ตอนที่ 41 บูชาหวงต้าเซียน
นางหวงได้ยินเสียงบุตรชายคนเล็กร้องไห้โฮก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเช่นกัน ด้วยความที่นางคิดว่าบุตรสาวคนรองจะตกใจจนขวัญเสียเพราะเสียงร้องของบุตรชายคนเล็ก นางจึงรีบลูบศีรษะอีกฝ่ายเพื่อปลอบประโลมแล้วกล่าวว่า ไม่ต้องกลัว ลูกแม่ไม่ต้องกลัว ขวัญเอ๋ยขวัญมา…
หลินเว่ยเว่ยรู้สึกเก้อเขินอยู่มิน้อยเมื่อได้ยินคำปลอบประโลมจากมารดา กระนั้นนางก็รีบลงจากเตียงแล้ววิ่งไปทางเสียงร้องไห้ทันที
ฮึก ฮือ…พี่รอง ! เด็กน้อยที่ร้องไห้ฟูมฟายน้ำหูน้ำตาไหลเต็มใบหน้าวิ่งเข้ามากอดหลินเว่ยเว่ยอย่างเศร้าเสียใจ กระต่ายน้อยของข้าตายแล้ว…มันโดนหวงต้าเซียนกัดตาย ฮึก ฮึก ฮืออ…
พี่สาวคนโตหยิบขนกระต่ายสีเทาก้อนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นก็สะบัดหน้าใส่ ข้าบอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าในหมู่บ้านของเรามีหวงต้าเซียนเยอะมาก เลี้ยงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กพวกนี้ไม่ได้ แต่พวกเจ้าไม่เชื่อข้าเอง ! วันนี้มันกัดตายไปหนึ่งตัว พรุ่งนี้มันก็จะมากัดตายอีกหนึ่งตัว พวกเจ้าคิดว่ารังกระต่ายของพวกเจ้าสามารถกันหวงต้าเซียนได้หรือ ผ่านไปไม่กี่วันพวกมันก็จะตายกันหมด ข้าคิดว่าพวกเราควรรีบนำมาฆ่าเพื่อทำอาหารดีกว่า จะได้ไม่เสียของ !
หลินเว่ยเว่ยรีบปลอบใจเด็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังคอกกระต่ายและพบว่ากระต่ายน้อยในนั้นหายไปหนึ่งตัวจริง ๆ บนพื้นเหลือทิ้งไว้เพียงรอยเลือดและเศษขนกระต่ายที่เหลืออยู่ไม่กี่ก้อนเท่านั้น
ในชาติที่แล้วตอนหลินเว่ยเว่ยเรียนมหาวิทยาลัย นอกจากเรื่องพืชศาสตร์แล้วยังเคยเรียนเรื่องสัตวศาสตร์ด้วย ดังนั้นนางจึงรู้ว่าตัววีเซลเหล่านี้ชอบออกหาอาหารตอนกลางคืนและพวกมันจะเดินไปตามคูน้ำเล็ก ๆ ที่ไม่มีน้ำอยู่ นอกจากนี้พวกมันยังชอบเดินไปตามเส้นทางเก่าที่คุ้นเคย หากพวกมันเจอรูก็จะเข้าไป แต่ถ้าพวกมันเจอเส้นทางที่โค้งขวางหน้าก็จะหยุด
หลินเว่ยเว่ยจึงไปตรวจดูสวนหลังบ้านอย่างระมัดระวังและพบเข้ากับรูขนาดเล็กตรงมุมที่ไม่โดดเด่นมากนัก ที่ข้างรูยังมีรอยเล็บของตัววีเซลอีกด้วย สัตว์ประเภทนี้อาฆาตพยาบาทและจดจำความแค้นได้เป็นอย่างดี หากจับมันได้แล้วปล่อยไปก็มีโอกาสสูงที่มันจะกลับมากัดสัตว์เลี้ยงอีก
หลินเว่ยเว่ยคิดได้เช่นนั้นจึงบอกเจ้าหนูน้อยว่า วันนี้ตอนที่เจ้าไปเกี่ยวหญ้าก็จับกบมาเพิ่มสักสองสามตัวแล้วเอาใส่ถังน้ำไว้ ตอนกลางคืนพวกเราจะเอากบเหล่านั้นให้เป็นอาหารแก่หวงต้าเซียน เพียงเท่านี้มันก็จะไม่มากัดกระต่ายและไก่ของพวกเราอีก
จริงหรือ ? เด็กน้อยยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้าเล็ก ๆ ก่อนจะถามพร้อมเสียงสะอื้น
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้ารับแล้วกล่าวต่อ หวงต้าเซียนเป็นสัตว์ฉลาด หากเจ้าเตรียมอาหารไว้ให้มันแล้วสวดภาวนาด้วยความจริงใจ มันจะต้องได้ยินเสียงอธิษฐานของเจ้าแน่นอน
เมื่อเด็กน้อยได้ยินเช่นนั้นก็รีบไปหยิบเคียวเกี่ยวหญ้าขึ้นมา จากนั้นก็ตั้งท่าจะออกไปเกี่ยวหญ้าและจับกบ ทว่าหลินเว่ยเว่ยเข้ามาขวางไว้แล้วกล่าวว่า เจ้าไปช่วยพี่ใหญ่ทำอาหารก่อน หลังจากทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจ้าจะได้มีพละกำลังทำอย่างอื่น !
หลินเว่ยเว่ยเอาแม่ไก่สองตัวไปไว้ในสุ่มหลังบ้าน จากนั้นก็ใส่ใบผักสองสามใบไว้ในสุ่มเพื่อเป็นอาหารไก่ ส่วนนางก็ยกถังน้ำขึ้นมาแล้วเดินขึ้นไปบนภูเขา
ด้วยความที่บ่อน้ำด้านล่างภูเขาเป็นแหล่งน้ำใกล้หมู่บ้านที่สุด ดังนั้นคนในหมู่บ้านจึงตักน้ำจากบ่อนี้ไปใส่ไร่นาของตนอยู่เป็นประจำ ส่งผลให้น้ำในบ่อตื้นเขินจนเห็นแต่ชั้นโคลน ดังนั้นนางจึงต้องไปตักน้ำในบ่อน้ำลึกบนภูเขาแทน
เดิมทีเหนือบ่อน้ำลึกบนภูเขามีน้ำตกที่กระแสน้ำเชี่ยวกราก แต่ในเวลานี้น้ำจากน้ำตกเริ่มแห้งเหือด ระดับน้ำลดน้อยกว่าตอนที่นางลืมตาตื่นมาในโลกนี้เสียอีก คราวนี้ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านก็เริ่มคิดไม่ตกไปตามตามกันแล้วว่าหากฝนยังไม่ตกลงมาอีก คราวนี้จะมิใช่แค่พืชผลที่ไร้น้ำรดเพราะแม้แต่น้ำดื่มกินก็คงไม่มีเช่นเดียวกัน
นางตักน้ำแล้วเดินขึ้นเดินลงระหว่างภูเขากับบ้านอยู่หลายครั้ง ทางเดินบนภูเขาทั้งขรุขระและลาดชัน หากเป็นชายหนุ่มผู้มีร่างกายกำยำในหมู่บ้านเดินขึ้นมาตักน้ำก็ยังต้องใช้กำลังไม่น้อย แต่นี่ไม่เกินมือหลินเว่ยเว่ยหรอก
ในที่สุดนางก็ค้นพบว่าการที่ตนมีแรงเยอะเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ ! เพราะคนอื่นต้องแบกถังน้ำเดินขึ้นเขาอย่างยากลำบาก แต่นางใช้เพียงมือข้างเดียวในการถือถังน้ำที่หนักกว่าหลายสิบชั่งได้และเดินขึ้นเขาอย่างสบาย นอกจากนี้นางยังสามารถกระโดดข้ามก้อนหินได้โดยที่น้ำในถังไม่หกเลยแม้แต่หยดเดียว
หลังจากที่นางตักน้ำขึ้นมาแล้วก็ไปยังมุมลับสายตาผู้คน จากนั้นก็แอบเอาน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณใส่ลงในถังน้ำที่ตักมา นางเองก็ไม่รู้ว่าน้ำในบ่อน้ำลึกนี้มีสิ่งปนเปื้อนอันใดหรือไม่ แต่ที่รู้คือน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณเป็นน้ำสะอาดและช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนางก็ก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นถังน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำสะอาดในมือกลับดูเบาหวิวคล้ายไร้น้ำหนัก ด้วยความที่นางอยากประหยัดเวลาจึงถือถังน้ำมาสองใบเท่านั้น แต่กระบุงที่นางสะพายไว้ด้านหลังก็ยังมีถังน้ำอีกหนึ่งถังด้วย ดังนั้นนางจึงสามารถตักน้ำได้พร้อมกันสามถังในรอบเดียว ขณะที่ชาวบ้านคนอื่นตักน้ำได้เพียงรอบละหนึ่งถังเท่านั้น นางใช้เวลาเดินขึ้นเขาเพียงสองสามรอบก็สามารถตักน้ำเติมถังใหญ่ได้เต็มทุกใบ
ในตอนที่นางตักน้ำกลับมารอบสุดท้ายก็เห็นนางเฝิงและบุตรชายรูปงามกำลังยื้อแย่งถังน้ำกันอยู่หน้าประตู
หลินเว่ยเว่ยเคยได้ยินมารดาเล่าให้ฟังว่าสงครามเมื่อสิบกว่าปีก่อนทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องเร่ร่อนพลัดถิ่นฐาน หลายครอบครัวต้องบาดเจ็บและล้มตาย ในขณะที่เกิดศึกสงครามยามนั้น นางเฝิงได้อุ้มบุตรชายวัยทารกหนีเอาชีวิตรอดออกมาจากสงครามอย่างยากลำบาก ร่างกายของนางจึงได้รับบาดเจ็บมิน้อย หลังจากลงหลักปักฐานอยู่ในหมู่บ้านฉือหลี่โกวแล้วก็ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาทำงานได้
เพื่อสร้างบ้านที่มีสองห้องนี้ นางได้ขายเครื่องประดับที่นำมาจากบ้านเกิดไปจนหมดเพราะนางไม่สามารถทำงานหนักได้ โชคดีที่นางมีฝีมือเย็บปักจึงสามารถปักผ้าหาเลี้ยงตนและบุตรชายได้
เมื่อก่อนบ่อน้ำที่นางเฝิงตักมาเพื่อดื่มกินเป็นประจำนั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้าน ต่อให้ตักน้ำและถือมาได้เพียงครึ่งถังก็แค่เดินหลายรอบหน่อยเท่านั้น ทว่าตอนนี้ร่างกายของนางเฝิงเริ่มอ่อนแอตามอายุที่มากขึ้น ขนาดว่าขึ้นไปบนเขายังหอบหายใจจนแทบทนไม่ไหวแล้วจะไปตักน้ำบนเขาสูงได้อย่างไร ?
ขณะเดียวกันเจียงโม่หานผู้ที่ได้กลับชาติมาเกิดอีกครั้งย่อมไม่ยอมให้มารดาต้องมาทำงานหนักอีก เขาจึงพยายามแย่งถังน้ำมาเพื่อจะขึ้นเขาไปตักน้ำเอง แต่เนื่องจากเขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมา แม้ท่านหมอเหลียงบอกว่าอาการมิได้รุนแรงมากนัก แต่ก็แนะนำให้เขานอนพักผ่อนอยู่บนเตียงเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่า นางเฝิงจึงไม่ยอมให้เขาขึ้นไปตักน้ำเป็นอันขาด ดังนั้นทั้งสองจึงยื้อแย่งถังน้ำกันอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานเพราะต่างคนต่างไม่ยอมกัน
หลินเว่ยเว่ยเทน้ำในถังลงถังใหญ่ในบ้านแล้วถือถังน้ำออกมาอีกครั้ง จากนั้นนางก็ขึ้นไปบนภูเขาใหม่จึงทำให้พี่สาวเกิดอาการงงงวยเพราะไม่เข้าใจว่าน้องสาวขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้งเพื่อเหตุใด ทั้งที่น้ำของบ้านก็เต็มแล้ว
จนกระทั่งนางเห็นว่าหลินเว่ยเว่ยถือถังน้ำที่ภายในเต็มไปด้วยน้ำใสสะอาดเดินผ่านบ้านของตนไปยังบ้านข้าง ๆ ดังนั้นปากของนางจึงลอบก่นด่าเบา ๆ ว่า เด็กโง่ ! ไปทำตัวเป็นลูกกตัญญูของคนอื่นอีกแล้ว ! น่าเสียดายที่ต่อให้เจ้าทำดีมากเพียงใด เขาก็คงไม่สนใจและยกเจ้าเป็นสะใภ้ของบ้านหรอก !
ตอนที่หลินเว่ยเว่ยถือถังน้ำไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านของพวกเขา ทั้งสองยังทำหน้าแง่งอนใส่กันอยู่ หลินเว่ยเว่ยจึงกล่าวว่า น้าเฝิง พวกท่านหลีกทางให้ข้าหน่อย !
นี่…นี่เจ้าตักน้ำมาให้ข้าหรือ ? นางเฝิงเห็นว่าอีกฝ่ายเอาน้ำในถังมาเทใส่ถังใหญ่ที่บ้านของตน นางจึงรีบวิ่งเข้าหาแล้วห้ามว่า ไม่ต้อง เด็กดี ข้าไม่รบกวนเจ้าหรอก…
ไม่เป็นไร ! นอกจากข้าจะมีพละกำลังที่เหลือเฟือแล้วก็ไม่มีความสามารถอื่นอีก เวลาข้าถือน้ำสองถังก็ไม่ต่างจากตอนที่เสี่ยวหานของท่านถือตำราเดินท่อง ข้าไม่เหนื่อยหรอก ! ให้ข้าวิ่งขึ้นลงเขาเยอะหน่อยก็ดี ข้าจะได้ลดความอ้วนบ้าง ! หลินเว่ยเว่ยกล่าวแล้วตบเนื้อนิ่ม ๆ ที่เอวของตน
นางเฝิงที่เห็นเช่นนั้นจึงขบขันกับท่าทีของอีกฝ่าย เด็กน้อย เจ้าจะลดน้ำหนักไปไย ? การที่เจ้าอวบอ้วนเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นโชคดีแล้วมิใช่หรือ ?
ความโชคดีคือสิ่งที่มนุษย์ใช้สองมือสร้างขึ้นมาเองต่างหาก ไม่เกี่ยวกับความอ้วนเลย อีกอย่างท่านหมอก็บอกไว้แล้วว่าหากข้าอ้วนเกินไปย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพ น้าเฝิงในเมื่อท่านสนิทสนมกับท่านแม่ของข้า เช่นนั้นพวกท่านก็เปรียบเสมือนพี่น้องกันและท่านมีศักดิ์เป็นน้าของข้า เหตุใดท่านต้องเกรงใจหลานสาวของตนด้วย ? เอาเป็นว่าก่อนที่เสี่ยวหานจะรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี ข้าจะขอรับหน้าที่ตักน้ำให้พวกท่านเอง ! หลังจากที่หลินเว่ยเว่ยกล่าวจบก็ยกถังน้ำขึ้นมาแล้วเดินออกไปตักน้ำบนภูเขามาเทเพิ่ม
เมื่อนางเดินผ่านเจียงโม่หานก็ยังมิวายที่จะหันไปขยิบตาให้เขาราวกับสาวแรกรุ่นที่หยอกเย้าเด็กหนุ่ม
เจียงโม่หานเห็นเช่นนั้นก็หมดคำที่จะกล่าวทันที
ดวงตาของเด็กอ้วนผู้นี้มีอันใดผิดปกติหรือไม่ ? เหตุใดทุกครั้งที่นางเห็นเขาก็ต้องตาเป็นประกายระยิบระยับเพียงนั้น หรือว่ามีสิ่งใดปลิวเข้าตานาง !
ตอนต่อไป