บทที่ 66 เด็กหนุ่มคนหนึ่ง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 66 เด็กหนุ่มคนหนึ่ง

บทที่ 66 เด็กหนุ่มคนหนึ่ง

เสี่ยวเอ้อของร้านปฏิเสธอย่างชัดเจน ตั้งตารอให้ชายหนุ่มที่ดึงตนเองอยู่ข้างหน้านี้รีบออกไปจากร้านเสียที ลูกค้าอยู่เต็มร้านเช่นนี้ จึงไม่อาจรอได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเสี่ยวเอ้อคนนั้นไม่ใช่คนโหดเหี้ยม และเขามักจะเกลี้ยกล่อมด้วยคำพูดที่ดี ชายหนุ่มคนนั้นอาจกังวลเรื่องเงินจริง ๆ จึงดึงแขนเสื้อของลูกจ้างภายในร้านไว้ไม่ยอมจากไป

“ได้โปรด ข้าจับปลาได้มากมาย แม่ของข้ายังคงรอเงินเพื่อซื้อยาอยู่ ได้โปรดเถอะนะ” เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีอ้อนวอนอย่างขมขื่น เขาถือปลาจี้สี่ตัวไว้ในมือ ปลาทั้งสี่ตัวนั้นถูกมัดแขวนด้วยฟางข้าว อ้าปากกว้างไม่หุบ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าชายหนุ่มกำลังถือปลาจี้ หัวใจของนางพลันเต้นแรง เหมือนกับว่าเห็นน้ำแกงปลาจี้สีขาวข้น ๆ ในชาติก่อนของนางอีกครั้ง

หลังจากเข้าใกล้ กู้เสี่ยวหวานก็ได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างชัดเจน คนที่พูดคือชายที่ดูเหมือนลูกจ้างภายในร้าน สวมหมวกผ้าฝ้ายสีเขียวขนาดเล็ก กางเกงผ้าฝ้ายสีเขียว เสื้อคลุมตัวสั้น มีผ้าขนหนูสีขาวพาดอยู่บนไหล่ของเขา ท่าทางดูกังวลเล็กน้อย หากแต่ยังเอ่ยอย่างสุภาพ “ร้านอาหารนี้ไม่รับจริง ๆ ข้าไม่รู้วิธีทำปลานี้ มันมีก้างเล็ก ๆ มากมาย ไม่เพียงแต่นำไปเผาแล้วไม่อร่อย แต่ถ้าแขกกินเข้าไปจะติดคอได้ง่าย ซึ่งไม่ดีเลยจริง ๆ”

“ข้าขอร้องล่ะ ได้โปรดรับมันไว้เถอะ ขอให้ข้าแค่สักสองสามเหรียญ ยาของแม่ข้าหมดแล้ว ข้าต้องการเงินไปซื้อยา ขาดอีกนิดเดียวเท่านั้น” เด็กหนุ่มยังคงอ้อนวอน

“เฮ้อ ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้า แต่ข้าไม่ใช่เถ้าแก่ร้าน แม้ว่าข้าจะช่วยเจ้าและซื้อปลาตัวนี้ เถ้าแก่ก็จะดุข้าในภายหลัง และบางทีเขาอาจจะเลิกจ้างข้า” เสี่ยวเอ้อคนนั้นเป็นคนมีเหตุผลและต้องการช่วย แต่ทุกวันนี้คนที่ทำความดีอาจจะโชคร้ายได้

“…” เด็กหนุ่มอยากจะเอ่ยอะไรบางอย่าง เมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อพูดเช่นนี้ เขาก็ดูเศร้าหมองขึ้นมา เม้มริมฝีปากแน่นและไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อมองดูปลาที่เขาจับได้เมื่อคืนนี้ เขาก็อยากจะร้องไห้โดยไม่เสียน้ำตาจริง ๆ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเด็กหนุ่มหมุนกายเตรียมจากไป นางก็รีบร้องทัก “เฮ้ พี่ชายท่านนั้น ได้โปรดช้าก่อน!”

เด็กหนุ่มหันกลับมาเห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่แต่งตัวเหมือนขอทานเอ่ยเรียกเขาไว้ แววตาของเขาไร้ความรังเกียจแต่อย่างใด เขายืนนิ่งอยู่กับที่เอ่ยเสียงแผ่วเบา “สาวน้อย เจ้ากำลังเรียกข้าอยู่หรือเปล่า?

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า “พี่ชาย ได้โปรดหยุดสักครู่ ข้าขอซื้อปลาของพี่ชายคนนี้เจ้าค่ะ”

กู้เสี่ยวหวานหยิบเงินยี่สิบเหรียญออกมาแล้วยื่นให้เด็กหนุ่ม “เอาล่ะ ท่านรับไปเถอะ”

ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้าง ไม่คิดว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เนื้อตัวมอมแมมข้างหน้าเขาจะเอาเงินยี่สิบเหรียญออกจากกระเป๋า จึงแปลกใจเล็กน้อย แม้แต่เสี่ยวเอ้อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังจ้องตาเขม็ง

เด็กหนุ่มโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า “ไม่ได้ ไม่ได้ สาวน้อย มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะซื้อสิ่งนี้”

เมื่อเห็นการปฏิเสธของเด็กหนุ่ม กู้เสี่ยวหวานก็พูดอย่างรวดเร็วว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าตั้งใจจะบอกพี่ชายคนนี้ให้อยู่ก่อน ปลาตัวนี้คงไร้ประโยชน์ในมือของท่าน แต่ถ้าอยู่ในมือของข้า มันจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ท่านไม่ต้องกังวล เอาเงินนี้ไปซื้อยาให้ท่านแม่ของท่านเถอะ”

เด็กหนุ่มยังคงปฏิเสธ “ไม่ได้ ข้าเพิ่งบอกไปเมื่อครู่ ปลาตัวนี้มีค่าแค่สองสามเหรียญ เจ้า…ให้มามากเกินไปแล้ว”

เมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าการยื่นมือเข้ามาตอนนี้ไม่แย่นัก “ท่านรับไปเถอะ ปลาตัวนี้มีประโยชน์อย่างมาก ถ้ามันอยู่ในมือของท่านอาจไม่คุ้มค่ามาก แต่ถ้ามันตกอยู่ในมือของข้ามันคุ้มค่าอย่างแน่นอน ท่านไม่ต้องกังวล”

เด็กหนุ่มเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แม้เด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าจะยังเด็ก เสื้อผ้าของนางก็ขาดรุ่งริ่ง แต่แววตาปราดเปรียวของนางส่องประกายด้วยความมั่นใจ ราวกับจะบอกว่าถ้าเชื่อนางคนนี้จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ชายหนุ่มรับเหรียญทองแดงที่กู้เสี่ยวหวานมอบให้ด้วยมืออันสั่นเทาและเอ่ยอย่างตื่นเต้น “สาวน้อย ขอบคุณมาก ข้าแซ่เฉิน เรียกจื่อไป๋ก็ได้ หากเจ้าต้องการใช้ในอนาคต โปรดอย่าลังเลที่จะพูด”

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ซื้อปลาตัวนี้เพื่อช่วยเขา ชายตรงหน้าแม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะถูกซักจนซีดจางแล้ว แต่อารมณ์ที่เย่อหยิ่งและดื้อด้านของเขานั้นน่าประทับใจ

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่บุคคลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก

กู้เสี่ยวหวานโบกมืออย่างเขินอาย “ไม่ต้องขอบคุณ ท่านรีบรับเงินแล้วไปซื้อยาให้ท่านแม่ของท่านเถอะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักและมองกู้เสี่ยวหวานอย่างลึกซึ้ง ทำให้นางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เด็กหนุ่มโค้งคำนับ จากนั้นจึงหมุนกายวิ่งออกไปทันที

แม้ว่าเสื้อผ้าบนเรือนร่างของชายหนุ่มจะไม่ค่อยดีนัก แต่ความจองหองและความเย่อหยิ่งของนักปราชญ์ไม่สามารถปกปิดได้ วันหนึ่งคนผู้นี้จะต้องมีชื่อเสียงอย่างแน่นอน

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้เดาผิด หลายปีต่อมากู้เสี่ยวหวานถูกล้อมจับโดยคนทรยศและติดคุก และเป็นชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าของนางที่ช่วยเหลือนาง กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คาดหวังว่าการยื่นมือเข้าไปครั้งนี้ของนางหรือปลาไม่กี่ตัวที่นางซื้อเพื่อทำเงิน จะนำมาซึ่งความโปรดปรานที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้

แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในอนาคต ไม่ใช่ในตอนนี้

กู้เสี่ยวหวานหยิบปลาจี้จากเด็กหนุ่ม เสี่ยวเอ้อที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดว่า “สาวน้อย มันแพงเกินไปสำหรับเจ้าที่จะจ่ายเงินยี่สิบเหรียญสำหรับปลาพวกนี้”

“ข้าไม่คิดว่ามันแพง!”

“เฮ้อ ปลาพวกนี้มีอยู่ทุกหนทุกแห่งในแม่น้ำ และไม่มีใครกินมัน!” ลูกจ้างภายในร้านกล่าวอย่างเสียดาย

“เหตุใดถึงไม่มีใครกินล่ะ?” กู้เสี่ยวหวานอยากรู้จริง ๆ ว่าเหตุใดคนที่นี่จึงไม่กินปลา โดยบอกว่าปลามีกลิ่นคาวและรสชาติแย่ แต่ปัญหานี้มีทางแก้

“ปลาตัวนี้มีก้างเยอะ ข้าเคยทำในร้านอาหารนี้มาก่อน มีลูกค้าหลายคนที่ก้างปลาติดคอ และเมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่มีใครกินมันอีก ที่สำคัญคือปลาราคาถูกเพราะมีกลิ่นคาวและรสชาติแย่มาก ดังนั้นราคาในรายการอาหารจึงถูกมาก ในท้ายที่สุดเจ้านายของข้าก็ลบชื่ออาหารจานนี้ออก และไม่มีอาหารจานนี้ในร้านอีกต่อไป” ลูกจ้างภายในร้านอธิบาย

กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักได้ทันที ที่แท้ก็มีเหตุผลมากมายเช่นนี้

ปลาจี้ตัวเล็กนี้มีก้างมากมาย นางจำได้ว่าตอนที่ยังเป็นเด็ก นางเคยกินปลาจี้ตุ๋นแล้วก้างติดคอสองครั้ง

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ช่วยเหลือคนที่ควรช่วย เดี๋ยวต่อไปเขาก็จะช่วยเรากลับบ้างล่ะค่ะ

ปลาชนิดนี้น่าจะคล้ายกับตะเพียนบ้านเราล่ะมั้งคะ ถ้าไม่บั้งดี ๆ ก็คือก้างติดคอ

ไหหม่า(海馬)