ตอนที่ 162 จิตใจที่บริสุทธิ์

“ความยากของภารกิจถูกเปลี่ยนเป็นโหมดยากเรียบร้อยแล้ว … เริ่มทําการสุ่มเก็บความสามารถหนึ่งอย่าง … ทําการจัดเก็บความสามารถในการคัดลอก”

“เนื้อหาภารกิจ : อยู่รอดให้ได้เป็นเวลา 7 วันโดยไม่ตาย”

หลังจากสิ้นเสียงแจ้งเตือนจากระบบ ซู่เจินก็รู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อยภายในร่างกายของเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าความสามารถของเขามันหายไปหนึ่งอย่าง และเมื่อเขาจะลองใช้มันออกมา เขาก็พบว่ามันไม่สามารถใช้ออกมาได้ราวกับว่ากําลังมีอะไรบางอย่างกําลังปิดกั้นมันเอาไว้ ทําให้เขาไม่สามารถใช้งานมันได้อีกต่อไป

“โชคดีที่มันเป็นความสามารถในการคัดลอก และถ้าเกิดว่ามันเป็นความสามารถในการติดตามหรือความสามารถของเฮดจ์ฮอกมันก็คงจะดีมากกว่านี้” ซู่เจินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันทีเมื่อเขารู้ว่าเป็นความสามารถในการคัดลอกที่ถูกเก็บไป “อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีความสามารถมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย เพราะถึงอย่างไรแล้วฉันก็ยังมีอนุภาคอีเทอร์ แหวนกรีนแลนเทิร์น และมีดคู่แห่งความกลัวอยู่ และก็ดูเหมือนว่าภารกิจในครั้งนี้มันจะไม่ได้ยากมากนัก ระบบถึงได้เพิ่มระยะเวลาในการเอาชีวิตรอด หลังจากที่เปลี่ยนเป็นโหมดยาก ?”

ซู่เจินเหลือบมองไปยังจักเกอร์นอทที่อยู่ตรงหน้าของเขาเล็กน้อย เพราะว่าพวกเขาค่อนข้างที่จะโชคดีมากเลยที่ระบบปล่อยภารกิจออกมาตอนนี้ ทําให้ซู่เจินไม่มีเวลาที่จะอยู่ต่อกับพวกเขาได้อีกต่อไป หลังจากนั้นซู่เจินก็ส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับหันหน้าไปมองคัสลิสโตที่ตอนนี้ใบหน้าของเธอมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และค่อย ๆ พูดขึ้นมาว่า “ถือว่าวันนี้คุณโชคดีไปก็แล้วกัน เอาล่ะ! เดี๋ยวผมจะปล่อยตัวของพวกคุณไปในครั้งนี้ และถ้าเกิดว่ามีครั้งหน้าก็อย่าให้ผมรู้ว่าคุณยังอยู่ข้างของแม็กนีโตอยู่ เพราะไม่งั้นผมก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ดังนั้น .. ขอให้โชคดี”

หลังจากพูดจบซู่เจินก็ปล่อยตัวของพวกเขาลงกับพื้น

แน่นอนว่ามันไม่ได้รวมถึงวินเทอร์โซลเจอร์

“สําหรับคุณ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้” หลังจากพูดจบซู่เจินก็เตรียมตัวที่จะพาวินเทอร์โซลเจอร์บินหนีไป

“เฮ!”

แต่ทันใดนั้นจู่ ๆ ก็มีคนตะโกนเรียกซู่เจินขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ทําให้ซู่เจินค่อย ๆ หันหน้าไปมองตามต้นเสียง และเขาก็พบว่าเป็นโท้ดที่ตะโกนเรียกเขาเมื่อกี้นี้

“ฉัน … ฉันขอตามคุณไปด้วยได้ไหม ?” โท้ดพูดขึ้นมาด้วยความเขินอายและลังเลเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าซู่เจินจะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พอจะคาดเดาเหตุผลของโท์ดได้ ดังนั้นเขาจึงเอาพลังไปห่อหุ้มร่างกายของโทัดเอาไว้ และพาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับวินเทอร์โซลเจอร์

ณ ฐานพันธมิตรสงคราม

หลังจากที่บริ้งค์เห็นซู่เจินพาใครกลับมา 2 คน เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และเธอก็มั่นใจว่าพวกเขาจะต้องเป็นสมาชิกใหม่อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีอะไรบางอย่างผิดปกติ เพราะว่าตอนนี้ซู่เจินก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวของพวกเขา

“บอส พวกเขาทั้งสองคนเป็นใครอย่างงั้นหรอ ?” บริงค์ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“คนแรกถูกเรียกว่า วินเทอร์โซลเจอร์ ซึ่งที่ผมนําตัวของเขากลับมาก็เพื่อที่จะนําตัวของเขาไปมอบให้กับกัปตันอเมริกา ส่วนอีกคนถูกเรียกว่า … โท้ด เขาเป็นมนุษย์กลายพันธ์ และสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้มันก็ค่อนข้างจะพิเศษสักเล็กน้อย ดังนั้นผมจึงจําเป็นที่จะต้องล็อคตัวของพวกเขาเอาไว้ก่อน และค่อยจัดการในภาย หลัง!” ซู่เจินพูดอธิบายขึ้นมาอย่างคร่าว ๆ

“แล้วตอนนี้นาตาชาและแคลร์อยู่ที่ไหนกันล่ะ ?” ซู่เจินถามขึ้นมา

“ในห้องของนาตาชา” บริ้งค์ตอบกลับมา

ซู่เจินพยักหน้าและพูดว่า “อีกสองสามวันนี้พวกเขามีภารกิจที่จะต้องทํา ดังนั้นคุณควรที่จะไปพักผ่อนและเตรียมความพร้อมเอาไว้ให้ดี”

บริงค์พยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ และลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา

เมื่อซู่เจินเห็นท่าทางของบริงค์ที่เป็นแบบนั้นเขาก็พูดขึ้นมาอย่างสบาย ๆ ว่า “ถ้าเกิดว่าคุณมีเรื่องอะไรที่ต้องการจะพูดกับผม คุณก็พูดมาได้เลย เพราะว่าสําหรับคุณกับผมแล้วมันไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่จะต้องปิดบังกันจริงไหม ?”

“นาตาชาและแคลร์ … พวกเธอ … พวกเธอมีความสัมพันธ์กับคุณที่แตกต่างจากความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคุณใช่หรือเปล่า” หลังจากบริ้งค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามมันขึ้นมา “พวกเธอเป็นผู้หญิงของคุณอย่างงั้นหรอ ?”

“โอ้! คุณรู้มันได้ยังไง ?” ซู่เจินถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“สายตาของคุณที่มองไปยังพวกเธอมันแตกต่างกับสายตาของคุณที่มองมายังฉัน เอ่อ … ฉันอธิบายออกมาเป็นคําพูดไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็สัมผัสมันได้ แน่นอนว่าแคลร์ยังเด็กเกินไปมันจึงทําให้ฉันไม่สามารถสัมผัสมันจากตัวของเธอได้ แต่มันไม่ใช่กับนาตาชาที่ฉันสามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน และมันก็ยังมีเหตุผลที่นาตาชาสนใจในตัวของแคลร์มากเป็นพิเศษอีกด้วย” บริ้งค์พูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีอาการสะดุ้งเป็นระยะ ซึ่งซู่เจินก็เข้าใจแล้วว่าทําไมนาตาชาจึงเริ่มเข้าหาแคลร์อย่างรวดเร็วแบบนั้น และเขาก็ไม่ได้หวังด้วยว่ามันจะเป็นเพราะเหตุผลแบบนี้แต่ ..

ซู่เจินมองไปที่บริงค์พร้อมกับส่ายหัวขึ้นมาเล็กน้อยและพูดว่า “คุณคิดผิดแล้ว!”

“ฉันคิดผิดอย่างงั้นหรอ ?” บริ้งค์รู้สึกมึนงงเล็กน้อย

ซู่เจินพูดขึ้นมาว่า “พวกเขาก็เป็นเหมือนกับคุณ”

“เหมือนกับฉันอย่างงั้นหรอ…?” บริ้งค์ตกตะลึงเล็กน้อย นี่มันหมายความว่ายังไง ? ฉันเป็นผู้หญิงของบอสด้วยอย่างงั้นหรอ ? แต่ทําไม … ทําไมบอสถึงไม่ได้ทําอะไรกับฉันล่ะ ?

“บางสิ่งบางอย่างมันก็ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามเวลาของมัน” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับตบไปที่ไหล่ของบริ้งค์เบา ๆ หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและเดินจากไป

ภารกิจช่วยเหลือนิคฟิวรี่ในตอนนี้ก็เสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนภารกิจใหม่ก็เอาชีวิตรอดให้ได้เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ระบุเป้าหมายที่ชัดเจนมาให้บวกกับการที่เขาไม่มีที่จะไปด้วย ดังนั้นเขาก็ควรที่จะอยู่อย่างสงบ ๆ เป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นภารกิจมันก็จะสําเร็จได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงอย่างนั้นซู่เจินก็ไม่ได้ลดการระวังตัวของ เขาลงทั้งหมด หลังจากนั้นเขาก็เตรียมตัวที่จะโทรไปหาสกายและถามว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นบ้างหรือเปล่า

หลังจากมีเสียง ตุ๊ด ๆ ดังขึ้นมาสองสามครั้ง สกายก็รับสายในที่สุด

“ที่รัก …” เสียงของสกายดังขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย

เมื่อซู่เจินได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นมาและพูดว่า “ผมเอง ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนอย่างงั้นหรอ ?”

“ที่ฐาน คุณมีอะไรหรือเปล่า ?”

“คุณสามารถออกมาจากที่นั่นได้ไหม ? ผมหมายถึงเอายานบินทั้งหมดออกมาและพาทุกคนออกมาพร้อมกัน”

“น่าจะได้นะ … มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นหรอ ?”

“คุณไปปลุกคนอื่นก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะรีบไปหาคุณตอนนี้เลย และเมื่อผมไปถึงที่นั่นแล้วผมจะอธิบายให้คุณฟังเอง”

“อืม!”

หลังจากฟังคําพูดของซู่เจินจบแล้ว สกายก็เชื่อในคําพูดของซู่เจินในทันที และเธอก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากมายไปกว่านั้น และหลังจากที่สกายวางสายจากซู่เจินเรียบร้อยแล้ว เธอก็ไปเรียกให้คนอื่น ๆ มาประชุมกันที่ห้องประชุมในทันที

โควสัน , เมย์ , ฟิทซ์ , เจมมา , สกาย และ …ซิฟ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างงั้นหรอ ?” โควสันหันไปถามกับสกาย

สกายพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงจริงจังว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ซู่เจินได้บอกกับฉันว่าเขาจะมาที่นี่ในอีกสักพักหนึ่ง และเขาก็ยังบอกอีกว่าให้พวกเราเตรียมตัวให้พร้อมสําหรับการออกไปจากที่นี่”

“ออกจากที่นี่ ?”

โควสันและคนอื่น ๆ รู้สึกมึนงงเล็กน้อย เพราะว่าที่นี่ก็คือฐานของ SHIELD

“ซู่เจินเคยบอกกับฉันอาจจะมีอันตรายเกิดขึ้นที่นี่ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ฉันเฝ้าคอยดูสถานการณ์อยู่ที่นี่ และถ้าเกิดว่าสถานการณ์มันไม่ดี เขาก็จะพาฉันไปอยู่ที่พันธมิตรสงครามทันที!” ซิฟพูดขึ้นมา

และด้วยคําพูดของสกายและซิฟมันก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ได้ว่ามันกําลังมีบางสิ่งบางอย่างกําลังจะเกิดขึ้นที่นี่

โควสันขมวดคิ้วขึ้นมาและพูดว่า “ดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นจริง ๆ สินะ เมย์! คุณไปเตรียมสตาร์ทยานบินรอเอาไว้เลย ส่วนคนอื่น ๆ ก็เตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะรอจนกว่าซู่เจินจะมาถึงที่นี่”

“ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แล้ว เพราะว่าตอนนี้พวกเราอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก และเมื่อกี้ฉันก็เพิ่งจะส่งคําร้องขอออกจากที่นี่ไปให้พวกเขา แต่พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้พวกเราไป และยังบอกอีกว่าให้พวกเราอยู่ที่นี่นิ่ง ๆ อย่าไปไหน และเมื่อฉันพยายามที่จะถามเหตุผลกับพวกเขา เขาก็วางสายไปในทันที”