บทที่ 87 ฐานะของท่านป้า

“ฝู๋กงกง ไม่มีข่าวองค์หญิงใหญ่อู๋ซวงมาสิบกว่าวันแล้ว พวกเราไปแจ้งทางการ…”

ชายที่ถูกเรียกว่าฝู๋กงกงยกเปลือกตาขึ้น เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า “ ไม่ ครั้งนี้ที่องค์หญิงใหญ่กลับมาแล้วถูกคนปองร้าย ใครจะรู้ว่ามีคนในราชสำนักไม่อยากให้นางกลับมาหรือไม่”

เพราะตอนนั้นที่องค์หญิงใหญ่แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์อายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ หลายปีมานี้เพื่อความสัมพันธ์ของชาวถู่เจียกับต้าจิ้นจึงได้ล่วงเกินคนไปไม่น้อย หลายปีมานี้ฝู๋กงกงจึงคอยอยู่เคียงข้างองค์หญิงใหญ่ จนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของราชสำนักชาวถู่เจีย แต่คิดไม่ถึงว่าพออายุมากและคิดที่จะกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตนจะถูกลอบปองร้ายเข้า

เขาจึงไม่กล้าเสี่ยง

“เช่นนั้นพวกเราจะสืบหากันอย่างลับ ๆ ต่อไปหรือขอรับ?”

“คงทำได้เพียงวิธีนี้แล้ว โชคดีที่ผ่านมาหลายสิบปี องค์หญิงใหญ่เองก็ชราลงมากแล้ว ในต้าจิ้นตอนนี้คนที่เคยเห็นหน้าตาของนางจึงมีอยู่ไม่มาก”

“ไปเถอะ”

รถม้าของจี้จือฮวนกับรถม้าของฝู๋กงกงเคลื่อนไปคนละทาง ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้พบกันอีกครั้ง

ตลอดทางท่านป้านิ่งเงียบเป็นอย่างมาก และจ้านอิ่งก็ไม่ได้เร่งฝีเท้าแต่อย่างใด จี้จือฮวนคิดไปคิดมา จึงได้ซื้อของที่เด็ก ๆ ชอบกินและวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ ก่อนจะขึ้นรถไปนั่งเป็นเพื่อนนาง

“วันนี้ข้าอนุญาตให้ท่านกินลูกอมได้”

ท่านป้าทำงอนใส่ “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้า พวกเขาแค่ยังตามหาข้าไม่เจอก็เท่านั้น”

“ใช่ ๆ ๆ ข้าไม่ได้ปลอบท่าน บ้านมีหนึ่งเฒ่าเหมือนมีเจ้าทรัพย์ และเจ้าทรัพย์ในบ้านข้าเกือบจะไม่อยู่แล้ว ข้าจะดีใจได้อย่างไรจริงหรือไม่?” จี้จือฮวนยัดลูกอมเข้าใส่ปากของท่านป้า

ในที่สุดสีหน้าของท่านป้าก็คลายลง “เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ข้าไม่ได้เป็นคนอยากจะกลับไป อีกอย่างข้ายังมีประโยชน์มากด้วย และข้าก็สามารถเฝ้าบ้านได้”

“นั่นน่ะสิ หมู่บ้านตระกูลเฉินไม่มีท่านป้าคนไหนที่มีความสามารถเหมือนท่านอีกแล้ว” ตบคนทั้งครอบครัวอวี๋ซิ่วเหลียนจนไม่มีใครสู้ได้ ตอนนี้คนของหมู่บ้านตระกูลเฉินพอเห็นนางก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเลย

ในที่สุดท่านป้าก็รู้สึกสบายใจ นางจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างมีความสุข “ใช่แล้ว”

สตรีสูงวัยช่างปลอบง่ายจริง ๆ จี้จือฮวนจึงเริ่มวางใจ

ท่านป้ากินลูกอมไปก็มองจี้จือฮวนไปด้วย ลูกสาวที่โง่เขลาของอดีตหัวหน้าหมู่บ้านอึสุนัขนั่นอย่างเฉินหลันหลัน ยังสวมกระโปรงลายดอกตัวสวยด้วยซ้ำ แต่ฮวนฮวนของพวกนางกลับใส่แต่เสื้อผ้าเรียบง่าย ของกินดี ๆ ก็มักจะเอาให้เด็ก ๆ ก่อน

ท่านป้าพลิกดูของที่นางซื้อมาในวันนี้ ก่อนจะมุ่ยปากและเอ่ยขึ้นมา “เหตุใดถึงไม่แต่งเนื้อแต่งตัวดี ๆ แม่นางน้อยในหมู่บ้านมีใครเหมือนเจ้าบ้าง?”

จี้จือฮวนไม่แปลกใจเลยที่นางจะถามคำถามเหล่านี้ แม้ท่านป้าจะสูญเสียความทรงจำ แต่ว่าหัวไวอย่าบอกใคร ทั้งรักความสะอาดและรักความสวยความงาม ทุกวันจะต้องหวีผมจนมันวาว แม้แต่มวยผมบนศีรษะของอาอินก็ไม่ซ้ำกันเลยสักวันเดียว

มีเพียงอาฉือที่เห็นนางก็มักจะหลบ เพราะไม่อยากถูกนางจับไปทาน้ำมัน บอกว่าเพื่อบำรุงผิวอะไรนั่น

จี้จือฮวนจึงตอบกลับไป “ข้าเป็นแบบนี้ก็ดีมากแล้ว ส่วนผิวพรรณข้าก็ดูแลตามปกติ อีกอย่างชุดผ้าป่านเวลาทำงานก็สะดวกดี”

แต่ความจริงก็คือนางคิดไม่ออกว่าคนสมัยก่อนแต่งตัวกันแบบไหนบ้าง เจ้าของร่างเดิมเองก็ไม่ได้ดีไปกว่านางสักเท่าไรนัก นางทำเป็นแค่เปียผมหางม้าเท่านั้น

เห็นได้ชัดว่าท่านป้าก็ยังไม่เข้าใจ หากนางมีเงินแล้ว ต่อไปจะซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด เครื่องประดับที่หรูหราที่สุดให้จี้จือฮวนให้ได้

ระหว่างทางกลับบ้าน จ้านอิ่งวิ่งไปอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง

และในที่สุดจี้จือฮวนก็ทนไม่ไหวจึงถามคำถามที่อยากรู้มาหลายวันออกมา “ท่านป้า เหตุใดพอท่านเห็นสามีข้ากับอาฉือถึงเรียกเขาว่าน้องชายเล่าเจ้าคะ พวกเขาหน้าตาคล้ายคลึงกับน้องชายท่านหรือเจ้าคะ?”

ท่านป้าเมื่อถูกถามเช่นนี้ก็อึ้งอยู่นาน “น่าจะใช่กระมัง ข้าเองก็ไม่รู้ พอเห็นก็ตะโกนออกมาแล้ว”

“เช่นนั้นตอนนี้ยังรู้สึกว่าคล้ายกันอยู่หรือไม่เจ้าคะ?”

“ใช่ แต่ดูจากอายุแล้ว น่าจะเป็นหลานหรือเหลนข้ามากกว่า” ท่านป้าหงุดหงิดเล็กน้อย นางยังคิดว่าตัวเองเป็นแค่แม่นางน้อยอยู่เลย

จี้จือฮวนจึงเริ่มครุ่นคิด หากไม่ใช่เพราะสมองของนางมีปัญหา ก็ต้องเป็นเพราะ…น้องชายของนางตอนที่ยังหนุ่มคล้ายเผยยวนกับอาฉือมากจริง ๆ

ส่วนเผยยวนกับอาฉือเดิมก็หน้าตาคล้ายกันมากอยู่แล้ว

สิ่งนี้ทำให้จี้จือฮวนคิดว่าฐานะของสตรีสูงวัยผู้นี้เกรงว่าคงจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว

ตอนกลับมาถึงบ้าน อารมณ์ของท่านป้าก็ดีขึ้นมากแล้ว ที่สำคัญก็คือนางมั่นใจว่าจี้จือฮวนจะไม่ไล่นางไปไหนอีก

นางจึงตัดสินใจแล้ว จะคิดเสียว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง

จี้จือฮวนกับอาอินกำลังยุ่งกับการตุ๋นเนื้อและทำเกลือ เผยจี้ฉือกับพวกท่านป้าหยางก็กำลังจัดการของที่จี้จือฮวนซื้อกลับมาวันนี้

ท่านป้าไม่มีอะไรทำ จึงไปให้อาหารไก่ เป็ด ห่านเป็นเพื่อนอาชิง

“ตัวนี้เหตุใดจึงไม่ออกไข่” ท่านป้าชี้ไปที่ไก่ป่าที่อยู่ในมุม พลางถามออกมา

อาชิงเองก็เอ่ยอย่างจริงจัง “ตั้งแต่ที่มันมาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยออกไข่เลยขอรับ”

ท่านป้าจ้องไก่ตัวนั้น “ไก่ที่ไม่ออกไข่ ก็ควรฆ่าแล้วเอามากินซะ”

ไก่ป่าตัวนั้นตกใจกลัวจนตัวสั่น ก่อนจะเบ่งไข่ออกมาต่อหน้าท่านป้าหนึ่งฟอง…

“หึ ยังรู้จักกลัวตายอยู่ก็ดี ต่อไปแต่ละเดือนถ้าออกไข่ไม่ถึงสิบฟอง หม้อใบใหญ่รอเจ้าอยู่นะ” ท่านป้าสะบัดหน้าใส่ ก่อนจะพาอาชิงน้อยไปตรวจที่เล้าเป็ดต่อ

ไก่ป่า “…”

เฉินหลันหลันหลังจากผ่านเรื่องเมื่อวานมานางก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังมาด้อม ๆ มอง ๆ ใกล้ ๆ บ้านครอบครัวเผยอีก เพื่อมาดูว่าเซียวเย่เจ๋ออยู่หรือไม่ ทันใดนั้นก็ถูกท่านป้าที่อยู่ว่าง ๆ และเดินไปมาเจอเข้าพอดี

ท่านป้าจึงอดไม่ได้ที่จะต้องด่านางสักยก แต่มีหรือที่ท่านป้าจะด่าแบบธรรมดาทั่ว ๆ ไป เพราะนางใช้วิธีดูถูกเหยียดหยาม บีบให้เฉินหลันหลันอับอายจนไม่มีหน้าจะพบผู้คนได้อีก

“ในบ้านถ้าไม่มีกระจกก็น่าจะมีฉี่บ้างกระมัง?”

“ก้นค้างคาวแค่มีขนไก่ติดอยู่ ก็ลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองเป็นตัวอะไร!”

เฉินหลันหลันโมโหจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี แต่ท่านป้าไหนเลยจะปล่อยนางไปง่าย ๆ ยังคงตามด่านางไปตลอดทางจนถึงประตูบ้านครอบครัวเฉิน

มีคนทนดูไม่ได้จึงแก้ต่างแทนครอบครัวเฉินสองสามประโยค แต่ท่านป้าเพียงหัวเราะเสียงเย็นออกมา ก่อนจะล้วงเมล็ดทานตะวันที่จี้จือฮวนซื้อให้ออกมาแทะและด่าไปด้วย “เจ้านี่ช่างเหมือนกองอึหมาจริง ๆ คำพูดว่าร้ายมีอยู่เต็มปาก พูดไปพูดมาคนที่เปื้อนอึก็เป็นเจ้าเองไม่ใช่หรือ?”

หยวนซื่อเห็นลูกสาวของตัวเองถูกท่านป้าของครอบครัวเผยด่าเช่นนี้ จึงโมโหจนทนไม่ไหว ก่อนจะพับแขนเสื้อและพุ่งตัวออกมาพร้อมกับหวังกุ้ยฟาง

แต่จนใจที่ท่านป้าตั้งใจเอาไว้แล้ว หากมาหนึ่งคนก็จัดการหนึ่งคน มาสองคนก็จัดการสองคน นางด่าตั้งแต่หัวจนจรดปลายเท้า ทำให้หวังกุ้ยฟางโมโหจนร้องไห้ออกมา ส่วนหยวนซื่อก็แทบจะเป็นบ้า จากนั้นท่านป้าจึงได้ปัดก้นและปัดเปลือกเมล็ดทานตะวันออกจากกระโปรง

นางจะไปหาคนมาเล่นไพ่นกกระจอกด้วยแล้ว อาศัยตอนที่จิตวิญญาณการต่อสู้กำลังพุ่งพล่าน จะไม่ชนะกลับมาได้อย่างไรกัน?

เรื่องที่ท่านป้าจัดการคนทั้งหมู่บ้านตระกูลเฉิน จี้จือฮวนที่กำลังคิดค้นอาหารใหม่ ๆ ในห้องครัวจึงยังไม่มีเวลาไปสนใจ

เพราะตอนนี้มีเรื่องหนึ่งที่จวนตัวกว่า

เผยจี้ฉือเอาถั่วเหลืองเข้ามาส่งพอดี จี้จือฮวนเห็นเขาจึงเอ่ยขึ้นมา “คิดออกหรือยัง ว่าจะไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาชิงอวิ๋นเมื่อใด ข้าจะไปส่งเจ้าเอง”

เผยจี้ฉือชะงักไป จี้จือฮวนมองหน้าเขา “ข้าไม่อยากได้ยินคำตอบว่าไม่ไป ตอนนี้ที่บ้านมีคนช่วยงานเยอะแยะแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอีก พิษของพ่อเจ้าท่านหมอจางก็กำลังค้นคว้าให้อยู่ นอกจากนี้ยังมีข้าคอยดูแลอยู่ด้วย”

นางพูดมาขนาดนี้แล้ว เผยจี้ฉือยังจะพูดอะไรได้อีก “แต่ว่าฐานะของพวกเรา…”

“ฟ้าถล่มลงมายังมีข้ายันเอาไว้ เจ้าจะกลัวอะไร”

อย่างมากก็แค่ไปยิงพระเอกนางเอกให้ตายไปซะ เรื่องทั้งหมดก็จบแล้ว ยังจะต้องกลัวว่าจะถูกความลำบากบีบจนตายอีกอย่างนั้นหรือ กติกาของเกมมีไว้เพื่อทำลาย

เพราะนางเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดในนิยายเล่มนี้แล้ว หรือคิดว่าตัวเองเป็นแค่ตัวประกอบตัวหนึ่งก็จะไม่สู้ต่ออีก จะนอนเป็นคนไร้ค่าเฉย ๆ อย่างนั้นหรือ

“อย่าไปสนใจสิ่งที่จะได้หรือเสียในอนาคต เพราะเมื่อตายไปแล้วตอนที่ศพถูกเผาเรายังต้องกังวลว่าจะเผาสุกไปกี่ส่วนอีกอย่างนั้นหรือ แม่จะสอนเรื่องที่สองให้เจ้า เมื่อเรือถึงท่ามันก็จะแล่นตรง1 เรื่องที่ยังไม่ได้ลงมือทำแต่กลับกลัวไปก่อน เช่นนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีทางสำเร็จ”

เผยจี้ฉือสะดุ้งขึ้นมาทันที เมื่อมองสายตาที่เป็นประกายของจี้จือฮวนแล้วเขาก็ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง “ข้าจะเรียนหนังสือขอรับ”

[1] เรือถึงท่ามันก็จะแล่นตรง ความหมายเชิงอุปมาแปลว่า ปัญหาทุกอย่างมีทางออก