ตอนที่ 85 ตระหนี่

ตอนที่ 85 ตระหนี่

ไม่ว่ายังไงซูเถาก็นอนไม่หลับ

เธอนอนเหงื่อออกอยู่บนเตียงที่บ้านพักรับรองเพราะความร้อน เธอลุกขึ้นแล้วนำเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาถ่ายรูปคราบเหงื่อที่เป็นดวงอยู่บนผ้าปูที่นอน

แม้แต่เสวี่ยเตาก็ยังนอนหงายและแลบลิ้นอยู่บนพื้น

กวานจือหนิงก็พลิกตัวและลุกขึ้นนั่ง “นอนไม่ได้เลย มันร้อนเกินไป”

ซูเถารู้สึกวิงเวียนศีรษะและไม่มีเรี่ยวแรง

“พวกเรากลับไปนอนที่รถกันเถอะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

เธอนอนไม่หลับมาหลายคืน ระหว่างวันก็กินอะไรไม่ได้ เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอถึงขีดสุดแล้ว

หลังจากที่เธอเก็บของแบบลวก ๆ เธอก็ส่งข้อความถึงสือจื่อจิ้นอีกครั้ง

ตอนแรกคิดว่าเขาคงหลับไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าทันทีที่เธอกดส่งข้อความไป เขาก็ตอบกลับมาทันทีภายในเวลาไม่กี่วิ

“คุณไม่สบายตรงไหน มาที่โถงทางเดินให้ผมดูหน่อย”

ซูเถาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ เธอเปิดประตูและเห็นสือจื่อจิ้นยืนอยู่ที่โถงทางเดิน แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมกับถือเครื่องมือสื่อสารในมือ

เขาเดินเข้ามาแตะเข้าที่หน้าผากของเธอด้วยหลังมือของเข้าและขมวดคิ้ว

“คุณมีไข้นิดหน่อย อาจจะเป็นฮีทสโตรก แล้วคุณยังไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า”

ซูเถารู้สึกวิงเวียนและใจสั่นอย่างรุนแรง ก่อนที่เธอจะได้ตอบ ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็มืดสนิท ร่างกายไม่สามารถทรงตัวได้อีกต่อไป

สือจื่อจิ้นรีบอุ้มเธอเอาไว้ในอ้อมแขน

เมื่อเห็นสิ่งนี้ กวานจือหนิงก็รีบเดินไปข้างหน้าเพื่อสัมผัสหน้าผากของอีกฝ่ายและสอดมือไปที่หลังคอเสื้อด้านหลัง กวานจือหนิงรู้สึกได้ถึงเหงื่อเปียกชื้นที่ฝ่ามือ ราวกับว่าเพิ่งจับซูเถาขึ้นจากน้ำ

“ไม่ได้การแล้ว พลตรีสือรีบพาเธอไปที่รถโดยเร็ว เดี๋ยวฉันจะไปถามที่ฝ่ายพลาธิการเพื่อขอยาลมฮั่วเซียงเจิ้งชี่สุ่ย”

ซูเถาเป็นลมหมดสติ เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองได้อยู่บนรถแล้ว

เครื่องปรับอากาศถูกเปิดอยู่ มีลมพัดเย็น ๆ พัดโชยมา ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นในทันที

เธอมองไปยังสือจื่อจิ้นที่อยู่ข้าง ๆ เธอ “สุขภาพร่างกายของฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะตายกลางทางหรือเปล่า?”

ใบหน้าของสื่อจื่อจิ้นสลด “คุณยังมีแรงที่จะพูดเล่นกับผม ดูเหมือนว่าคุณจะดีขึ้นมาก ลุกขึ้นมาดื่มน้ำก่อน ดื่มน้ำเยอะ ๆ”

ซูเถารับแก้วน้ำไว้ในมือ แล้วเธอก็ดื่มจนหมดภายในอึกเดียว

“กองกำลังแบ่งแยกดินแดนของโส่วอันมีเงินมากไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมให้บ้านพักรับรองโทรม ๆ แบบนี้ล่ะ ไฟฟ้านี่ใช้ไม่ได้หรือไง?”

ถึงจะไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่ขอให้มีวงจรไฟฟ้าหน่อย เธอจะได้ต่อวงจรหรืออะไรสักอย่าง เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องมาฮีทสโตรกแบบนี้

พูดไม่ออกเลยจริง ๆ

เมื่อเห็นว่าเธอสดชื่นขึ้นมากแล้ว สือจื่อจิ้นก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วรินน้ำให้เธออีกแก้ว

“ผู้กุมอำนาจที่แท้จริงของโส่วอันชื่อว่า เก๋อไห่ปิน เขาเป็นพี่ชายคนโตของสามีเจียงชิงเซียง เป็นคนที่คุณเห็นวันแรกที่เข้ามาในเมือง คนอ้วน ๆ คนนั้น เขาเป็นผู้ชายที่ขี้เหนียวมาก เรียกได้ว่ารักเงินมากพอ ๆ กับชีวิต”

“อย่าว่าแต่ให้ที่พักกับคนนอกอย่างเราเลย บ้านเขาก็ไม่ติดเครื่องปรับอากาศหรือแม้แต่พัดลม เขายอมทนกับความร้อนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดการใช้ทรัพยากร เขาไม่เคยสร้างสาธารณูปโภคให้โส่วอันเลย พวกวงจรไฟฟ้านี้ก็มีไว้สำหรับคนรวยเท่านั้น แม้แต่พวกระบบแลนหรือเครือข่ายท้องถิ่นของโส่วอันเอง ก็ยังต้องได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังแบ่งแยกดินแดนคนอื่น ๆ ไม่เช่นนั้นโส่วอันก็ยังคงถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก”

ซูเถาตกตะลึง “แล้วเขาทำอะไรถึงมีเงินมากขนาดนั้น?”

เธอเป็นพวกเก็บเงินไม่อยู่ เมื่อมีเงินอยู่ในมือเธอก็เอาแต่จะสร้างนู่นสร้างนี่

นอกจากนี้เธอยังคิดไม่ออกว่าจุดประสงค์ของการหาเงินจำนวนมากมาแล้วไม่ใช้ มันคืออะไร

สือจื่อจิ้นกล่าวว่า “คงเป็นเพราะความตระหนี่ของเขา เขายังจ้องน้ำและน้ำมันเชื้อเพลิงของเราตาเป็นมัน เขาเอ่ยปากขอกับผมหลายครั้งแล้วแต่ว่าผมไม่ได้ให้ เขาก็เลยไม่ยอมปล่อยตัวเจี่ยนไคอวี่มาให้เรา และกักขังเขาเอาไว้”

“สุดท้ายแล้วคุณตกลงเจรจากันยังไง?”

สือจื่อจิ้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เอาความรุนแรงเข้าข่ม ถ้าไม่ปล่อยคนของเราออกมาก็จะเปิดศึก แต่ผมรู้ว่าเก๋อไห่ปินเขาไม่เลือกทางนั้นหรอก เขาไม่ยอมเสียยุทธปัจจัยแน่”

ซูเถายอมให้เขาเลย “สมกับที่เป็นคุณจริง ๆ สงครามจิตวิทยาดีเยี่ยม”

“ตอนนี้เขายอมประนีประนอมและสัญญาว่าจะปล่อยตัวเขาในวันพรุ่งนี้ แต่มันก็ยากที่จะบอกได้ว่าเขามีเจตนาอื่นหรือไม่ ดังนั้นวันพรุ่งนี้ในคุณรออยู่ในรถ ไม่ต้องลงไปรับเขากับพวกเรา พักผ่อนให้ดี”

ในขณะที่เขากำลังพูด กวานจือหนิงก็ได้นำยาลมฮั่วเซียงเจิ้งชี่สุ่ยมาให้

ซูเถารับมาแล้วดื่มไปครึ่งหนึ่ง เธอทำใจไม่ได้ที่จะดื่มให้หมด แต่ยานี้ก็มีราคาแพงมาก ราวกับว่าเธอกำลังกินเงินเข้าไป

สือจื่อจิ้นมองเธอและรีบเร่งเร้า “รีบดื่มเข้าสิ ถือซะว่าผมเลี้ยง คุณไม่ต้องจ่ายเงิน”

ซูเถาสงสัยว่ามันจะมีใครที่ไหนมาเลี้ยงยาคนอื่น แต่เธอก็ดื่มจนหมดภายในอึกเดียว

และหลังจากนั้นเธอก็หลับฝันดีบนรถภายในครึ่งคืนหลัง

สงสารก็แต่หลินฟางจือ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาและออกมาจากห้วงมิติของเขา เขาก็พบว่าซูเถาไม่ได้อยู่ในบ้านรับรอง

เขาพูดไม่ค่อยเก่ง ไม่ค่อยรู้จักใคร หายังไงก็หาไม่เจอ เขากระวนกระวายจนแทบจะร้องไห้

ท้ายที่สุดเขาก็เจอกับใครสักคน เขาไปแจ้งกับสือจื่อจิ้น สือจื่อจิ้นก็เลยพาเขาไป

เมื่อหลินฟางจือเห็นเขา ดวงตาก็กลายเป็นสีแดง เขามีความรู้สึกกลัวและรู้สึกผิด เขาถามสือจื่อจิ้นว่า “เธอล่ะ?”

สือจื่อจิ้นไม่แสดงออก

“เธอไม่สบาย ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่ในรถ เดี๋ยวฉันจะพานายไปที่นั่น แต่ว่าต้องเงียบหน่อยล่ะแล้วก็อย่ารบกวนเธอ”

หลินฟางจือตกตะลึง ป่วยเหรอ?

ในการรับรู้ของเขา คำว่าป่วยแสดงว่าจะต้องตาย

ในอดีต เขาเคยได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งที่ล้มป่วย เริ่มแรกเธอยังสามารถให้อาหารเขากิน ลูบศีรษะของเขา แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ไม่สามารถพูดหรือเคลื่อนไหวร่างกายได้ ร่างกายของเธอค่อย ๆ เย็นและแข็งตัว

เขาคิดว่าเธอนั้นแค่หลับไป เขาอุ้มเธอไปไกลจนกระทั่งมีคนมาบอกว่า เขานั้นกำลังหามคนตาย

ตอนนั้นเองที่เขารู้ว่าเมื่อล้มป่วยก็จะต้องตายจากไป

จะตาย!

เมื่อเขานึกถึงสิ่งนี้ หลินฟางจือก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้าของเขาซีดเซียวราวกับเลือดของเขาถูกระบายออกไปจนหมด

สือจื่อจิ้นตกใจเพราะคิดว่าเขามีอาการป่วยกะทันหัน แต่เมื่อเขากำลังตรวจดูอาการ ก็พบว่าเขากำลังร้องไห้ตะโกน

“เถา…”

สือจื่อจิ้นเข้าใจในทันใด สีหน้าที่ไม่สู้ดีนักจึงเขาจับมือของหลินฟางจือแล้วพาเขาไปที่ขบวนรถ ไปที่ข้าง ๆ รถจี๊ป

“เธออยู่บนนั้น ตอนที่นายแค่ดูแต่อย่าเคลื่อนไหวเกินไป”

หลินฟางจือปีนขึ้นไปแล้วเอาหน้าแนบเข้ากับกระจก เขาเห็นคนนอนแน่นิ่งอยู่ด้านใน ก็เขาคิดว่าเธอตายแล้ว

ดังนั้นเขาจึงสลัดคำพูดของสือจื่อจิ้นออกจากความคิด จากนั้นเปิดประตูรถโครมครามแล้วพุ่งตัวเข้าไปข้างใน กอดซูเถาเอาไว้แน่น

“เถา…เถาจื่อ!”

ซูเถานอนหลับสนิท แต่เมื่อถูกกอด แรงกระชากนั้นทำให้ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับประตูรถ และทันใดนั้นเธอก็ลืมตาขึ้นมอง

ดวงตาของสือจื่อจิ้นจ้องเขม็ง เขาก้าวขึ้นไปบนรถแล้วดึงหลินฟางจือออกมาแล้วเหวี่ยงเขาลงที่พื้น

“นายอยากตายหรือไง?”

ซูเถาขยี้ศีรษะของตนเองแล้วลุกขึ้นนั่งทันใด “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

หลินฟางจือลุกขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแหบแห้งของเธอ เขารีบวิ่งไปนอนลงบนขาของซูเถาพร้อมกับสะอื้นไห้

ดีจัง ยังไม่ตาย…

สือจื่อจิ้นดึงตัวเขาออกมาอีกครั้งและโยนเข้าลงกับพื้น

หลินฟางจือร้องไห้ น้ำตานองทั่วใบหน้า เขารีบลุกขึ้นอย่างอดไม่ได้แล้วจะพุ่งตัวไปอีกครั้ง

ซูเถาขัดจังหวะแล้วมองไปที่สือจื่อจิ้น

“คุณไปรังแกเขาทำไม? ดูเขาสิ คุณรังแกจนเขากลายเป็นแบบนี้”

สือจื่อจิ้นรู้สึกหายใจติดขัด เขามองไปยังพระอาทิตย์ที่สดใสและอากาศที่ร้อนผ่าว เขารู้สึกว่าหิมะควรจะตกลงมาให้เขาสักหน่อย