บทที่ 75 ลูกหงส์ทั้งเก้า(ต้น)
หรือนี่คือสัตว์ในตำนานโบราณของจีน จ้าววายุ?
ในฐานะคนที่ท่องโลกอินเตอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ซูอัน จึงเคยดูซีรีส์เรื่อง จีนเรื่องหนึ่ง ที่พูดถึงเกี่ยวกับสัตว์ในตำนานมาก่อนแถมเขายังเคยไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตว์เทพพวกนี้
เมื่อเขานึกย้อนไปถึงคำอธิบายรูปร่างของ จ้าววายุ ที่ปรากฎในหนังสือ มันก็ค่อนข้างคล้ายกับรูปร่างของนกอันแปลกประหลาดที่ประทับอยู่บนร่างของเขา
จู่ ๆ ก็มีความคิดผุดขึ้นมาในใจของ ซูอัน
ตามตำนาน มังกรมีบุตรเก้าตน ส่วนหงส์ก็มีลูกเก้าตัวเช่นกัน ตัวแรกคือนกยูง ตัวที่สองคือครุฑ ตัวที่สามคือหงส์เพลิง ตัวที่สี่คือหงส์ทอง ตัวที่ห้าคือ
ฉิงหลวน ตัวที่หกคือหงส์อัสนี ตัวที่เจ็ดคือ นกกระจิบร้อยเสียง ตัวที่แปดคือเป็ดสีคราม และตัวที่เก้าคือ จ้าววายุ!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ได้ ซูอัน ก็เพิ่งจะเอะใจได้ว่าเคล็ดวิชาที่เขาฝึกฝน
มันน่าจะมีอะไรเกี่ยวกับตำนานของหงส์แน่นอนไม่งั้นรอยประทับของ จ้าววายุ คงจะไม่ปรากฏขึ้นบนร่างกายหลังจากที่ระดับการบ่มเพาะของเขาข้ามผ่านจุดสูงสุดของระดับที่สองแบบนี้
มีความเป็นไปได้ที่รอยประทับลูกของหงส์ตัวอื่นๆจะปรากฏขึ้นทุกครั้ง
ที่เขาบ่มเพาะข้ามผ่านจุดสูงสุดของแต่ละระดับนับจากนี้ อย่างไรก็ตามรอยประทับของลูกหงส์เหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร? มันคงไม่ใช่แค่มีเอาไว้ขู่ให้คนอื่นกลัวหรอกใช่ไหม?
แต่ก็นึกขึ้นได้อีกว่าคนอื่นๆนอกจากตัวเขาไม่สามารถมองเห็นอักขระ
ที่ประทับอยู่บนร่างกายของเขาได้ดังนั้นถ้าพูดกันตามหลักเหตุผลแล้วคนอื่น ๆก็ไม่น่าจะเห็นรอยประทับของ จ้าววายุ ที่อยู่บนร่างกายของเขาเช่นกัน ซึ่งมันคงไม่ใช่เหตุผลนี้
ทันใดนั้น ก็มีอีกความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเขา ชายหนุ่มเริ่มโคจร
พลังชี่ของตัวเองไปยังรอยประทับของ จ้าววายุ ซึ่งในทันทีที่มันถูกกระตุ้นด้วยพลังชี่ ดวงตาที่ดุร้ายของ จ้าววายุ ก็สว่างโร่ขึ้นในทันใด หลังจากนั้นร่างเงาของจ้าววายุ ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา
ซูอัน ดีใจมากที่เห็นว่ามันใช้งานได้จริง!
แต่ร่างเงานี้ทำอะไรได้บ้าง? มันจะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเขางั้นเหรอ?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาสั่งให้จ้าววายุพุ่งชนกำแพงห้องซึ่งเป็นอิฐเพื่อทดสอบพลังของมัน
แน่นอนว่าเมื่อได้รับคำสั่ง จ้าววายุ กระพือปีกขนาดมหึมาของมัน
อย่างรุนแรงทันที ส่งผลให้เกิดพายุขนาดย่อมๆขึ้นภายในห้องทำให้โต๊ะ
และเก้าอี้ปลิวกระเด็นไปทั่ว สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่
ซูอัน เบิกตากว้างในขณะที่เฝ้ารออย่างคาดหวังว่า จ้าววายุจะเคลื่อนไหว
แบบไหน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัว จู่ ๆ อำนาจบางอย่างที่ทรงพลังก็ดันร่างของเขาไปข้างหน้าพุ่งชนเข้ากับกำแพงตามเป้าที่เขากำหนดเอาไว้ทันที
โครม!
กำแพงยุบจนเป็นรูปมนุษย์!
ร่างของซูอัน ค่อย ๆ ไถลลงมาจากกำแพง ทิ้งร่อยรอยของตัวเองเอาไว้บนกำแพง เลือดพลั่งพรูไหลออกจากรูจมูกทั้งสองของที่ตอนนี้มันหักไปแล้วเรียบร้อย
บะ..บัดซบเอ๊ย!!
ซูอันทั้งอารมณ์เสียและตื่นเต้น ปรากฎว่าความสามารถของ จ้าววายุ นั้นคล้ายกับวิชาตัวเบาที่ทำให้เขาสามารถระเบิดความเร็วพุ่งตัวไปข้างหน้าได้
ในพริบตา! ถ้าเขาใช้มันอย่างเหมาะสม มันจะเป็นวิชาที่ทำให้เขาสามารถโจมตีศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหรืออาจจะใช้มันหลบหนีจากศัตรู
ที่ทรงพลังกว่าเขาก็ได้
แต่ยังมีอีกข้อพิสูจน์หนึ่งที่เขาจำเป็นต้องทดสอบซึ่งก็คือระยะทางสูงสุดสำหรับทักษะนี้มันสามารถส่งตัวเขาพุ่งไปได้ไกลแค่ไหน โดยไม่ได้เช็ดเลือด
ออกจากจมูก ซูอัน เริ่มโคจร พลังชี่ ของเขาอีกรอบเข้าไปในรอยประทับของ จ้าววายุ และพยายามเรียกใช้งานมันอีกครั้ง
แต่เพียงไม่นาน เขาก็รู้สึกเวียนหัวจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ปรากฎว่าเขาใช้พลังชี่ไปจนหมดเรียบร้อยแล้ว
ดูเหมือนว่าทักษะนี้จะกินพลังชี่ของเขาไปมหาศาลในการใช้งาน
แต่ละครั้ง เขาสามารถเปิดใช้งานมันได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น แต่ถ้าหากในอนาคตเมื่อระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นและความจุพลังชี่ของเขาเพิ่มขึ้น เขาน่าจะสามารถใช้มันได้บ่อยขึ้น
ซูอัน ค่อย ๆ คลานกลับขึ้นไปบนเตียงอย่างทุลักทุเลทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่เพิ่งจะตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ที่เขาพุ่งชนเข้ากับกำแพง
ของเหลวสีทองมันได้เติมเต็มเข้าไปในอักขระตัวแรกชุดใหม่ที่ประทับอยู่บนกล้ามเนื้อของเขา
ก่อนหน้านี้เขาได้ยิน จี้เสี่ยวซี พูดถึงเรื่องหลักการของผู้บ่มเพาะระดับ 3ว่า พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังชี่ออกมาสร้างเป็นเกราะหรือกำแพงพลังเพื่อป้องกันการโจมตีจากศัตรูได้ ซึ่งตอนนี้เมื่อเขาเห็นว่าอักขระชุดเดิมมันเต็มไปหมดแล้วและอักขระชุดใหม่ถูกเข้ามาแทนที่ดังนั้นมันไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้เขาน่าจะเป็นผู้บ่มเพาะระดับที่ 3 เรียบร้อยแล้ว
ซูอันตื่นเต้นที่จะทดสอบความสามารถใหม่ของเขา ชายหนุ่มพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะโคจรพลังชี่หรือพลังอะไรก็ตามที่ยังพอหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขาออกมาจากร่างจนในที่สุด เขาก็สามารถสร้างกำแพงพลังที่มีขนาดเท่าฝ่ามือให้ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาได้ แต่มันก็คงอยู่ได้แค่เพียงชั่วครู่เท่านั้นและหายไปทันทีเนื่องจากขาดพลังชี่ที่จะหล่อเลี้ยงมันเอาไว้
ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เพียงเท่านี้ ซูอัน ก็มีความสุขมากแล้ว ตามทฤษฎีตอนนี้เขาน่าจะมีพละกำลังเท่ากับกับผู้ชาย 88 คน ซึ่งอย่างน้อย ๆ แม้ว่าเขา
จะไม่สามารถเอาชนะ พวกซุปเปอร์ฮีโร่ ระดับท็อป ได้แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะสามารถเอาชนะพวก ฮีโร่ระดับกลางได้อย่างง่ายดายแน่นอน
โดยเฉพาะเมื่อรวมกับ แท่งพิษ และ พลังของจ้าววายุ ไม่ว่าใคร
ในตระกูลชูที่วางแผนจะเอาชีวิตเขาในตอนนี้ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็พอจะมีความสามารถที่จะตอบโต้กลับได้บ้างแล้ว
แต่แล้วหลังจากมีความสุขเพียงชั่วครู่ ความเจ็บปวดก็มาเยือนอีกครั้ง
ซูอันเริ่มส่งเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวดจากรอยฟกช้ำที่สะสมไว้ทั่วร่างกาย
“โอย…ชนกำแพงเมื่อครู่หนักไม่ใช่เล่นเลย!”
เมื่อครู่นี้เขาใกล้จะหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว แต่หลังจากพุ่งชนกำแพงไปอย่างจังเมื่อครู่มันทำให้เขาต้องกลับมาระบมเหมือนเดิม ตอนนี้ชายหนุ่ม
ไม่กล้าคิดที่จะทำอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาได้แต่นอนเงียบ ๆ บนเตียงและเฝ้ารออย่างอดทนเพื่อให้ยารักษาของ จี้เติ้งถู ออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ จนเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
วันรุ่งขึ้น ซูอัน ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อยแม้หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืน เขาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเบื้องต้นได้เกือบครึ่งแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าร่างกายยังไม่พร้อมเผชิญกับอะไรหนัก ๆ เขาแอบเสียใจเล็กน้อย
ที่ประเมิน จี้เติ้งถู สูงเกินไปในเรื่องที่เอายาของเขา มาเปรียบเทียบให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับน้ำยาศรัทธาพี่น้อง
ถ้าชาวเมืองถึงความคิดนี้ของเขา คงจะถูกผู้คนมากมายรุมถลกหนังหัวแน่นอนเพราะโอสถฟื้นชีวิตร้อยบุปผา เป็นยาวิเศษที่ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนยินดีที่จะคุกเข่าลงแทบเท้า จี๋เติ้งถูก เพื่อให้ได้มันมาสักเม็ด แต่ตัวเขากลับมองมันว่าเป็นยารักษาที่ไม่น่าพอใจสักเท่าไหร่!
ตอนนั้นเองที่ ซูอัน นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เขาลืมสุ่มรางวัลเลยนี่นา! คืนวานนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจนทำให้เขาลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย ดังนั้นเขาจึงเรียกคีย์บอร์ดออกมาและตรวจสอบคะแนนความโกรธแค้นของเขา ก่อนหน้านี้เขามีคะแนนเหลือเพียง 69 คะแนน แต่หลังจากผ่านการทำให้
ฉู่จงเทียน ฉินว่านหรู และเพ่ยเหมียนหมาน โมโหจำนวนของคะแนนมันก็ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 3,273
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ ดูเหมือนว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาจะอ่อนโยนกับ เพ่ยเหมียนหมาน มากไปหน่อยไม่งั้นคะแนนของเขา
คงมีมากกว่านี้ แต่อันที่จริงมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะการต้องเผชิญกับความงามที่น่าเชยชมขนาดนั้น ผู้ชายที่ไหนจะกล้าโหดร้ายกับนางได้ลงคอ
ทันใดนั้น เขาเริ่มคิดถึงดอกบ๊วยสิบสองและพวกโจรของค่ายเมฆาทมิฬ เขาเริ่มหวนคิดถึงความทรงจำดี ๆ ที่เขาได้รับจากฝั่งตรงข้าม