ตอนที่ 40 ได้ ได้ ข้ายอมแล้ว
เจ้าหนูน้อยยืนหน้าแดงพร้อมเอามือกุมของลับไว้ เขายืนตัวแข็งทื่อด้วยความเก้อเขินราวกับท่อนไม้ แต่สุดท้ายก็ต้องมาถูกพี่รองลูบ ๆ ถู ๆ ทำความสะอาดไปทั้งตัวอยู่ดี หลังจากอาบน้ำให้น้องชายจนสะอาดแล้วนางก็อุ้มเด็กน้อยขี้อายขึ้นไปบนตั่งไม้
เจ้าหนูน้อยหันไปมุ่ยปากใส่มารดาที่กำลังหัวเราะ ท่านแม่ ท่านดูพี่รองสิขอรับ ! นางอาศัยว่ามีพละกำลังเหลือเฟือมารังแกข้า !
นางหวงรับผ้ามาจากมือของบุตรสาวคนรองจากนั้นก็บรรจงเช็ดกลุ่มผมนุ่มบางให้บุตรชายคนเล็กแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนว่า เช่นนั้นแม่จะตีพี่รองแทนเจ้าเอง นางตัวใหญ่ถึงเพียงนี้แต่มารังแกเจ้าหนูน้อยของพวกเราได้เช่นไร ?
ขณะที่กล่าวนางหวงก็ทำท่าจะตีหลินเว่ยเว่ยที่นั่งอยู่ข้างตั่งไม้ ทว่าพอเจ้าหนูน้อยเห็นมารดาเอาจริงก็รีบโผเข้าไปกอดมือมารดาไว้แล้วกล่าวว่า ท่านแม่ เห็นแก่ที่พี่รองเพิ่งทำผิดครั้งแรกก็ยกโทษให้นางเถิดขอรับ หากมีครั้งหน้าค่อยลงโทษ !
ขอบใจน้องสี่ที่ไม่ลงโทษพี่รองคนนี้ ! หลินเว่ยเว่ยดีดก้นเจ้าหนูน้อยไปหนึ่งที เวลานี้เจ้าหนูน้อยเพิ่งนึกได้ว่าตนกำลังเปลือยกายอยู่จึงรีบหันกลับไปแล้วเอามือปิดของลับทันที ท่าทางของเด็กน้อยเรียกเสียงหัวเราะจากนางหวงและหลินเว่ยเว่ยได้เป็นอย่างดี
เวลานี้พี่สาวคนโตยกยาต้มเข้ามาให้มารดาพอดี เมื่อเห็นว่าหลินเว่ยเว่ยยังไม่ออกไปจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่นี่ ? กลับไปนอนที่ห้องของตนได้แล้ว !
ตอนที่พวกนางยังเด็ก นางและหลินเว่ยเว่ยเคยนอนด้วยกันที่ห้องทางทิศตะวันตกและแน่นอนว่าไม่ใช่ความเต็มใจของนาง ดังนั้นหลังจากที่บิดาหายไป นางจึงย้ายมานอนกับมารดาและน้องชายคนเล็กทันที
หลินเว่ยเว่ยอยากแกล้งนางสักหน่อยจึงหันไปกอดแขนมารดาแล้วกล่าวออดอ้อนเสียงหวานว่า วันนี้ข้าจะนอนกับท่านแม่ ! เท่าที่ข้าจำได้คือยังไม่เคยได้นอนกับท่านแม่มาก่อน !
เจ้าตัวอ้วนถึงเพียงนี้ นอนในห้องท่านแม่ไม่ได้หรอก ห้องของท่านแม่ไม่ได้ใหญ่เพียงนั้น ! กลับไปนอนที่ห้องทางทิศตะวันตกของเจ้าโน้น ! นางยังยืนกรานคำเดิมว่าจะไม่นอนร่วมเตียงเดียวกับหลินเว่ยเว่ยเด็ดขาด !
สาเหตุที่นางจงเกลียดจงชังน้องสาวถึงเพียงนี้เพราะว่าตั้งแต่เด็กจนโต เด็กในหมู่บ้านไม่ชอบมาเล่นกับนาง ตอนที่พวกเขาขึ้นไปเก็บเห็ดเก็บฟืนบนภูเขาก็ไม่ยอมพานางไปด้วย อีกทั้งยังบอกว่าความโง่เขลาสามารถติดต่อกันได้ ในเมื่อนางนอนเตียงเดียวกับน้องสาวผู้โง่เขลาก็จะทำให้นางกลายเป็นคนโง่เช่นเดียวกัน ! พวกเขาไม่มีวันเล่นกับคนโง่เป็นอันขาด !
ดังนั้นนางจึงมักกลับมาร้องไห้ฟูมฟายกับผู้เป็นบิดาและมารดาว่าจะไม่ยอมนอนห้องเดียวกับน้องสาวอีก แต่สุดท้ายนางก็ถูกบิดาดุด่าเสียยกใหญ่ เพราะในความคิดของบิดามารดาคือแค่เด็กคนอื่นมาดูถูกดูแคลนบุตรสาวคนรองก็เป็นเรื่องน่าสงสารมากพอแล้ว ในฐานะที่นางเป็นพี่สาวคนโตกลับเอาแต่สนใจความรู้สึกของคนอื่นในหมู่บ้านมากกว่าสนใจความรู้สึกของน้องสาวแท้ ๆ ทำให้พวกท่านรู้สึกขุ่นเคืองเหลือเกิน !
เป็นเพราะบิดามารดาสงสารที่บุตรสาวคนรองโง่เขลาเบาปัญญา ดังนั้นพวกท่านย่อมคอยดูแลเอาใจใส่มากกว่าคนอื่น นอกจากนี้ยังมักให้พี่สาวคนโตคอยดูแลบุตรสาวคนรองเสมอ
หากบุตรสาวคนรองทานไม่อิ่มก็จะบันดาลโทสะคลุ้มคลั่ง อีกทั้งยังเป็นคนมีพละกำลังมากมายทำให้ทุกครั้งที่มีอาการคลุ้มคลั่งก็มักทำลายข้าวของเครื่องใช้ในบ้านจนเสียหาย ดังนั้นคนในครอบครัวจึงยอมเสียสละเพื่อให้บุตรสาวคนรองได้ทานอิ่มที่สุด
ทว่าบัดนี้บิดาไม่อยู่แล้ว ครอบครัวของพวกนางก็ลำบากแร้นแค้นขึ้นไปอีก ทำให้ต้องประหยัดกว่าเดิม แม้แต่น้องชายคนโตที่เรียนอยู่ในเมืองยังต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อให้มีเงินเล่าเรียน แต่น้องสาวคนรองได้กินอิ่มสบายใจทุกมื้อ ขณะที่คนอื่นในบ้านต้องมีร่างกายซูบผอมเพราะอดอยาก มีแค่น้องสาวคนรองเท่านั้นที่ทานได้อิ่มหนำราวกับหมู…
หลังจากที่น้องสาวคนรองไม่โง่เขลาเบาปัญญาเหมือนอดีตก็เอาแต่แสดงท่าทางตาต่อตาฟันต่อฟันใส่นางเสมอ นอกจากนี้ท่านแม่ก็มักเข้าข้างน้องสาวคนรองเป็นประจำ ส่วนน้องชายคนเล็กก็ถูกซื้อใจเป็นที่เรียบร้อย สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ความโกรธภายในใจของนางทวีความรุนแรงมากขึ้น !
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ น้องสาวคนรองแสร้งทำเป็นไม่สนใจนาง แถมเจ้าตัวยังนอนอยู่ที่เดิมไม่ลุกไปไหน นอกจากนี้ยังกอดผ้าห่มของนางแล้วม้วนตัวพลิกไปพลิกมา ท่านแม่ก็ไม่ว่าสักคำ ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงน้องชายตัวดีที่กำลังยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจนั่นเลย
พี่สาวคนโตโกรธจนผมตั้ง จากนั้นก็พุ่งเข้าไปดึงแขนของหลินเว่ยเว่ยแล้วพยายามออกแรงดึงหลินเว่ยเว่ยที่เหมือนก้อนหินยักษ์ ‘หนักเป็นตัน’ และจงใจนอนอยู่บนเตียงไม่ยอมไปไหน นางจะลากอีกฝ่ายลงมาได้เช่นไร?
นางหวงดื่มยาเสร็จก็มองไปยังบุตรสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจทั้งสองกำลัง ‘ทะเลาะกันตามประสาพี่น้อง’ จากนั้นนางก็คอยพูดปลอบประโลมอยู่ด้านข้างอย่างอ่อนโยน ลูกแม่ น้องยอมอ่อนข้อให้เจ้าแล้ว ! เจ้าไม่เห็นหรือว่านางกลัวที่จะทำให้เจ้าบาดเจ็บจึงไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน ปล่อยให้เจ้าลากดึงได้ตามใจชอบ เจ้าเป็นพี่สาวของนาง อย่างไรก็ยอมให้น้องนอนด้วยสักคืนเถิด !
นางออกแรงจนเหงื่อท่วมกาย แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าเด็กอ้วนแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างสาแก่ใจ เดิมทีนางก็รู้สึกคับแค้นใจอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินมารดาเอ่ยเช่นนี้ก็ทำให้นางเกิดความรู้สึกน้อยใจมากขึ้น สุดท้ายนางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
ท่านแม่ก็พูดเช่นนี้ทุกครั้ง ! ท่านบอกตลอดว่าข้าคือพี่สาวของนาง ให้ข้ายอมนาง ! บอกว่าข้าเป็นพี่ต้องคอยดูแลน้อง ! ข้าเป็นพี่ต้องทานให้น้อยเพื่อให้น้องได้อิ่มก่อน ! ท่านแม่ ข้าอายุมากกว่านางแค่ปีเดียวเท่านั้น ! เหตุใดต้องให้ข้าเอาแต่ยอมหลีกให้นางตลอด ? แล้วเหตุใดท่านไม่คลอดข้าออกมาทีหลังนาง ข้าไม่อยากเป็นพี่แล้ว ข้าก็อยากให้คนอื่นมายอมให้บ้าง
ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยจึงหุบยิ้มทันที เพราะชาติที่แล้วนางไม่เคยมีพี่น้องมาก่อน แต่เพื่อนร่วมชั้นในสมัยมหาวิทยาลัยมักเล่าให้ฟังว่ามารดาลำเอียงรักน้องมากกว่า ซึ่งคนเป็นพี่คนโตต้องคอยอ่อนข้อให้น้องมาโดยตลอด อีกทั้งยังชอบถูกน้องแย่งความรักจากบิดามารดาไปเสมอ หรือเรียกได้ว่าโดนแย่งไปทุกสิ่งทุกอย่างก็ว่าได้ ยิ่งเพื่อนร่วมห้องกล่าวถึงช่วงที่รู้สึกเจ็บใจมากที่สุด เพื่อนคนนั้นก็ร้องไห้โฮออกมาจนแทบปลอบไม่ไหว
ในตอนนั้นนางก็เห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมห้องมาก ทว่าตอนนี้นางกลายมาเป็นน้องผู้แย่งความรักไปจากพี่สาวเสียเองหรือ หลินเว่ยเว่ยจึงหน้าหงอยทันที ทั้งที่เป็นความผิดของเจ้าของร่างเดิม เหตุใดนางต้องมาแบกไว้ด้วย ?
แม้นางไม่ชอบพี่สาวที่เห็นแก่ตัว ทว่าพอเห็นพี่สาวร้องไห้เช่นนี้ หลินเว่ยเว่ยจึงไม่อยากแกล้งอีกแล้ว เอาล่ะ พอแล้ว เลิกร้องไห้ได้แล้ว ! ข้ายอมให้เจ้าบ้างก็ได้ พอใจหรือไม่ ? ข้ายอมคืนเตียงให้เจ้าแล้ว ประเดี๋ยวข้าก็จะกลับไปนอนที่ห้องทางทิศตะวันตก ตกลงหรือไม่ ?
พี่สาวปาดน้ำตาแล้วถลึงตาใส่ ที่เจ้านอนอยู่ก็เป็นเตียงของข้าอยู่แล้ว ! ต้องให้เจ้ายอมด้วยหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยที่กำลังจะลงจากเตียง พอได้ยินเช่นนั้นก็กลับไปนอนนิ่งดังเดิม หากเจ้ายังไม่เลิกโวยวาย ข้าจะไม่ไปไหนแล้ว !
ท่านแม่…ท่านดูนางสิเจ้าคะ ! นางเริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
พอได้แล้ว ! เจ้าเลิกร้องไห้เสียที ถ้ายังร้องไห้ฟูมฟายเช่นนี้มีหวังว่ากำแพงเมืองจีนได้ถล่มเพราะเจ้าแน่ ! หลินเว่ยเว่ยเหยียดตัวลงจากเตียง จากนั้นก็ไปยกถังน้ำที่เอามาใช้อาบให้เจ้าหนูน้อยพร้อมเดินออกไป
ข้าไป เจ้าก็คงจะไม่ร้องไห้แล้วใช่หรือไม่ ?
เมื่อกลับถึงห้องนอนทางทิศตะวันตกแล้ว หลินเว่ยเว่ยจึงไปอาบน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณอย่างสบายใจ แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยินว่าในห้องมีเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่าง นางจึงรีบออกมาแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงโดยอาศัยแสงจันทร์ที่ส่องกระทบเข้ามาในห้องก็เห็นว่าเป็นนางหวงที่เดินเข้ามา
ท่านแม่มีธุระอันใดหรือเจ้าคะ ? หลินเว่ยเว่ยลุกขึ้นนั่ง
นางหวงยิ้มในขณะมานั่งขอบเตียงของบุตรสาว จากนั้นก็เอนตัวนอนข้างนางพร้อมลูบปลอบเบา ๆ พลางกล่าวอย่างอบอุ่นว่า นอนเถิด แม่จะนอนเป็นเพื่อนเจ้า !
หลินเว่ยเว่ยตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ไม่ว่าเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้เท่าที่นางจำได้ยังไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผู้อื่นและครั้งนี้ต้องมานอนเตียงเดียวกับมารดาเสียได้
นางหวงสัมผัสได้ว่าบุตรสาวมีท่าทีแปลกไปจึงค่อย ๆ ลูบแขนของบุตรสาว จากนั้นก็ร้องเพลงเด็กที่ใช้สำเนียงทางตอนใต้ซึ่งเป็นบทเพลงที่คนฟังไม่รู้จักมาก่อน เพื่อหวังกล่อมและปลอบประโลมจิตใจของเด็กน้อย
ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยเปียกชื้นและร่างกายก็ค่อย ๆ ผ่อนคลาย หลินเว่ยเว่ยนอนซบมารดาและสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากกายของผู้เป็นมารดา นางสูดดมกลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์ของมารดาพร้อมฟังเพลงกล่อมจนในที่สุดนางก็ผล็อยหลับไป
หลินเว่ยเว่ยถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงร้องแสนเศร้าของเจ้าหนูน้อย ตอนนี้นางรู้สึกได้ว่าข้างกายมีคนนอนอยู่ด้วยและทันใดนั้นนางก็ลุกพรวดด้วยความตกใจ
ตอนต่อไป