ตอนที่ 111 ความปรารถนาเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่

My Death Flags Show No Sign of Ending

ภาพแรกที่ฉันเห็นหลังจากรู้สึกตัวคือแสงวูบวาบที่ส่องทะลุเปลือกตาของฉันเข้ามายังโสตประสาท

แสงเหล่านั้นเป็นดั่งสัญญาณเตือนที่ปลุกฉันจากการหลับใหล

ขณะมองไปยังเพดานที่ดูไม่คุ้นตา ที่ข้างๆมีม่านสีขาวกำลังปลิวไสวไปมา พร้อมกับหน้าต่างบานหนึ่งที่เปิดอยู่เพื่อให้แสงจากดวงอาทิตย์ที่สาดส่องทะลุแมกไม้เข้ามายังภายในห้อง ใบไม้ที่คล้อยตามสายลมอ่อนๆช่วยทำให้ฉันค่อยๆจำได้เกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนั้น

 

[ ไง ได้สติรึยัง ? ] – ลีฟา

 

มีเสียงหนึ่ง ที่จู่ๆก็ดังขึ้นจากประตูทางเข้าห้องที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่าง เธอคือลีฟานั้นเอง

ลีฟาเป็นคนประเภทที่ไม่เก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทำให้เอริกะรู้ว่าตอนนี้เธอดูโกรธเล็กน้อย แต่บอกว่าได้ว่ามีสีหน้าแห่งความผิดหวังปนมาด้วยเช่นกัน

เมื่อเห็นเช่นนั้น เธอเองก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้กับคำถามที่คลุมเคลือเช่นนั้น

 

[ … ได้สติ ? คุณหมายถึงทางร่ายกาย หรือ ความรู้สึกกันคะ ? ] – เอริกะ

[ ก็ทั้ง 2 อย่างนั้นแหละ… ชิ ถ้าจะมารู้สึกเสียใจเอาตอนนี้ ก็อย่าทำแบบนั้นตั้งแต่แรกสิย่ะ ] – ลีฟา

 

ลีฟานั่งลงที่ข้างๆเตียงของเอริกะโดยที่ไม่ปิดบังความรู้สึกของตัวเองเลยซักนิด

แม้เอริกะเองจะอยากปฎิเสธว่าเธอนั้นไม่ได้เสียใจอะไร แต่เธอก็นึกขึ้นได้ว่ามันไม่ประโยชน์ เพราะเธอนั้นไม่สามารถหลอกหลวงลีฟาได้ ซึ่งลีฟาเองก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่าเธอนั้นรู้สึกเช่นไร

 

[ ดิฉันเองก็ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆค่ะ แถมดิฉันยังลากคุณมาพัวพันกับเรื่องในครั้งนี้อีกด้วย … ] – เอริกะ

[ เอาเถอะไม่เป็นไร ถึงฉันจะเป็นคนพูดเองว่าอย่าทะเลาะกัน แต่สุดท้ายฉันก็เป็นคนตัดสินใจที่จะสู้ด้วยเช่นกัน ] – ลีฟา

 

ขณะมองลีฟาที่กล่าวออกมาโดยไร้ความลังเลใดๆ เอริกะก็รู้สึกถึงความเข็มแข็งในตัวของลีฟาที่เธอนั้นไม่มีมันเลยซักนิด

เมื่อตระหนักได้ว่าเธอเริ่มที่จะเกลียดตัวเองอีกครั้งแล้ว เอริกะจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะคิดเรื่องอื่นๆและถามคำถามที่ยังคาอยู่ในใจของเธอออกไปโดยเร็ว

 

[ อืม ถ้าเช่นนั้น— … เกิดอะไรขึ้นกับท่านฮาโรลด์บ้างคะ ? ] – เอริกะ

 

เมื่อเธอถามออกมาเช่นนั้น ดูเหมือนว่าอารมณ์ของลีฟาจะเริ่มดิ่งลง

 

[ แล้วเธอจำได้ถึงตรงไหนล่ะ เอริกะ ? ] – ลีฟา

[ ดิฉันจำได้เพียงว่าได้ร่ายเวทมนตร์ใส่เขา— …. ] – เอริกะ

 

แค่เธอพูดออกมาเช่นนั้น เธอก็รู้สึกขยะแขยงในลำคอแล้ว

ในตอนนั้น เธอได้ใช้เวทมนตร์ที่ดีที่สุดที่เธอสามารถใช้ได้ แม้ว่านั้นจะเป็นสิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการ แต่เอริกะก็รู้สึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดกับการกระทำนั้น แม้มันจะฟังดูเห็นแก่ตัวที่ถามออกมาเช่นนั้นเพราะอาการบาดเจ็บที่ฮาโรลด์ได้รับเป็นเพราะฝีมือของเธอ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่าเขานั้นเป็นอะไรรึปล่าว

 

[ ดิฉันเองก็จำไม่ค่อยได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แต่สิ่งที่ดิฉันจำได้คือมีแสงแฟลสเกิดขึ้น … ] – เอริกะ

 

การใช้เวทมนตร์ระดับสูง 2 คาถาพร้อมกันทำให้เอริกะหมดสติลงแทบจะในทันที ซึ่งนั้นทำให้เธอหมดสติก่อนที่จะเห็นผลของมัน แต่เธอเองก็พอจะจำได้ว่ามีแสงอะไรบางอย่างเกิดขึ้น 

 

[ มันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อสำหรับเธอ แต่ว่าแสงนั้นเป็นฝีมือของฮาโรลด์ที่เกิดจากการทำลายคาถาของเธอน่ะ ] – ลีฟา

[ แต่ว่าเวทมนตร์นั้น– … ไม่ใช่ว่าเขาถูกเวทมนตร์ของคุณจำกัดการเคลื่อนอยู่ไม่ใช่หรือคะ ? ] – เอริกะ

[ เวทมนตร์ของฉันสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของหมอนั้นได้อย่างแน่นอน แต่ว่าเขาก็สามารถยกเลิกผลของมันได้ก่อนที่มันจะแสดงผลจนจบและทำลายเวทมนตร์ของเธอไปพร้อมๆกันด้วย ] – ลีฟา

[ เป็นไปได้ยังไงกัน — ] – เอริกะ

 

การใช้เวทมนตร์ผสาน 2 ธาตุเป็นคาถาที่ทรงพลังที่สุดที่เธอสามารถใช้ได้ ซึ่งเอริกะก็อาจจะยอมรับได้หากฮาโรลด์สามารถป้องกันตัวหรือทนรับความเสียหายเหล่านั้นได้ แต่ถ้าพูดว่าเขาทำลายมันก็อีกเรื่องหนึ่ง

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขามีเวทมนตร์ที่เทียบเท่าหรือทรงพลังกว่าเวทมนตร์ผสาน 2 ธาตุของเธอ

 

[ ฉันคิดว่าตอนนั้นเขาใช้การผสมผสานเวทมนตร์ลงไปในเทคนิคของดาบ ] – ลีฟา

[ นั้นเป็นไปได้หรือคะ ?] – เอริกะ

[ ฉันเองก็ไม่รู้ ในตอนนั้นเขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์ใดๆเลย ไม่ได้กล่าวคำร่ายใดๆด้วย จริงๆมันไม่มีเวลาให้เขาใช้เวทมนตร์ได้ด้วยซ้ำ แต่ในตอนนั้นเขาใช้เวทมนตร์อะไรบางอย่างแน่นอน และในตอนที่เขาทำลายเวทมนตร์ของเธอ ฉันเห็นเขาฟันดาบลงมาราวกับกำลังตัดอะไรบางอย่าง ] – ลีฟา

[ ที่คุณลีฟาจะสื่อก็คือ ทำไมท่านฮาโรลด์ถึงต้องแกว่งดาบ ถ้าหากเขาแค่ใช้เวทมนตร์เพื่อทำลายเวทมนตร์ของพวกเราจริงๆสินะคะ ] – เอริกะ

[ ก็ประมาณนั้น อ้อใช้อีกเรื่อง และฉันเองก็ยุ่งอยู่กับการรับมือผลสะท้อนกลับของเวทมนตร์จำกัดการเคลื่อนไหวที่ใช้กับหมอนั้น ดังนั้นฉันเองก็เห็นรายละเอียดต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ชัดเจนนัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงการคาดเดาของฉัน ] – ลีฟา

 

ถึงจะบอกว่าเดา แต่เดาแบบนั้นไปเล่าให้ใครฟังใครจะเชื่อ เทคนิคผสมผสานเวทมนตร์ลงในวิชาดาบเนี้ยนะ แต่ก็จริงอยู่ที่เอริกะเองก็สามารถใช้เทคนิคผสานเวทมนตร์ 2 ธาตุได้ แต่จริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงการใช้เวทมนตร์ที่มีคุณลักษณะแตกต่างกัน 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งถ้าหากสามารถแยกประสาทเป็น 2ส่วนก็จะสามารถร่ายเวทมนตร์พร้อมกันได้ นั้นยังอยู่ในความเป็นไปได้มากกว่าสิ่งที่ฮาโรลด์ทำ

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงเวทมนตร์และเทคนิคดาบ แม้คุณลักษณะของทั้ง 2 อย่างนี้จะเหมือนกันทุกประการ แต่วิธีการดึงมานาของผู้ใช้นั้นแตกต่างกันอย่างโดยสิ้นเชิง จากมุมมองของเอริกะ การพยายามใช้ทั้ง 2 เทคนิคพร้อมๆกันเหมือนดั่งการพยายามทำใน 2 สิ่งที่ตรงกันข้ามกัน เช่นการก้าวไปข้างหน้าและถอยหลังในเวลาเดียวกัน

สำหรับเอริกะแล้ว หากมองตามความเป็นจริง สิ่งนี้มันดูเป็นไปไม่ได้เลย แต่อย่างที่พูด คนๆนี้คือ ฮาโรลด์

ไม่เพียงแค่ความฉลาดและความแข็งแกร่งของเขาที่ไม่อาจหยั่งถึงได้ อีกทั้งวิธีคิดของเขายังขัดต่อสามัญสำนึกอีกด้วย ซึ่งเอริกะเองก็รู้สึกว่าเขาอาจจะทำแบบนั้นได้จริงๆ ซึ่งเขาอาจมีวิธีคิดเช่นเดียวกับลีฟา ถึงทำให้ลีฟาคาดเดาสิ่งเหลือเชื่อเหล่านี้ออกมาได้

 

[ แล้ว … ท่านฮาโรลด์เป็นอย่างไรบ้างคะหลังจากนั้น ? ] – เอริกะ

[ ….. เห็นได้ชัดว่าหมอนั้นเองก็บาดเจ็บ เขามีเลือดออกเยอะมากแถมหายใจลำบาก ] – ลีฟา

 

แม้เอริกะเองพอจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นชัดๆเธอก็รู้สึกราวกับหัวใจของเธอจะแตกสลาย

 

[ ถึงกระนั้น หมอนั้นก็ยังไม่ล้มลง แม้ว่าเขาจะเจ็บหนัก แต่ก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ดีพอที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ] – ลีฟา

[ ไม่ใช่ว่าท่านฮาโรลด์ไปยังโรงพยาบาลหรือ— ] – เอริกะ

[ ที่ฉันพอจะบอกได้ก็คือหมอนั้นไม่ได้มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ส่วนเขาไปที่ไหน ฉันเองก็ไม่รู้ ] – ลีฟา

 

ลีฟายักไหล่ราวกับจะบอกว่าเธอเองก็ยอมแพ้ที่จะตามหาที่อยู่ของฮาโรลด์

เอริกะไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกโล่งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่หรือควรกังวลที่เขาบาดเจ็บหนัก เพราะฮาโรลด์เป็นคนที่มักจะทำอะไรหุนหันพันแล่น นั้นทำให้เธอคิดว่าหากเขามีบางสิ่งที่สำคัญต้องไปจัดการ บางทีเขาอาจจะไปจัดการทั้งๆที่บาดเจ็บหนักแบบนั้น

เธออดไม่ได้จริงๆที่จะคิดเช่นนั้น

 

( ฉันควรใช้เวทมนตร์ของฉันเพื่อสนับสนุนเขา รักษาเขา …. ไม่ใช่ทำร้ายเขา ) – เอริกะ

 

แม้จะอ้างว่านี่เป็นสิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการ แต่ถ้าหากมองดูภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันดูแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด และเมื่อ 8 ปีก่อน เธอได้สัญญากับตัวเอง ว่าจะต้องกลายเป็นคนที่สามารถใกล้ชิดกับฮาโรลด์ได้ ถ้าตัวของเธอในช่วงเวลานั้นได้มาเห็นสิ่งที่เธอกระทำในเวลานี้ ตัวของเธอในเวลานั้นจะต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

 

[ เอาล่ะ ทิ้งสิ่งที่พวกเราไม่เข้าใจไปก่อน ตอนนี้มาสนใจสถานการณ์ในปัจจุบันดีกว่า ] – ลีฟา

 

ลีฟาตบมือทั้ง 2 เบาๆเพื่อเปลี่ยนหัวข้อเรื่องและไล่บรรยากาศที่หนักอึ้งออกไป

 

[ อย่างแรก เธอหลับไป 2 วัน ที่เธอสลบไปแบบนั้นเกิดจากมานาภายในตัวของเธอหมดลงอย่างกะทันหัน ] – ลีฟา

[ ดิฉันเข้าใจดีว่ามันเป็นดาบ 2 คม แต่ว่า คุณพูดว่าดิฉันสลบไปเลย 2 เลยหรือคะ ? ] – เอริกะ

[ เธอคิดว่ามันมากไปหรือไง ? ฉันรู้สึกว่าถ้าฉันใช้มานาในร่างกายมากขนาดเท่ากับที่เธอพึ่งทำไป ถ้าฉันเพียงแค่สลบไปเหมือนกับเธอฉันคงไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้วล่ะ ไงก็ตาม คนอื่นๆ ก็รู้สึกตัวตามๆกันมาในวันนั้น ตอนนี้กำลังพักอยู่ในโรงแรมใกล้ๆ ] – ลีฟา

[ ดูเหมือนว่าดิฉันจะทำให้คุณหรือคนอื่นๆต้องเสียเวลา แล้วคนอื่นๆได้รับบาดเจ็บกันไหมคะ ? ] – เอริกะ

[ ทุกคนไม่เป็นไร จริงๆก็ มีแค่ฮิวโก้ที่ยังรู้สึกเจ็บคางอยู่หน่อยๆ แต่ก็แค่นั้นแหละ ] – ลีฟา

 

มันคงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะเจ็บคางหลังจากถูกซัดด้วยการโจมตีที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้น แต่เธอก็ดีใจที่เขาไม่บาดเจ็บอะไรมาก

อย่างไรก็ตาม หากมองอีกมุมหนึ่ง ที่พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยนั้นเพราะฮาโรลด์ออมมือให้แถมยังสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดลงอย่างง่ายดาย

แม้ว่าเอริกะไม่อยากที่จะอวยพวกเธอจนเกินจริง แต่เธอคิดว่าพวกเธอทั้ง 6 คนไม่ได้อ่อนแอกันเลยซักนิด ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่รู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนซึ่งกันและกันทำให้พวกเธอสามารถร่วมมือกันผสมผสานการต่อสู้ได้เข้าขากันอย่างยอดเยี่ยม

แต่ถึงกระนั้น ความแข็งแกร่งของฮาโรลด์ยังอยู่สูงเกินเอื้อมถึง แม้ว่าพวกเธอจะได้เปรียบอย่างท่วมท้นในการต่อสู้แบบ 6 ต่อ 1 แต่แนวหน้าทั้ง 4ของพวกเธอก็ถูกฮาโรลด์จัดการลงอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายทั้งเธอและลีฟาต้องใช้ไม้ตายจึงสามารถเอาคืนให้เพื่อนๆของพวกเธอได้บ้าง

และถ้าหากฮาโรลด์เอาจริง พวกเธอทั้งหมดคงห่างไกลกับคำว่าบาดเจ็บ ทุกๆคนคงจะตายหมดแล้ว

เขาแข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไป นั้นคือความรู้สึกแรกสุดของเธอหลังจากได้เผชิญหน้ากับฮาโรลด์

 

[ ถ้างั้น เรามาพูดถึงหัวข้อหลัก ฉันมีบางอย่างอยากจะบอกกับเธอ นั้นคือ … ] – ลีฟา

[ อะไรหรือคะ ? ] – เอริกะ

[ นอกจากเธอแล้ว ยังมีอีก 2 คนที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ] – ลีฟา

[ …. คุณหมายถึง 2 คนในตอนนั้น ? ] – เอริกะ

 

เมื่อเอริกะได้ยินว่า “อีก 2 คน” เธอก็นึกถึชายและหญิงในตอนที่พวกเธอสู้กันบนหลังคาคฤหาสน์ของแฮร์ริสัน เธอจำได้ว่าพวกเขาทั้ง 2 หมดสติไปหลังจากที่โดนฮาโรลด์ทำอะไรบางอย่างใส่

แม้ว่าเธอจะยังคงมีความรู้สึกซับซ้อนต่อพวกเขา แต่เธอก็เชื่อว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพาพวกเขามารักษาที่โรงพยาบาล

 

[ อืม ใช่ แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่ฉันต่อการจะสื่อ… ] – ลีฟา

【”Well, yes, but that’s not I wanted to tell you about…”】

อย่างไรก็ตาม จากน้ำเสียงของลีฟา ดูเหมือนว่าปัญหาจะไม่ได้อยู่ที่พวกเขาทั้ง 2 อยู่โรงพยาบาลเดียวกับเธอ

 

[ พวกเขาทำไมคะ ? ] – เอริกะ

[ …. ย้อนกลับไปตอนที่เธอสู้กับพวกเขา เธอไม่รู้สึกแปลกๆบ้างเลยหรอ ? ] – ลีฟา

 

เอริกะไม่เข้าใจกับปะเด็นที่ลีฟาต้องการจะสื่อ แต่ลีฟาไม่น่าใช่คนที่ถามอะไรอย่างไร้จุดหมาย แม้การต่อสู้กับฮาโรลด์จะรุนแรงมากจนทำให้เธอลืมเลือนเรื่องก่อนหน้านี้ไปบ้าง  แต่พอเธอลองนึกดูดีๆ เธอก็พบคำตอบของคำถามทันที ซึ่งเธอก็รู้สึกประหลาดใจกับมัน

2 คนนั้นที่อยู่ที่นั้นเพื่อสังหารกลุ่มของพวกเธอทั้งหมด แต่ว่าเธอกลับไม่รู้สึกถึงจิตสังหารหรือความตั้งใจที่จะฆ่าจากพวกเขาเลยซักนิด

 

[ พวกเหมือนกับหุ่นเช– … ไม่สิ พวกเขาเหมือนกับมนุษย์ที่ไร้ความรู้สึก ] – เอริกะ

 

เอริกะลังเลที่จะเรียกพวกเขาว่าหุ่นเชิด แต่ประเด็นก็คือเธอเองก็ไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใดๆของพวกเขาทั้ง 2 เลยซักนิด

ทั้งจากสายตาของเธอ หรือตอนที่พวกเธอสู้กัน วิธีการโจมตีของพวกเขาเหมือนดั่งเครื่องจักร

 

[ พูดตามตรง ฉันเองก็ไม่รู้สึกถึงสัญญาณเล็กๆน้อยๆอะไรแบบนั้นระหว่างการต่อสู้หรอกนะ แต่จากที่เธอเองก็สังเกตเห็นถึงสิ่งเดียวกัน บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ เอาล่ะ ฉันรู้ว่าเธอพึ่งได้สติ แต่ว่าช่วยดูนี่หน่อย ] – ลีฟา

 

จากที่ลีฟากล่าวออกมา เธอก็หยิบกระดาษออกมาหลายแผ่นและส่งให้กับเอริกะ และเธอก็หยิบแผ่นแรกขึ้นมาและเริ่มอ่านมัน

กระดาษเหล่านี้เป็นสำเนาของบทสัมภาษณ์ของ 2 คนนี้ แม้ว่าเอริกะจะสงสัยอยู่เหมือนกันว่าลีฟาได้สิ่งเหล่านี้มาอย่างไร แต่เธอก็เก็บความคิดเหล่านั้นเอาไว้และเริ่มต้นอ่านมัน

ตามที่ถูกเขียนไว้ ทั้ง 2 คนนี้มีชื่อว่า เวนโตส และ ลิเลี่ยม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคนจากเผ่าสเตลล่าที่อาศัยอยู่ในป่าเบลติส และเมื่อเธออ่านถึงตรงนี้ เธอก็เริ่มมีความรู้สึกที่ไม่ดีเป็นนัยๆ ซึ่งความรู้สึกเหล่านั้นถูกยืนยันหลังจากที่เธอเริ่มอ่านต่อไป

ตามที่ 2 คนนี้เล่าเมื่อหลายปีก่อน หมู่บ้านเขาพวกเขาถูกโจมตีอย่างกะทันหัน และท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย พวกเขาทั้ง 2 ถูกลักพาตัวและนำมาขังไว้ในห้องทดลอง แน่นอนว่ามีผู้คนอีกมากมายที่ถูกลักพาตัวมาที่ห้องทดลองแห่งนี้เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดถูกนำมาทดลองด้วยวิธีที่แตกต่างกันไปตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

แน่นอนว่า เวนโตสและลิเลี่ยมก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เพราะความสามารถของยาและเครื่องจักรแปลกๆ พวกมันค่อยๆปรับเปลี่ยนทั้งร่างกายและจิตใจของพวกเขาไปเรื่อยๆ จนในที่สุด สติสัมปชัญญะของพวกเขาก็จางหายไป และไม่สามารถพูดหรือทำสิ่งใดๆตามเจตจำนงของตนเองได้อีก จนสุดท้ายพวกเขาก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น

หากสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง พวกเขาจะต้องเผชิญเรื่องที่โหดร้ายขนาดไหน ที่ยังรู้สึกตัวขณะที่ร่างกายและจิตใจของตนค่อยๆแปรสภาพไปเรื่อยๆ

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฮาโรลด์ถึงต้องลงมือเข้าแทรกแซงเหตุการณ์นี้ตอนป่าเบลติส จากที่สาวใช้ของเธอหรือก็คือยูโนะรายงานกับเธอ เขาถึงกับได้รับบาดเจ็บร้ายแรงที่ไหล่ขวาจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น

แม้ว่าในช่วงเหตุการณ์ในป่าเบลติสฮาโรลด์จะยังคงเป็นเด็กอยู่ แต่การต่อสู้นั้นอันตรายมากและกินเนื้อที่เป็นวงกว้างแถมเขาเองก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส หลายๆคนได้เสียชีวิต หลายๆคนถูกลักพาตัว แต่กลับไม่มีความพยายามที่จะค้นหาเหล่าคนที่สูญหายแต่อย่างใดนอกเสียจากสัญนิฐานว่าพวกเขาเสียชีวิตจากการต่อสู้ทั้งหมด

อย่างที่ฮาโรลด์พูดเอาไว้ เรื่องนั้นหมดนี้เป็นฝีมือของหมอนั้น ——- ยูสทัส ฟรอยด์ หมอนั้นได้เข้าควบคุมกองทัพและสภาสูงแล้ว แม้จะค้นพบหลักฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์ลักพาตัว แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสาวถึงตัวหมอนั้น

 

( ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจอะไรเช่นนี้ ) – เอริกะ

 

ขณะที่พยายามระงับความโกรธ เอริกะก็อ่านเนื้อหาในกระดาษที่เหลือจนจบ

 

[ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดิฉันถึงไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าจากพวกเขาเลยสินะคะ ] – เอริกะ

[ ฉันลองไปคุยกับพวกเขาทั้ง 2 โดยให้พวกเขาแยกจากกัน แต่พวกเขาก็ให้คำตอบเหมือนๆกัน ถึงตอนนี้ ฉันเองก็เกือบจะแน่ใจแล้วว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริง ] – ลีฟา

 

จากที่ฮาโรลด์เคยเล่าว่าเขาช่วยคนที่ถูกจับมาทดลองได้เพียงแค่ 2 คน และพวกเขาทั้งคู่มาจากเผ่าสเตลล่า

คนที่เขากล่าวถึงคงจะเป็นเวนโตสและลิเลี่ยม ดูจากบุคคลิกของเขาแล้ว เขาคงตั้งใจที่จะช่วย 2 คนนี้ และด้วยวิธีอะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถฟื้นคืนเจตจำนงของ 2 คนนี้ได้สำเร็จ

แม้ว่านั้นจะทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับพวกเธอก็ตาม

ก็ช่างสมกับเป็นฮาโรลด์จริงๆ

 

[ และอีกอย่าง พวกเขาทั้ง 2 อยากจะกล่าวขอโทษกับไลเนอร์ ] – ลีฟา

[ เกี่ยวกับที่ทำร้ายพ่อแม่ของไลเนอร์หรือคะ ? ] – เอริกะ

[ ใช่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะทำอะไรแบบนี้ แต่พวกเขาก็ยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ] – ลีฟา

 

มันจะเจ็บปวดขนาดไหนที่จะต้องมารับรู้ถึงความทรงจำของการทำร้ายผู้อื่นทั้งๆที่ตนเองไม่ต้องการ

ถึงกระนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็ยังยอมรับความผิดและอยากจะกล่าวขอโทษ

 

[ ปัญหาก็คือ … ไลเนอร์จะสงบสติอารมณ์ได้แค่ไหนเมื่ออยู่ต่อหน้า 2 คนนี้… ] – ลีฟา

[ มันคงจะเป็นเรื่องยากแหละค่ะ เพราะนั้นคือสิ่งที่ไลเนอร์เป็น เขาเป็นคนที่รักครอบครัวเหนือสิ่งอื่นใด ดิฉันเองก็สงสัยเช่นกันว่าเขาจะสามารถให้อภัยคนที่ทำร้ายพ่อแม่ของเขาได้จริงๆหรือ ] – เอริกะ

[ เธอก็คิดแบบนั้นเหมือนกันหรอ ? อืม ฉันเองก็คิดงั้น มันคงดีกว่าถ้าหากให้เวลาเขาอีกสักพัก ] – ลีฟา

[ ไม่ค่ะ พวกเราควรที่จะจัดการมันเสียตอนนี้เลย ] – เอริกะ

 

เอริกะต้องการที่จะเคารพความตั้งใจของพวกเขาทั้ง 2 ถ้าเป็นฮาโรลด์ เขาก็คงจะทำแบบนี้เช่นเดียวกัน

เหนือสิ่งอื่นใด เอริกะรู้สึกประทับใจในตัวของลิเลี่ยมและเวนโตส เธอรู้สึกว่าพวกเขาทั้ง 2 มีความแข็มแข็งในแบบที่เธอไม่อาจมีได้ พวกเขาทั้งคู่ไม่หนีความจริง ต่างกับเธอ ที่เอาแต่หนีความจริงที่ว่าเธอนั้นไม่อาจเป็นคนที่สนับสนุนแผ่นหลังของฮาโรลด์ได้

 

( แม้ว่าตัวของดิฉันจะไร้ค่า ไร้ความหมาย แต่ก็ยังมีคนอื่นๆที่เข็มแข็งอย่างแท้จริงเฉกเช่นลีฟาและ 2 คนนี้ บางที คนเหล่านี้อาจจะสามารถสนับสนุนแผ่นหลังของท่านฮาโรลด์ได้ในสักวันหนึ่ง ) – เอริกะ

 

เธอรู้ดีว่าสิ่งนี่เป็นความคิดที่ผิด เธอกำลังยัดเยียดความเชื่อของตัวเองไปให้กับคนอื่นอย่างเห็นแก่ตัว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่เธอก็ยังคงอยากจะช่วยเขาให้ออกจากเส้นทางอันแสนโดดเดี่ยว

นี่คือความปรารถนาเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในตัวตนอันแสนว่างเปล่าของเอริกะ