บทที่ 66 ในที่สุดนังผู้หญิงแพศยาก็มีวันนี้

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

หลานเสี่ยวถางมาซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตข้างถนนเส้นนี้ หลังจากที่เธอซื้อกับข้าวเสร็จแล้ว เธอรู้สึกว่าระยะทางนั้นไกลไปหน่อย ดังนั้นเธอจึงวางแผนที่จะขี่จักรยานสาธารณะกลับไปยังที่พักอาศัย

เธอถือกระเป๋าและกำลังจะสแกนคิวอาร์โค้ดด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอ ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาจับที่ข้อมือของเธอ ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงผู้ชายที่ไพเราะดังขึ้น “เสี่ยวถาง”

หลานเสี่ยถางผงะเมื่อเธอได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนั้นก็คือสือเพ่ยหลิน เธอรีบดึงมือกลับมาและมองด้วยความระมัดระวัง “คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

“ผมแวะมาทานอาหารกลางวันที่นี่ พอดีเห็นคุณก็เลยเข้ามาทักทาย” สือเพ่ยหลินเอื้อมมือไปช่วยเธอถือกระเป๋า แต่หลานเสี่ยวถางหลบเลี่ยงไม่ยอมให้ช่วย

เขารู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นกลบเกลื่อน “คุณอาศัยอยู่ที่ไหน ผมจะไปส่งคุณ”

หลานเสี่ยวถางจำได้ว่าสือมูเฉินเคยพูดว่าจังหวะและโอกาสยังไม่ประจวบเหมาะ ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการที่จะสร้างความเข้าใจผิดว่าเธออาศัยอยู่ในบ้านของสือมูเฉินตลอด เธอจึงส่ายหัวแล้วปฏิเสธเขาไป “ไม่เป็นไร ฉันอาศัยอยู่ในที่โทรมๆ ไม่เหมาะกับรถหรูของคุณหรอก”

สีหน้าของสือเพ่ยหลินแข็งทื่อ ถ้าปกติเขาถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาอาจจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้ว

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะอดทนมากขึ้นในวันนี้ เขาพูดกับเธอว่า “ถ้าอย่างนั้นผมจะช่วยคุณถือกระเป๋า ไม่ว่าจะเดินหรือขี่จักรยานก็ได้”

หลานเสี่ยวถางมองไปที่สือเพ่ยหลินทำเอาหัวใจของเธอลุกเป็นไฟ “สือเพ่ยหลิน คุณหมายความว่าอย่างไร? คุณต้องการตามฉันใช่ไหม?”

เขาดูตกใจเล็กน้อยก่อนพูดขึ้นว่า “เราไม่ใช่คนแปลกหน้าของกันและกันซะหน่อย ผมแค่ต้องการไปส่งคุณมันมีอะไรที่ติดขัดเหรอ?”

หลานเสี่ยวถางทั้งโกรธทั้งอยากหัวเราะ “สือเพ่ยหลิน ใครกันแน่ที่ตอนแรกต้องการขับไล่ฉัน มองฉันเป็นตัวน่ารังเกียจ? ตอนนี้คุณกำลังประชดให้ใครดู! หรือคุณกับเฉินจื่อโร่วกำลังทะเลาะกัน! ดังนั้นคุณต้องการกลับมากินน้ำพริกถ้วยเก่างั้นหรือ?”

สือเพ่ยหลินหรี่ตาลงเพื่อกดความโกรธของเขา และไม่ตอบคำถามใดๆ ออกมา

หลานเสี่ยวถางไม่สนใจเขา เตรียมตัวขี่จักรยานแล้วเอาผักใส่ลงในตะกร้ารถ

เมื่อสือเพ่ยหลินเห็นว่าเขาถูกเมินเฉย เขาเป็นคนที่เสียหน้าไม่ได้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา เขาถอนหายใจขึ้นลงแล้วกระแทกมือลงไปที่แฮนด์รถจักรยานของหลานเสี่ยวถาง เขารัดเอวของเธอ ดึงเธอเข้ามากอดแล้วพยายามก้มศีรษะลงจูบเธอ

หลานเสี่ยวถางตกตะลึง แต่พลังของเธอจะสู้พลังของสือเพ่ยหลินได้อย่างไร?

เธอผลักเขาออกอย่างแรง แต่เขาดึงเธอเข้ามาใกล้เขาทีละนิด จมูกของเขาเกือบจะแตะเข้ากับใบหน้าของเธอ ลมหายใจของเขากระทบลงบนใบหน้าของเธอ มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ยากจะอธิบาย

“กลับไปกับผม!” ดวงตาของสือเพ่ยหลินจ้องไปที่หลานเสี่ยวถาง “กล้วยไม้ในบ้านของผมกำลังจะตาย และต้นบอนกาวีก็ร่วงโรยไปบ้างแล้ว และยังมีถ้วยน้ำชา……”

“เพี๊ยะ!” ก่อนที่เขาจะพูดจบ จู่ๆ ก็มีเสียงตบเข้าที่แก้มของเขาดังลั่น

สือเพ่ยหลินถูกตบด้วยความงุนงง ดวงตาสีแดงเพลิงของเขาก็ลุกเป็นไฟ

“สือเพ่ยหลิน คุณคิดว่าคุณเป็นศูนย์กลางของโลกหรือยังไง ทุกคนต้องหมุนรอบตัวคุณงั้นหรือ?!” หลานเสี่ยวถางรู้สึกโกรธมาก “ฉันไม่เคยเป็นคนรับใช้ที่คุณจะเรียกหาตอนไหนก็ได้ สองปีที่ผ่านมามันก็เพียงพอแล้ว! คุณรู้อะไรไหมสิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดก็คือฉันเต็มใจที่จะแต่งงานกับคุณในตอนนั้น!”

“คุณเสียใจภายหลัง?” ดูเหมือนอารมณ์ของสือเพ่ยหลินจะถูกจุดขึ้น เขาจับไหล่ของหลานเสี่ยวถาง “ตอนนี้คุณแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในอ้อมแขนของผู้ชายคนอื่นๆ คุณซื้ออาหารไปให้ใคร? ให้ลุงของผมหรือหันจื่ออี้ สรุปคุณเคยนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้ว?!”

เธอไม่อยากมีอารมณ์โกรธเพราะผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อได้คำดูถูกจากปากของเขาหลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตา

เธอจ้องมองไปที่เขา “คุณไม่รู้หรือว่าฉันเคยนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้ว ตอนที่คุณนอนอยู่บนเตียงมาสองปี ฉันได้พูดอะไรกับผู้ชายคนอื่นไหม? ฉันเคยจับมือพวกเขาเหรอ? ฉันเคยจูบหรือนอนบนเตียงกับคนอื่นเหรอ? เปล่าเลย ไม่มี! ถึงแม้จะคิดว่าคุณจะยืนไม่ได้อีกตลอดชีวิต ฉันก็ยังไม่คิดจะมีคนอื่น!”

เธอหรี่ตาไม่อยากให้แสงกระทบเข้ามาที่ตา “แต่คุณทำกับฉันยังไง? คุณและเฉินจื่อโร่วรังแกฉันอย่างไร?! ตอนนี้ฉันทำตามความปรารถนาของคุณแล้ว คุณยังต้องการอะไรอีก คิดว่าฉันอาจยืนนิ่งรอให้คุณเปลี่ยนใจกลับมาหาฉัน ฝันไปหรือเปล่า!”

สือเพ่ยหลินตกตะลึง เขามองไปที่น้ำตาในดวงตาของหลานเสี่ยวถาง และทันใดนั้นก็พบว่าตัวเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

เมื่อเทียบกับการร้องไห้ของเธอ ดูเหมือนว่ารอยยิ้มจากชายชราที่เขาเพิ่งพยุงไปทำให้เขารู้สึกสบายใจกว่าเยอะ

เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปช่วยเธอเช็ดน้ำตา

อย่างไรก็ตามทันทีที่เขายกมือขึ้นหลานเสี่ยวถางก็ปัดมือของเขาออกไปด้วยความรังเกียจ

เธอมองเขาราวกับว่าเธอเห็นเขาเป็นเชื้อโรค เหมือนกับตอนแรกที่เขากำลังพลอดรักกับเฉินจื่อโร่วอยู่บนเตียง แล้วเธอมาเห็นเหตุการณ์เขากลับทำตัวไม่แยแส

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าตอนนี้จะสลับปรับเปลี่ยนมุมมอง

“กลับไปกับผม ผมจะจ้างคนใช้” สือเพ่ยหลินพูดประนีประนอมและเธอควรจะรู้สึกขอบคุณเขา ตั้งแต่เขาโตมานี่เป็นครั้งแรกที่เขายอมก้มหัวให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง

หลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดที่ไร้สาระของเขา เธอก็รู้สึกโล่งใจในทันที เธอรู้สึกเสียใจภายหลังที่เธอสูญเสียการควบคุมอารมณ์ และยิ่งเสียใจที่เธอต้องหลั่งน้ำตาเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น

เธอยิ้ม “สือเพ่ยหลินคุณกับเฉินจื่อโร่วเป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดจริงๆ ” เธอพูดด้วยความจริงใจ

เขามองดูการประชดในดวงตาของเธอ เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่แหลมคมดังขึ้นทั้งสองจึงหันศีรษะไปพร้อมกัน ก็เห็นเป็นเฉินจื่อโร่ววิ่งเข้ามาด้วยความโกรธ

เธอรีบวิ่งไปหาทั้งสองคน ตัวสั่นด้วยความโกรธ “พวกคุณ คาดไม่ถึงว่าพวกคุณ……”

“เอาล่ะ รักแท้ของคุณมาอยู่ตรงนี้แล้ว ฉันจะไม่รบกวนคุณอีกต่อไป” หลานเสี่ยวถางพูดจบก็เตรียมปั่นจักรยานออกไป

“หลานเสี่ยวถาง พูดกับฉันให้ชัดเจนว่าทำไมเธอหย่ากับพี่เพ่ยหลินแล้วยังมาอ่อยเขาอย่างไร้ยางอาย!” เฉินจื่อโร่วดูเหมือนจะลืมว่าภาพลักษณ์เหมือนดอกบัวสีขาวในตอนแรกจนกลายเป็นสุนัขจิ้งจอกอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานี้

ตอนแรกหลานเสี่ยวถางไม่อยากสนใจ แต่เธอก็เปลี่ยนใจและจ้องมองไปที่เฉินจื่อโร่ว “คุณมาหาฉันในวันนี้ ฉันนึกถึงสิ่งหนึ่งที่พี่เพ่ยหลินของคุณอาจจะยังไม่รู้! ”

สีหน้าของเฉินจื่อโร่วเปลี่ยนไปเมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้ ทำเอาหัวใจของเธอเต้นระรัว แต่แล้วเธอก็คิดอีกครั้งว่าหลานเสี่ยวถางอาจจะเพียงคาดเดาเท่านั้น จะมีหลักฐานได้อย่างไร?

“มีอะไรเหรอ?” สือเพ่ยหลินมองผู้หญิงทั้งสองคน

หลานเสี่ยวถางพูดพร้อมกับนำภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือของเธอยื่นให้สือเพ่ยหลินและเฉินจื่อโร่วดู “ภาพถ่ายเหล่านี้ปรากฏที่งานเลี้ยงรุ่นของฉันเมื่อสองสามวันก่อน ฉันไม่รู้ว่า พวกคุณสองคนควรอธิบายยังไง”

สือเพ่ยหลินหรี่ตาของเขา เขาคุ้นเคยกับภาพเหล่านี้ เมื่อหลานเสี่ยวถางเพิ่งแต่งงานกับเขา หลายครั้งที่หลานเสี่ยวถางเหนื่อยกับการดูแลเขาจนหลับไปเขาก็แอบถ่ายรูปด้วย โทรศัพท์มือถือของเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่มี หลานเสี่ยวถางไม่เคยเห็นมาก่อน

ตอนนั้นเขาคิดยังไงถึงได้ถ่ายรูปแบบนี้ไว้? คิดว่าหลังจากที่เขาหายดีจะชดใช้ให้เธอ?

เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเปิดดูภาพถ่ายเหล่านี้ เป็นไปได้ไหมว่าในขณะนั้นเฉินจื่อโร่วแอบดู แล้วส่งภาพถ่ายไปที่งานเลี้ยงรุ่น?

เขามองไปที่เฉินจื่อโร่วด้วยคำถามอันเฉียบคมในดวงตาของเขา

ใบหน้าของเฉินจื่อโร่วซีด “พี่เพ่ยหลินฟังฉันนะ ฉันไม่ได้ทำและไม่รู้รหัสผ่านของโทรศัพท์มือถือของพี่ เป็นไปได้ยังไง……”

“จื่อโร่ว” จู่ๆ น้ำเสียงของสือเพ่ยหลินก็อ่อนโยน แต่ดวงตาของเขากลับดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม “สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการที่คนอื่นเล่นกลอุบายหลอกลวงลับหลัง เริ่มตั้งแต่วันนี้คุณ ย้ายออกไปจากบ้านของผมทันที ”

เฉินจื่อโร่วตกใจและเธอไม่สนใจว่าหลานเสี่ยวถางอยู่ข้างๆ เธอ การขอร้องของเธอทั้งหมดเป็นเรื่องตลกและน่าละอาย เธอกอดเอวของสือเพ่ยหลินแล้วพูดว่า “พี่เพ่ยหลินฉันผิดไปแล้ว พี่ดูสิลูกของเรายังอยู่ในท้องของฉันอยู่เลย ช่วยยกโทษให้ฉันอีกสักครั้งได้ไหมคะ ฉันตั้งครรภ์เลยควบคุมอารมณ์ไม่ได้……”

หลานเสี่ยวถางจ้องดูเธอ สงสัยว่าเธอท้องจริงๆ เหรอ? เธอต้องการรอคอยดูว่าเฉินจื่อโร่ว สามารถแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยได้อย่างราบรื่นหรือไม่

“สิ่งที่ผมพูดไปไม่สามารถจะพูดซ้ำได้อีก!” สือเพ่ยหลินเป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมมาตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะดูดีแต่เขาไม่เคยรู้วิธีเขียนคำว่าใจอ่อนในหัวใจของเขา

“พี่เพ่ยหลิน……” เฉินจื่อโร่วยังคงอ้อนวอน กอดสือเพ่ยหลินแน่นไม่ยอมปล่อยมือ

ความอดทนของสือเพ่ยหลินกำลังจะหมดไป “ถ้าคุณยังไม่ปล่อยมือ ผมทำคุณล้มลงโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าเด็กในท้องของคุณจะยังอยู่หรือไม่!”

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของเขา ร่างกายของเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

ทำไมเขาถึงโหดร้ายกับลูกของเขาได้ขนาดนี้?

เห็นได้ชัดว่าแม้ว่าเด็กในท้องของเฉินจื่อโร่วจะเป็นระเบิดเวลา แต่ก็เป็นเพียงการพึ่งพาเดียวของเฉินจื่อโร่ว หลังจากฟังคำพูดของสือเพ่ยหลิน เธอก็ปล่อยเขาทันทีเพราะกลัวว่าถ้าเขาเสียสติ ความหวังเดียวของเธอจะกลายเป็นเลือด

“รีบออกไปให้พ้น!” สือเพ่ยหลินไม่สนใจอะไรในขณะนี้ เขาหันหลังกลับและเดินไปที่รถที่จอดอยู่ริมถนน

หลังจากดูละครจบ หลานเสี่ยวถางเห็นเฉินจื่อโร่วนั่งอยู่บนพื้น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเย้ยหยัน

เดิมทีเธอต้องการแก้แค้นเพียงเหตุการณ์นั้น แต่ตอนนี้เมื่อเห็นเฉินจื่อโร่วกำลังตั้งครรภ์ เธอเห็นแก่ชีวิตเล็กๆ ที่ไร้เดียงสาจึงปล่อยเธอไปชั่วคราว ท้ายที่สุดความไม่แยแสของสือเพ่ยหลินที่มีต่อเฉินจื่อโร่วก็ถือเป็นการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเธอแล้ว

อย่างไรก็ตามเธอต้องการปล่อยเฉินจื่อโร่วไป แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมทำตามความปรารถนาของเธอ

เมื่อเฉินจื่อโร่วเห็นว่าสือเพ่ยหลินไปแล้ว เธอก็กระจายความคับข้องใจทั้งหมดของเธอไปที่ร่างกายของหลานเสี่ยวถาง “หลานเสี่ยวถาง แกสะใจมากใช่ไหม? เมื่อเห็นว่าเขาไม่ต้องการฉันอีกต่อไป แกมีความสุขไหม แกรังแกผู้หญิงตั้งครรภ์ ทำไมจิตใจแกถึงได้โหดเหี้ยมอย่างนี้ อย่างหวังว่าฉันกับแกจะจบลงด้วยดี!”

“เฉินจื่อโร่ว ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหมถ้าเธอสามารถแย่งเขาไปจากฉันเมื่อวานนี้ ในอนาคตก็จะมีคนมาแย่งเขาไปจากเธอเหมือนกัน? เมื่อเมียน้อยได้เลื่อนขั้นในอนาคตก็ต้องมีเมียน้อยคนต่อไป” หลานเสี่ยวถางนั่งบนรถจักรยานแล้วมองไปที่เฉินจื่อโร่วแล้วพูดทิ้งท้ายไว้ว่า “เพราะในโลกของเขาจะไม่มีคนสุดท้าย!”

เฉินจื่อโร่วเงยหน้าขึ้นมองหน้าของหลานเสี่ยวถาง ความหวาดกลัวก็เกิดขึ้นในใจเธอ เธอทำได้เพียงใช้อารมณ์ตีโพยตีพายมากขึ้นเพื่อขจัดความวิตกกังวล “ไม่ ฉันจะเป็นคนสุดท้ายของเขา! ในท้องของฉันมีลูกของเขา เขาจะเป็นของฉันตลอดไป! หลานเสี่ยวถางจำไว้นะฉันต้องแต่งงานกับเขาอย่างสง่างาม!”

“งั้นเหรอ?” หลานเสี่ยวถางเตรียมตัวขี่รถจักรยานออกไปจึงได้พูดทิ้งท้ายอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันขอให้คุณโชคดี ฉันจะรอดู”