พอเขาพูดจบ ตู้รั่วหานรู้ชะตาตัวเองเลยว่า ต้องเจอกับความซวยแน่นอน
เขาละเกลียดปากตัวเองจริงๆ ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ดันมาพูดจาขวานผ่าซากเสียได้!
แล้วก็ตามคาด ขณะที่เทศมนตรีหลัวพยายามจะเข้ามาไกล่เกลี่ยนั้น ตู้รั่วหานก็ถูกผู้ว่าจวงออกคำสั่งให้คนของเขามา “ ปรนนิบัติ” ตามแบบฉบับของเขาไปแล้ว
แม้เทศมนตรีหลัวจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่ก็ไม่วายพยายามรักษาหน้าตัวเองไว้ พลางเอ่ยถาม “ท่านจะส่งคนไปสืบไหม”
จวงเซี่ยนจือทำท่าปฏิเสธ พลางเอ่ย “เจ้าเด็กนั่นพูดความจริงเสียที่ไหนกันล่ะ”
เทศมนตรีหลัวเลิกมุมปากขึ้นพลางคิดในใจ ท่านชายตู้บอกว่าข้อสอบที่ท่านเป็นคนออกนั้นสุดแสนจะโหดและพิสดาร ซึ่งนั่นเป็นความจริงล้วนๆ เลยล่ะ…
ตัดภาพมาที่กู้เจียวผู้ซึ่งไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองผิงเฉิงแม้แต่น้อย ตอนนี้นางกำลังมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านเวินเฉวียนซาน
วันนี้เมื่อตอนเช้า เถ้าแก่รองมาหานางถึงที่เรือน เพื่อคุยเรื่องออกตรวจของเดือนนี้ “…ข้ารู้ว่าพวกเราเคยตกลงกันไว้ว่าแค่ออกตรวจเฉยๆ แต่อาการของท่านชายกู้เจ้าก็รู้ดี เขาไม่สามารถเดินทางออกมารักษาที่ข้างนอกได้”
เถ้าแก่รองยังไม่รู้เรื่องที่กู้เหยี่ยนเคยมาหานางเพื่อทำการรักษาเมื่อไม่นานมานี้
กู้เจียวทำหน้านิ่ง พลางเอ่ย “ตกลง”
“เอ๋” เถ้าแก่รองรู้สึกตกใจ เหตุใดครั้งนี้ถึงได้คุยง่ายขนาดนี้ล่ะ
เขาอุตส่าเตรียมคำพูดมาโน้มน้าวนางตลอดทาง เลยอดใช้เลย
วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส รถม้าเคลื่อนตัวได้เร็ว ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เดินทางมาถึงหมู่บ้าน
ผู้คนที่หมู่บ้านมีท่าทีต่อพวกเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก ทหารยามที่เคยเจอครั้งนั้นแม้จะยังมีสีหน้าดุดันตามเดิม แต่ท่าทีของเขาดูสุภาพและเป็นกันเองมากขึ้น
สาวใช้ที่ออกมารับพวกเขาวันนี้ คือคนเดียวกันกับครั้งก่อน ที่นามว่าอวี้หย่าเอ๋อร์
อวี้หย่าเอ่อร์พากู้เจียว เถ้าแก่รอง และหมอเฒ่าไปนั่งรอที่ศาลาที่อยู่ในสวนดอกไม้ “ท่านชายกำลังแช่น้ำอุ่นอยู่ โปรดรอสักครู่นะเจ้าคะ ข้าจะให้คนไปบอกท่านชายให้ทราบ”
อวี้ย่าเอ๋อร์เดินไปส่งข่าวให้ท่านชาย พลางกำชับสาวใช้อีกคนให้เข้าครัวไปหยิบขนมมารับแขก
เถ้าแก่รองชิมขนมเปี๊ยะกุหลาบ พอชิมเสร็จก็หุบยิ้มไม่ได้เลย
“อร่อยขนาดนั้นเชียวรึ” กู้เจียวสงสัย
เถ้าแก่รองหัวเราะ “ขนมของจวนโหว ราคาไม่ได้อยู่ที่ความอร่อย แต่อยู่ที่ความหายากต่างหากล่ะ”
“เอ๋ง! เอ๋ง!”
จู่ๆ เกิดเสียงร้องประหลาดดังลอดเข้ามาในสวนดอกไม้
หมอเฒ่าเอ่ยด้วยความสงสัย “เสียงอะไรน่ะ”
เถ้าแก่รองพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ก็ไม่ได้ยิน
“ข้าไปดูเอง” กู้เจียวเอ่ย
พอเดินไปตามต้นเสียงไม่นาน ก็เจอเข้าให้กับบางอย่างที่กำลังติดอยู่ในพุ่มไม้
เป็นลูกหมาตัวน้อยที่ดูเหมือนจะเพิ่งเกิดได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าทำท่าไหนถึงมาติดอยู่ในพุ่มไม้ตรงนี้ได้ และที่แย่ไปกว่านั้นคือตรงพุ่มไม้เต็มไปด้วยเศษกิ่งไม้แหลม ยิ่งเจ้าหมาน้อยดิ้นเท่าไหร่ พวกเศษแหลมๆ นั่นก็ยิ่งจิ้มโดนที่เนื้อหนังของมัน
มันคงเจ็บปวดน่าดู จนถึงกับร้องเอ๋งๆ ออกมา ดวงตาของมันมีน้ำตารื้น พอเห็นว่ามีคนเดินมาหา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจหรือเพราะตื่นเต้น เจ้าหมาน้อยแลบลิ้นออกมา แต่ลิ้นของมันดันถูกเศษหนามจิ้มเข้าให้ ทีนี้เจ้าหมาน้อยเลยเจ็บหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
“โถๆ เจ้าหมาน้อยแสนโง่เอ๋ย” กู้เจียวคุกเข่าพลางยื่นมือเข้าไปลูบหัวมัน “อย่าเพิ่งขยับล่ะ”
แต่เจ้าหมาน้อยไม่รู้ภาษาคน ยังคงขยับตัวไปมาเหมือนเดิม แล้วก็โดนเสี้ยนหนามทิ่มเหมือนเดิม
ถ้าจะช่วยเจ้าหมาน้อย กู้เจียวต้องแหวกพุ่มไม้ออกให้กว้าง จากนั้นพอช่วยได้แล้ว ก็ต้องคอยดึงเศษหนามเศษไม้ออกจากลำตัวของเจ้าหมาน้อยอีก
พอกู้เจียวหาจุดที่จะลงมือได้แล้ว ก็เริ่มค่อยๆ แหวกพุ่มไม้นี้ออกไป
และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเด็กสาวสวมชุดสีอ่อนเดินเข้ามา พลางตะโกน “ใครน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
กู้เจียวไม่หยุด
กู้เจียวที่สะพายตะกร้าไว้ด้านหลัง แต่งตัวเหมือนหญิงสาวชนบททั่วไป
เด็กสาวรู้สึกคุ้นตากับการแต่งตัวแบบนี้ แต่ไม่ได้เอะใจอะไร พลางเดินดุ่มๆ เข้าไปใกล้กู้เจียวมากขึ้น แล้วคว้าตะกร้าที่กู้เจียวสะพายพลางเอ่ย “ข้าบอกให้เจ้าหยุด เจ้าไม่ได้ยินรึไง”
กู้เจียวค่อยๆ เอี้ยวตัวหันหน้าไปหาต้นเสียงด้วยสายตาอำมหิต จนเด็กสาวเกิดสะดุ้งโหยงมือไม้ขยับมั่วซั่ว
สักพัก เด็กสาวก็นึกหน้านางออก “เจ้านี่เอง”
กู้เจียวเองกเช่นกัน นางคือคนที่เข้ามาค้นกระเป๋าของกู้เจียวโดยพละการแถมยังยัดเยียดความให้ดื้อๆ นางคือคนสนิทของกู้จิ้นอวี้ อวี้หรู
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” อวี้หรูขมวดคิ้ว พลางนึกขึ้นได้ว่าเมื่อได้ได้ยินมาว่ามีหมอจากหุยชุนถังมาตรวจอาการให้ท่านชาย “อ่อ เจ้าเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ มิใช่รึ ไม่ต้องมาที่นี่ทุกรอบก็ได้!”
กู้เจียวไม่อยากเสวนากับนาง แล้วจัดการพุ่มไม้นั่นต่อ
อวี้หรูตะเบ็งเสียงใส่ “เจ้าทำอะไรน่ะ ในนั้นมีดอกไม้ของนายหญิงอยู่นะ! ถ้าเจ้าทำมันตาย เจ้าจะชดใช้ยังไง”
“เอ๋ง! เอ๋ง!”เจ้าหมาน้อยยังคงร้องด้วยความเจ็บ
อวี้หรูเห็นแล้วว่ามีสุนัขอยู่ตรงนั่น พลางแสยะยิ้ม “เพื่อหมาจรจัดตัวเดียวเนี่ยนะ นั่นหมาเจ้ารึ เหมาะกับเจ้าดีนี่! เจ้ารู้หรือไม่ว่าดอกโบตั๋นของนายดอกนึงมีมูลค่าเท่าไหร่ เอาเจ้ากับหมาจรจัดนี่ไปขายยังไม่ได้…”
หนวกหูจริงๆ
กู้เจียวขมวดคิ้วแสดงความรำคาญ จากนั้นออกแรงดึงรั้วพุ่มไม้นั้นขึ้นมา
“เจ้า” อวี้หรูพุ่งตัวเข้าไปที่กู้เจียว
กู้เจียวพยายามดึงรั้วพุ่มไม้โดยที่ไม่ไปแตะบริเวณดอกโบตั๋น แต่พออวี้หรูพุ่งเข้ามา เลยกลายเป็นว่ารั้วทั้งแผงเกิดหลุดออกไป ทำให้ดอกโบตั๋นพุ่มนึงเกิดร่วงหลุดลงมา
พุ่มนั้นเป็นพุ่มที่บานสวยที่สุดเสียด้วย
อวี้หรูหน้าซีด
จึงรีบถอยตัวออกมาหลายก้าว พยายามพาตัวออกห่างให้มากที่สุด เอามือป้องปากตัวเอง จากนั้นก็ชี้ไปที่กู้เจียว “เจ้า…เจ้าทำลายดอกไม้ของนายหญิง!”
“เจ้าต่างหากเป็นคนทำ! ใส่ร้ายคนอื่นทำไม!”
เป็นเสียงตะโกนของอวี้หย่าเอ่อร์
นางเพิ่งไปแจ้งข่าวกับท่านชายกู้เหยี่ยน เขาเลยรับสั่งให้นางพาพวกเขาไปที่บ่อน้ำพุร้อน แต่ก็บังเอิญมาเห็นเหตุการณ์เข้าเสียก่อน
“หน้าไม่อาย!” อวี้หย่าเอ๋อร์ตะโกนด่าย้ำ
อวี้หรูเป็นสาวใช้คนสนิทของกู้จิ้นอวี้ พวกบ่าวทั้งหลายไม่มีใครกล้าพูดจากับนางแบบนี้
อวี้หรูเริ่มหน้าเสีย “นางเป็นคนทำต่างหาก! นางเป็นคนดึงรั้วขึ้นมา! ไม่เชื่อเจ้าก็ลองถาม…ถามพวกเขาดูสิ! พวกเขาเห็นทุกอย่าง!”
อวี้หรูชี้ไปทางพวกบ่าวที่มายืนมุงอยู่รอบทิศซึ่งไม่รู้ว่ามากันตั้งแต่เมื่อไหร่
นางอยากให้พวกเขาเป็นพยานให้
อวี้หย่าเอ่อร์ท้าวเอว “ก็เอาสิ ไหนพวกเจ้าว่ามาซิ ใครเป็นคนทำ!”
พวกบ่าวพากันก้มหน้าก้มตา
อวี้หรูนั้นมีคุณหนูกู้จิ่นอวี้คอยหนุนหลังอยู่ ไม่มีใครยอมออกหน้าเพื่อเด็กผู้ช่วยหมอตัวเล็กๆ หรอก
ไม่ใช่เป็นเพราะกู้เหยี่ยนน่าเกรงขามน้อยกว่ากู้จิ่นอวี้ แต่กู้เหยี่ยนก็ไม่ได้ให้อวี้หย่าเอ๋อร์แสดงออกเช่นนี้นี่นา มิหนำซ้ำ ท่านชายกู้เหยี่ยนน่ะไม่ชอบพวกสัตว์เล็กสัตว์น้อยแบบนี้ที่สุดเลย
อวี้หรูเค้นเสียงหัวเราะ “เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ เป็นฝีมือนาง!”
แต่กู้เจียวกลับไม่สนใจว่ารอบๆ จะเกิดอะไรขึ้น นางพยายามช่วยดึงเศษไม้เศษหนามอกจากลำตัวของหมาน้อย จากนั้นใช้ผ้าสะอาดห่อหุ้มที่ร่างของมัน
มีรอยเลือดซึมเปื้อนออกมาบนผ้า
“เอ๋ง…เอ๋ง…” ลูกหมาตัวน้อยร้องน้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ
เถ้าแก่รองกับแม่นมเดินออกมาพอดี
แม่นมยังจำได้ฝังใจเรื่องที่กู้เจียวเคยปีนขึ้นไปบนเตียงของท่านชาย นางจึงไม่ได้รู้สึกประทับใจกับกู้เจียวมากนัก พอเห็นกู้เจียวกำลังอุ้มหมาจรจัดที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลก็ยิ่งรู้สึกขัดใจ “ทำไมไม่ปล่อยมันไปล่ะ”
แม่นมพูดกับกู้เจียวและเถ้าแก่รอง
เถ้าแก่รองรู้อยู่แก่ใจว่ากู้เจียวไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่
นางเป็นเด็กที่รับได้แต่กับไม้อ่อน ใครมาไม้แข็งกับนาง แถมยังพูดจาดุดันกับนาง ลงเอยไม่สวยแน่นอน
“เอามาให้ข้าเถอะ เดี๋ยวข้าพามันไปไว้ที่รถม้าเอง” เถ้าแก่รองยื่นมือรอรับลูกหมาน้อยในห่อผ้า
แต่กู้เจียวกลับไม่ยื่นให้เขา
แม่นมเอ่ยเสียงแข็ง “ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะ เอาสัตว์เดรัจฉานนี่ออกไปจากที่นี่ซะ! ไม่งั้นพวกเจ้าก็ออกไปพร้อมกันเลย!”
“เจ้าจะไล่ใครออกไปงั้นรึ”
สิ้นเสียงเมื่อครู่ ท่านชายกู้เหยี่ยนปรากฏตัวขึ้นยามนั่งอยู่บนเกี้ยวเล็กที่บ่าวกำลังแบกและกำลังเคลื่อนตัวมาทางนี้