักหน้าแล้วให้เสี่ยวซื่อจัดการจ่ายเงิน

“เอาล่ะ มันมีประมาณสี่สิบจิน ก็ประมาณหนึ่งถึงสองตําลึง งั้นข้าให้สามตําลึงแล้วกัน เดี๋ยวพวกเจ้าไปที่หลังร้านของข้า แล้วถลกหนังออกมันออกที่นั่น!”

หยุนเถียนเถียนสะกิดหยุนเคอให้รีบเอาเหยื่อให้ตะกร้า แล้วเดินตามหลังหลี่ซื่อฮวาไป

นางเดินเคียงข้างกับหยุนเคอไม่ห่าง แต่ว่ากลับมีเรื่องราวบางอย่างเกิดขึ้นจนทําให้ตกตะลึงไม่น้อย

หลี่ซื่อฮวาคล้ายกับนกยูงรําแพนหางไปมาก็มิปาน ขณะที่เขากําลังเดินโปรยเสน่ห์นั้นพลันหันกลับมาขยิบตาให้สาวน้อยอย่างมีเล่ห์นัย

บางคนที่เห็นอย่างนั้นก็พลันเขินอายเพราะไม่รู้ว่าเขาคือใคร แต่บางคนที่รู้จักชื่อเสียของนายน้อยเผยสีหน้าราวกับเห็นผี ทั้งหมดรีบเดินหลบไปราวกับว่ากลัวจะถูกจับตัวไป หากเขาเพียงสนใจขึ้นมา

เสี่ยวซื่อวิ่งเข้าไปเรียกพ่อครัว พวกเขาพูดคุยกันอยู่สองคําก่อนอีกฝ่ายจะหยิบมีดออกมา

หยุนเคอก้มลงและเริ่มทํางานทันที มันคืองานที่ต้องพิถีพิถันและเต็มไปด้วยเลือดเหม็นคาว แต่หยุนเคอกลับทําออกมาได้ดียิ่ง

หลี่ซื่อฮวาใช้โอกาสที่เถียนเถียนอยู่คนเดียวเข้าหานางอีกครั้ง “นี่สาวน้อย เจ้าทํางานหนักเช่นนี้เพื่ออันใด? มาทํางานกับข้าดีหรือไม่… เจ้าไม่จําเป็นต้องทํางานหนักเลย เพียงแค่รับใช้ข้าเท่านั้น”

หยุนเคอได้ยินอย่างนั้นพลันโกรธจัดจนเกือบกระชาก หนังสัตว์ฉีกขาดเสียหาย

หยุนเถียนเถียนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะเบาๆ ท้ายที่สุดนางจึงกล่าวออกมา “นายน้อยหลีเลิกสนใจข้าเถิด มีหญิงสาวมากมายต้องการรับใช้ท่าน อย่างไรซะมันไม่ดีกว่าหรือหากเราสองคนมาร่วมมือค้าขาย ท่านลืมแล้วหรือไรว่าข้ากุมความลับของท่านอยู่ หากข้าพลังปากกล่าวออกจะกล่าวโทษข้ามิได้”

ความลับ?

นางมีความลับอะไรกับเจ้าหนุ่มคนนี้!?

หยุนเคอส่ายศีรษะพร้อมกับจัดการถลกหนังกระต่ายตรงหน้าอย่างเร่งมือ

ส่วนเสี่ยวซื่อส่ายศีรษะพร้อมกล่าวเย้ย “ฝีมือเจ้าก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรนัก เจ้ากําลังจะทําให้หนังดีๆ กลับกลายเป็นไร้ประโยชน์”

แต่หยุนเคอไม่ได้กล่าวตอบ เขาเพียงโยนหนังของกระต่ายทิ้งไปอย่างไม่แยแส แต่ใครจะคาดคิดว่าเถียนเถียนจะร้องออก “โอ้! สิ่งนั้นมีประโยชน์กับข้า เก็บไว้ก่อน!”

“เจ้าชอบของเช่นนี้หรือ? หากเจ้ามารับใช้นายน้อยของข้า เจ้าจะได้รับของดีมากมาย”

หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าไม่พอใจให้เสี่ยวชื่อ “ดูท่านายน้อยของเจ้าจะชื่นชอบหญิงสาววัยแรกแย้มเสียจริงนะ แต่เห็นหรือไม่ว่าหญิงสาวที่พบเจอเขาต่างก็พากันวิ่งหนีอย่างหวาดกลัว ข้าเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าพูดคุยกับเขาตรงๆโดยไม่ขลาดเขลา เอาล่ะ กล่าวก็คือความกล้าของข้านั้นมากมายยิ่งและข้าไม่สนใจเขา อ้อ! นายน้อยของเจ้านั้นหล่อเหลานัก แต่ก็เพียงเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเขาคือนายน้อยหลี่ เจ้าคิดว่าผู้ใดอยากจะมองหน้าเขาบ้างล่ะ?!”

หยุนเถียนเถียนรู้สึกผิดยิ่งที่กล่าววาจาเช่นนั้นออกไป ยังไงเสียทั้งหมดก็เป็นเรื่องจริง ใบหน้าหล่อเหลาแต่ชื่อเสียงค่อนไปทางเลวทราม หญิงสาวใดจะต้องการติดตามเขากันล่ะ?

บ้าชะมัด เด็กสาวคนนี้พูดมากเกินไปหรือไม่ เจ้ากล้าชื่นชมคนอื่นว่าหล่อเหลางั้นหรือ? ลองดูหากว่าข้าโกนหนวดเคราออก ก็คงจะ…

ช่างมันเถอะ หยุนเคอเพียงถอนหายใจออก เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทําไมเขาต้องโกรธสาวน้อยคนนี้ด้วย แต่เพื่อไม่ให้เด็กคนนี้ได้มีโอกาสคุยกับนายน้อยหลี่ หยุนเคอจึงเร่งจัดการสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ

“เอาล่ะ… นายน้อยหลี่!”

หยุนเคอโยนหนังเหล่านั้นลงตะกร้าด้านหลัง และเรียกให้พ่อครัวในร้านนํามันไปชั่งน้ําหนัก

ตอนนั้นเองหยุนเถียนเถียนกลับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงดึง แขนเสื้อของหลี่ซื่อฮวาไว้ “นายน้อยหลี่ อย่างไรร้านอาหารของร้านก็ต้องการเนื้อ อย่างนั้นให้ข้าส่งมันมาที่ร้านของท่านเลยจะดีหรือไม่?”

หลี่ซื่อฮวาใช้พัดเคาะหัวหญิงสาว “เมืองเล็กๆเช่นนี้ เจ้าคิดว่าร้านอาหารมันจะไปได้ดีสักแค่ไหนเชียว”

หยุนเถียนเถียนหรี่ตาลงเล็กน้อยทําท่าเหมือนวางแผน “นายน้อยหลี่ ท่านมีร้านอาหารเพียงแคในเมืองนี้เท่านั้นหรือ แล้วเมืองอื่นล่ะ?”

หลี่ซื่อฮวาเหลือบมองสาวน้อยก่อนจะกล่าวตอบ “ร้านอาหารในเมืองมีไม่มาก แต่การจะส่งของไปที่นั้นค่อนข้างลําบากและมีค่าใช้จ่าย หรือว่าเจ้าจะรับผิดชอบส่วนนี้ให้ข้า?”

เถียนเถียนเงียบไปครู่ก่อนจะตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ก่อนหน้านี้นางจําได้ว่ายายเคยทําเนื้อตากแห้ง ซึ่งจนถึงตอนนี้นางยังไม่เคยเห็นเลยว่ายุคนี้มีสิ่งของเหล่านั้น หรือว่า…

“นายน้อยหลี่! ข้ามีวิธีที่จะทําให้เนื้อเหล่านี้มีรสชาติที่ดียิ่งขึ้น ลองให้ข้าทํามันแล้วส่งให้ร้านอาหารของท่านดีหรือไม่? ยังไงซะท่านก็ลองชิมมันดูก่อน หากว่าชื่นชอบ มันก็จะเป็นการร่วมมือของเราสองคนในอนาคต เช่นนี้ดีหรือไม่?”