ตอนที่ 163 หลบหนีออกจากหน่วย SHIELD

หลังจากที่ซู่เจินมาถึง เขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศภายในฐานมันค่อนข้างเต็มไปด้วยความอึดอัดและเจตนาฆ่า ซึ่งหลังจากที่ร่างของเขาร่อนลงสู่พื้น เขาก็เดินเข้าไปในฐานทันที และเมื่อเข้ามาด้านในเขาก็สามารถสังเกตได้ชัดเจนเลยว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในฐานกําลังเสแสร้งแกล้งทําว่าตอนนี้สถานการณ์มันยังคงปกติดีอยู่ ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

“ทําไมผมถึงคิดว่าคุณดูประหม่าจัง ?” ซู่เจินหันไปพูดกับคนที่เดินตามเขามา

ชายคนนั้นยิ้มขึ้นมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติและค่อย ๆ พูดขึ้นมาว่า “เอ่อ … ฉันไม่ได้ประหม่า แต่แค่ตื่นเต้นมากไปหน่อย เพราะว่าฉันคอยติดตามข่าวเกี่ยวกับคุณอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังไม่เคยพบคุณตัวเป็น ๆ แบบนี้มาก่อน มันก็เลยทําให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากไปหน่อย”

“แล้วคุณอยากได้ลายเซ็นของผมไหม ?” ซู่เจินถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“ไม่… ไม่เป็นไร” ชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหัวขึ้นมาเบา ๆ

ซู่เจินยักไหล่ขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ได้ชอบผมมากสักเท่าไหร่ เอาล่ะ! ผมคงจะอยู่ที่นี่อีกสักพักหนึ่ง และผมก็หวังว่าผมจะได้เจอกับคุณอีกครั้งหนึ่งนะ” เมื่อพูดจบซูเจินก็เดินเข้าไปด้านในของยานบินอย่างรวดเร็ว ส่วนชายคนนั้นก็ไม่ได้เดินตามซู่เจินไป แต่เขาหันหลังกลับมาและตะโกนขึ้นมาว่า

“ปิดประตู!”

หลังจากนั้นไม่นานประตูมันก็ค่อย ๆ ปิดลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับมีคนมารวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้าของซู่เจิน

ในขณะเดียวกันซู่เจินก็มองไปที่โควสันที่อยู่ตรงหน้าของเขาและพูดขึ้นมาว่า “จําคําที่ผมเคยบอกกับคุณเอาไว้ได้ไหม ? ที่ว่า SHIELD ไม่ใช่สถานที่อย่างที่คุณเคยจินตนาการเอาไว้ ? เพราะว่าหลังจากที่กัปตันอเมริกาสามารถเอาชนะเรดสกัลล์และทําลายไฮดร้าลงไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นไฮดร้าก็ยังไม่ได้ถูกทําลายจนหมดสิ้น พวกเขาใช้ความสับสนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นในการแทรกซึมเข้ามาภายใน SHIELD มาหลายปีแล้ว และพวกเขายังพยายามกัดเซาะหรือหาวิธียึดครอง SHIELD อยู่ตลอดเวลา และเมื่อเวลาตอนนั้นมาถึงไฮดร้าก็เตรียมพอที่จะเฉิดฉายขึ้นมาบนโลกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้มันก็มีเหตุการณ์ที่นิคฟิวรี่ถูกลอบสังหาร แต่ผมก็สามารถช่วยเหลือเอาไว้ได้บวกกับการที่ตอนนี้ไฮดร้าได้รวมมือกับบราเธอร์ฮูดออฟมิวแทนต์สของแม็กนีโตที่เต็มไปด้วยมนุษย์กลายพันธ์จํานวนมากมาย และหลังจากนี้ไม่นาน SHIELD ก็จะถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน”

“มันเป็นไปไม่ได้!”

โควสันพูดขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ซู่เจินโบกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อขัดจังหวะความประหลาดใจของพวกเขาและพูดต่อว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนกลับไปแล้ว แล้วคุณรู้ไหมว่าตอนนี้ที่ฐานแห่งนี้มันไม่สามารถให้พวกอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว ? เมย์ ?”

“ฉันเตรียมพร้อมเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และมันก็สามารถขึ้นบินได้ตลอดเวลา แต่ว่า .. ” เมย์ตอบกลับมา

“ตอนนี้ประตูของฐานถูกปิดสนิท ทําให้พวกเราไม่สามารถออกไปได้” ฟิตซ์พูดขึ้นมา

“ดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นด้านนอก” สกายพูดขึ้นมาด้วยความจริงจังพร้อมกับหยิบคอมพิวเตอร์ขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็กดฉายภาพไปยังหน้าจอโฮโลแกรม

ทําให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าด้านนอกในตอนนี้กําลังมีกองกําลังติดอาวุธกําลังค่อย ๆ ล้อมรอบยานบินเอาไว้ ทําให้โควสันและคนอื่น ๆ ที่เห็นเช่นนี้ถึงกับตกตะลึงและมองไปที่ภาพนั้นด้วยไม่อยากเชื่อ

“เดี๋ยวฉันจะออกไปจัดการกับพวกเขาให้!”

ซิฟชักดาบของเธอออกมาพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างกล้าหาญ

“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเอง ส่วนพวกคุณก็ไปเตรียมตัวให้พร้อมสําหรับการหนีออกไปจากที่นี่” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเอามีดคู่แห่งความกลัวทั้งสองเล่มของเขาออกมา หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไป ด้านนอกอย่างช้า ๆ

และเมื่อซู่เจินเดินมาถึงบริเวณประตู เขาก็ค่อย ๆ เอามีดฟันไปที่ประตูอย่างช้า ๆ

ในขณะเดียวกันมันก็มีรูขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา ทําให้ซู่เจินสามารถมองเห็นกองกําลังที่อยู่ด้านนอกได้ ซึ่งกองกําลังพวกนั้นก็กําลังเล็งปืนมาทางด้านของซู่เจินอยู่

“มันจบแล้ว!”

ซู่เจินขยับข้อมือของเขาพร้อมกับแหว่งมีดคู่แห่งความกลัวเบา ๆ ทันใดนั้นประตูมันก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว และร่างของซู่เจินก็กระโดดไปด้านหน้าทันที

“ปัง!”

เมื่อพวกกําลังติดอาวุธเห็นว่าซู่เจินกระโดดเข้ามาหาพวกเขา พวกเขาก็เริ่มยิงไปที่ซู่เจินทันที!

มีดทั้งสองเล่มในมือของซู่เจินแกว่งไปมาในอากาศ พร้อมกับลูกกระสุนที่เบี่ยงเบนออกไปด้านข้างที่ละนัดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างของซู่เจินก็ปรากฏตัวขึ้นตรงใจกลางของกองกําลังติดอาวุธ ในขณะเดียวกันมีดของซู่เจินก็ตวัดลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นออกมา ซึ่งมีดคู่แห่งความกลัวในตอนนี้มันเปรียบ เสมือนกับเคียวของยมทูตที่กําลังเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณอย่างต่อเนื่อง

ทันใดนั้นมันก็มีระเบิดลอยมาตรงหน้าของซู่เจิน ทําให้ซู่เจินเงยหน้าขึ้นไปมองมันเล็กน้อย พร้อมกับระเบิดที่หยุดอยู่กลางอากาศ หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปมองคนที่ปาระเบิดมาพร้อมกับระเบิดที่กระเด็นกลับไปหาคนที่ปาอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนที่ปาระเบิดก็พยายามที่จะวิ่งสุดชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายเกินไป ทําให้ร่างของชายคนนั้นถูกระเบิดจนเป็นเสี่ยง ๆ

“พังทลายไปซะ!”

ซู่เจินมองไปที่ประตูเหล็กหนาที่อยู่ตรงหน้าของเขา พร้อมกับตะโกนขึ้นมา ทันใดนั้นเครื่องแบบอีเทอร์ที่สวมอยู่บนร่างกายของเขาก็เปลี่ยนกับเป็นอนุภาคอีเทอร์ และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นของเหลวสีแดงเข้มและพุ่งตรงไปที่ประตูทันที

ตึง ตึง ตึง

ซึ่งอนุภาคก็สามารถทะลุผ่านประตูเหล็กหนาอันนั้นไปได้อย่างง่ายดาย และมันก็เริ่มเคลื่อนตัวไปมารอบ ๆ ประตูซ้ําไปซ้ํามา และถึงแม้ว่าประตูเหล็กหนามันจะไม่ได้เปิดออกมา แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากนั้นไม่นานประตูมันก็ค่อย ๆ หลุดออกมาจากกําแพงและค่อย ๆ ตกลงมาสู่พื้น ทําให้เมย์ที่กําลังนั่งอยู่ตรงห้องควบคุมรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย เพราะถ้าเกิดว่าประตูบานนี้มันตกลงมา มันจะต้องทําให้ยานบินลํานี้เสียหายอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานความกังวลของเธอก็หมดไป เพราะในขณะที่ประตูกําลังตกลงมา อนุภาคอีเธอร์ก็เริ่มไหลไปรอบ ๆ ประตูอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับประตูที่ลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นไม่นาน มันก็หายไปอย่างสมบูรณ์

ซึ่งเมื่อเมย์เห็นเช่นนั้นเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และเริ่มเดินเครื่องของยานบินสําหรับการบินออกไปทันที

ในขณะเดียวกันพวกกองกําลังติดอาวุธก็เริ่มยิงไปที่ยานบินอย่างบ้าคลั่ง และพยายามป้องกันไม่ให้ยานบินมันบินขึ้นไปได้ ทันใดนั้นซู่เจินก็โบกมือของเขาขึ้นมาเบา ๆ ทําให้ยานบินถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานสีเขียวเข้มห่อหุ้มเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานอนุภาคอีเทอร์ก็กลับคืนสู่ร่างกายของซู่เจินและเปลี่ยนเป็นชุดออกรบของเขา ทันที ทันใดนั้นซู่เจินก็ยกมีดเล่มสีดําของเขาขึ้นมา และทันใดนั้นมีดเล่มสีดําของซู่เจินก็ไปปรากฏขึ้นบนยานบินอย่างกะทันหัน ในขณะเดียวกันกองกําลังติดอาวุธที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็เริ่มรู้สึกถึงความกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก พร้อมกับลมหายใจของพวกเขาที่หายใจออกมามันก็เริ่มกลายเป็นหมอกสีดํา ทําให้ความกลัวมันเริ่มฝังลึกเข้าไปภายในจิตใจของพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“ฟุบ!”

ปืนที่ถืออยู่ของคนพวกนั้นค่อย ๆ ลดระดับลงหรือไม่ก็หมอบลงไปกับพื้นพร้อมกับเอามือกุมหัวเอาไว้ด้วยความกลัว ทันใดนั้นมันก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาพร้อมกับร่างของคน ๆ หนึ่งที่ลงไปนอนกองกับพื้น ซึ่งสาเหตุมันก็น่าจะมาจากการที่เขาถูกครอบงําด้วยความกลัวจนทําให้เขาเสียสติและฆ่าตัวไป

“จะมายุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้ทําไม!” ซู่เจินเหลือบมองไปยังชายคนที่ฆ่าตัวตายเล็กน้อย ซึ่งคน ๆ นี้ก็คือคนที่เดินตามซู่เจินเข้ามาภายในฐานในตอนแรก

หลังจากนั้นซูเจินก็เอาพลังงานห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ พร้อมกับค่อย ๆ บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็สามารถบินไล่ตามยานบินจนทัน พร้อมกับเมย์ที่เปิดประตูด้านหลังของยานให้กับซู่เจิน ทําให้ซู่เจินที่เห็นเช่นนั้นก็บินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว พร้อมกับประตูของยานบินที่ปิดลง

เมย์ทําหน้าที่ในการขับยานบิน ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็กําลังรออยู่ที่ห้องประชุม และเมื่อพวกเขาเห็นซู่เจินเดินเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาทันที เพราะว่าพวกเขาก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะเกิดสิ่งนี้ขึ้น

“พวกเราจะทํายังไงกันดี” ฟิทซ์มองไปที่ซู่เจินพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะว่าตอนนี้ซูเจินก็เปรียบเสมือนกับหัวหน้าของพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว!