ตอนที่ 127 รังแกผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ตอนที่ 128 จับขังใส่กรงไม้ไผ่ถ่วงน้ำ

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 127 รังแกผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ

ภูตโสมเคยเอ่ยไว้ว่า คนก็กลายเป็นเซียนได้เช่นกัน เพียงแต่คิดจะเหาะเหินได้ก็เท่ากับการฝันกลางวัน เว้นแต่สะสมคุณงามความดีเอาไว้หลายภพชาติ และเป็นจังหวะที่บุญกุศลสมบูรณ์พอดิบพอดี…

นอกจากนั้นภูตโสมก็เอ่ยไว้เช่นกันว่า แสงคุณงามความดีที่ติดตัวนางแม้จะมีอยู่ แต่ไม่มาก จัดว่าอยู่ในระดับธรรมดา ฉะนั้นเลิกคิดร้องขอเหาะเหินไปได้เลย

แต่ในเมื่อมีการพูดถึงว่ากลายเป็นเซียนได้ แล้วไยจะไม่ลองพยายามดูสักตั้งล่ะ?

ต่อให้ภพชาตินี้เป็นไม่ได้ แต่ภพชาติหน้าล่ะ ภพชาติถัดๆ ไปอีกล่ะ?

แน่นอนว่า ต่อให้กลายเป็นเซียนไม่ได้ บางทีคุณงามความดีนี้ก็อาจพอช่วยให้เลือกเกิดได้ ชีวิตนี้กระทำความดีสะสมบุญ ภพชาติหน้าจะได้เกิดมาในฐานะที่ดีหน่อย ยามที่จะทำเรื่องราวความดีก็จะได้เบาแรงหน่อย

จะว่าไปลองคำนวณคร่าวๆ นางก็ทำเงินจากบ๊ะจ่างได้จำนวนไม่น้อยแล้วเช่นกัน ในสิบตำลึงเงินนี้เกินกว่าครึ่งก็คือเงินที่ผู้อื่นมอบให้ นางออกเพียงแค่สามตำลึงเท่านั้นเอง นอกจากจะได้ซื้อชื่อเสียงดีงามแล้ว ยังได้สะสมบุญกุศลอีกด้วย เป็นเรื่องดียิ่งอะไร?!

ดังนั้น ซ่งอิงเอ่ยยื่นคำขาดอย่างจริงจัง “ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน เงินที่ข้าเก็บเอาไว้เพียงพอสำหรับการซื้อที่ดินแล้ว เงินเหล่านี้เป็นเพียงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากมอบให้เท่านั้นเองเจ้าค่ะ”

หัวหน้าหมู่บ้านไม่ดื้อดึงจนเกินไป ยอมรับเงินเอาไว้แต่โดยดี

“ในเมื่อเจ้ายืนยันความตั้งใจนี้ เช่นนั้นข้าก็จะรับเอาไว้ เจ้าวางใจได้ รายได้ของหมู่บ้านทุกๆ ปีล้วนมีบัญชีชัดเจน เงินที่เจ้าบริจาคนี้ข้าจะบันทึกเอาไว้ หากเจ้าอยากรู้ว่านำไปใช้ส่วนใด ไว้วันหลังมาขอตรวจดูบัญชีก็ย่อมได้เช่นกัน” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว

นี่ก็คือส่วนดีของหัวหน้าหมู่บ้าน

เพียงแต่หัวหน้าหมู่บ้านเพิ่งพูดจบหยกๆ ด้านนอกก็มีคนส่งเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมา

“หลี่เจิ้งต้าเหริน[1]อา ช่วยตัดสินให้พวกข้าด้วยเถิดเจ้าค่า!”

หัวหน้าหมู่บ้านซ่งขมวดคิ้ว “เอะอะก่อกวนกันอีกแล้ว นี่ไม่รู้เช่นกันว่าหญิงแก่ครอบครัวใครไม่รู้จักปฏิบัติตามระเบียบปานนี้ ส่งเสียงโหวกเหวกอยู่ได้ หากถูกคนมีเจตนาไม่ดีได้ยินเข้า คงได้คิดว่าข้ารังแกผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ!”

ระเบียบปฏิบัติของราชวงศ์ต้าติ้งของพวกเขา โดยทั่วไปผู้ดำรงตำแหน่งขุนนางที่มีขั้นยศเท่านั้นจึงจะเรียกต้าเหรินได้

หัวหน้าหมู่บ้านตำแหน่งเล็กๆ หากเรียกว่า ‘ต้าเหริน’ ผู้อื่นจะต้องคิดว่าเขาเป็นพวกหยิ่งยโสทระนงตนเป็นแน่

“ท่านปู่หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านออกไปดูหน่อยเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนท่านย่าตรงนี้สักประเดี๋ยวเจ้าค่ะ” ซ่งอิงได้ยินเสียงจากข้างนอก คาดว่าน่าจะเป็นหลิวซื่อ

ดังนั้นนางต้องการฟังว่าอีกฝ่ายต้องการพูดอะไร แทนที่จะรีบร้อนจากไป

ภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นอีกคนหนึ่งที่จิตใจดีมีเมตตา และชื่นชอบนางอย่างยิ่งเช่นกัน จึงยินดีที่จะให้นางอยู่นางๆ หน่อยเป็นธรรมดา

หัวหน้าหมู่บ้านเดินพ้นประตูเรือนออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หลิวซื่อร้องห่มร้องไห้มาตลอดทาง ด้านหลังมีผู้คนติดตามมาจำนวนมาก

ขณะนี้ทั้งหมดแห่กันมาชุมนุมอยู่ในลานบ้านของบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน

“หลี่เจิ้งต้าเหริน…”

“หุบปาก! ต้าเหรินใช่คำที่จะเรียกได้สุ่มสี่สุ่มห้าหรือไร?!” หัวหน้าหมู่บ้านตะคอกทันที

หลิวซื่อตกใจสะดุ้งตัวโยน พลันฉุกนึกขึ้นได้ รีบเอ่ยปากแก้ “ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน…ท่านต้องช่วยจัดการให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ…”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้วมุ่นขณะกล่าว

“ข้า…ข้าไม่มีหน้าไปเจอผู้คนแล้วเจ้าค่ะ!” หลิวซื่อกอบกุมใบหน้าร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา “หากท่านไม่จัดการให้ข้า ข้าจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงให้ตายๆ ไปเสียเลย!”

หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดใจถึงสุดขีด เขาเอ่ยปากถามอีกฝ่ายแล้วว่ามีเรื่องอันใด แต่อีกฝ่ายกลับทำตัวเป็นผู้น่าสงสารแทนที่จะเอ่ยพูด นี่มันช่าง…

เฮ้อ ช่างเถอะ หญิงในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือ มีหญิงพฤติกรรมปากร้ายไม่รู้จักเหตุจักผลเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดเช่นกัน

“หากเจ้าอยากตายข้าก็ไม่ห้าม เจ้าก็พุ่งชนหินก้อนใหญ่ด้านนั้นไปเสียสิ้นเรื่อง แต่หากเจ้าอยากให้ข้าช่วยจัดการเรื่องราวให้เจ้า ก็ต้องเอ่ยบอกเล่าให้เข้าใจ มิเช่นนั้นข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมอันใดมา แล้วจะตัดสินให้ได้อย่างไร หรือว่าต้องให้ข้าจับคนทั้งหมู่บ้านมาเฆี่ยนตีเพื่อระบายอารมณ์ให้เจ้า?” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวจริงจัง

“เป็นนางซ่งเอ้อร์ยาเจ้าค่ะ! นางยั่วยวนสามีข้าไปแล้วเขาก็ไม่กลับมาหนึ่งคืนแล้วเจ้าค่ะ!” หลิวซื่อแผดเสียงดังลั่นเอ่ยพูด

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา บริเวณรอบข้างทั้งสี่ทิศพลันเงียบสงัด

ทุกคนมองหลิวซื่ออย่างงุนงง

คำพูดนี้ ช่างน่าขันเกินไปแล้วกระมัง?!

ซ่งอิงเป็นใคร? นั่นเป็นคนที่เคยได้เกือบหมั้นหมายกับหลี่จิ้นเป่านะ? พูดตามตรงก็คือ คนเขาเป็นเด็กรุ่นหลัง แล้วจะไปหว่านเสน่ห์ยั่วยวนใส่หลี่ซานได้อย่างไรกันล่ะ?!

ตอนที่ 128 จับขังใส่กรงไม้ไผ่ถ่วงน้ำ

ต่อให้ไม่มีหลี่จิ้นเป่า นั่นก็ยังคงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี!

ภูมิหลังซ่งอิงนางเป็นถึงคนตระกูลผู้ร่ำรวยและมีบรรดาศักดิ์ จะถูกตาต้องใจหลี่ซานชาวบ้านที่ใช้ชีวิตเตร็ดเตร่ไร้การไร้งานทำประเภทนั้นได้ที่ไหนกัน!

หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินคำพูดนี้ก็เดือดดาลเสียยิ่งเช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้ฟังรายละเอียด คงไม่ดีนักหากจะกล่าวตำหนิออกไปในทันที จึงสะกดกลั้นความโมโหแล้วเอ่ยพูด “หมู่บ้านพวกเราแม้เล็ก แต่ก็มีกฎระเบียบ ความบริสุทธิ์ของสตรีถือเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้เจ้าระบุถึงซ่งอิงต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ หากเป็นเรื่องโกหก จำเป็นต้องได้รับโทษสถานหนัก!”

“ไม่ได้โกหกนะเจ้าคะ! ไม่ได้โกหกแน่นอน!” หลิวซื่อกล่าวทันควัน

“กลางดึกเมื่อวาน สามีข้าต้องการออกไปข้างนอกให้ได้ ข้าถามเขาว่าจะไปไหน เขาบอกว่าจะไปทำธุระทางด้านบ้านซ่งเอ้อร์ยาสักหน่อย ตอนนั้นแน่นอนว่าข้าเองก็รู้สึกผิดปกติ อยากขัดขวาง ภายหลังข้าลองไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้ลูกชายครอบครัวข้าไม่มีคู่ครองแล้ว เอ้อร์ยาก็อยู่เป็นแม่ม่าย นางเด็กสาวสารเลวนั่นจะต้องเกิดความนึกคิดบางอย่างเป็นแน่ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยพูดต่อคนภายนอก จึงอยากเรียกหาสามีข้าไปพูดคุย หรือไม่อาจอาศัยตำรับลับบ๊ะจ่างที่ตนเองมี คิดจะใช้เป็นสินเดิมแลกกับการให้สามีข้าตอบตกลง…”

“เช่นนี้ ข้าจึงไม่ได้ขัดขวางเขา ลองๆ คิดดู สองครอบครัวอยู่ใกล้กันขนาดนี้ เรื่องเล็กน้อยนี้ เวลาสองเค่อก็น่าจะเพียงพอแล้ว ใครจะรู้ว่าพอไปแล้ว…ตลอดทั้งคืนก็ไม่กลับมาเสียที!”

“ข้าอยู่คอยที่บ้านได้ครู่หนึ่งก็ผล็อยหลับไปก่อน หลังตื่นขึ้นมาพบว่าบนเตียงด้านข้างมีเพียงความเย็นเยียบ คิดไม่ถึงว่าเขาไอ้คนทรยศผู้นี้จะไม่กลับมา!”

“จะต้องเป็นนางโสเภณีควรตายนั่นเกิดเหงาในยามดึก จึงรั้งตัวเขาเอาไว้!”

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านอา ท่านจะต้องจัดการให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ! นางโสเภณีสาวที่จิตใจชั่วช้าระดับนี้ก็ควรจับขังใส่กรงไม้ไผ่ถ่วงน้ำ[2]เสียเลย!”

คำพูดนี้…

จริงครึ่งไม่จริงครึ่ง

ที่นางก็รับรู้เรื่องสามีตนออกจากบ้านไปเมื่อคืนเป็นความจริง ซึ่งนางก็รู้ด้วยว่า สามีนางไปเพื่อขโมยของ

สามีนางยืนยันด้วยความมั่นใจว่าซ่งอิงมีเงินจากการขายโสมแน่นอน นางรู้เช่นกันว่าสามีของตนไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังคำอ้อนวอน และคิดว่าซ่งอิงเป็นแค่หญิงสาวคนหนึ่ง สามีนางต้องลงมือได้สบายมากแน่ จึงไม่ได้สนใจเขา ส่วนตัวเองก็นอนหลับไป

นางเป็นคนหลับลึกมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นครั้นรู้สึกตัวตื่นก็ฟ้าสว่างโร่แล้ว เมื่อลืมตาขึ้นจึงพบว่า ตลอดทั้งคืนสามีไม่ได้กลับมา

ทันใดนั้นจึงลนลานขึ้นมา

เงินที่ได้จากการขายโสม…ซ่งอิงมีอยู่จริงๆ หรือ?!

คงไม่ใช่ว่าที่สามีนางพูดเป็นการหลอกลวงนางแล้วกระมัง!

อีกทั้งระยะนี้ สามีนางมักละเมออยู่บ่อยครั้ง เอ่ยถึงตระกูลซ่ง เอ่ยถึงซ่งอิงเป็นครั้งคราว ทำอะไรก็ดูไม่สมเหตุสมผล คล้ายว่ามีความลับอะไรอยู่ เกรงว่าจะถูกนางหญิงเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายนั่นหว่านเสน่ห์ใส่มาพักใหญ่แล้วกระมัง!?

ซ่งอิงหน้าเสียโฉม แต่เรือนร่างดูดี หากดับเทียนไม่เห็นใบหน้านั่นก็คือหญิงสาววัยเบ่งบานสะพรั่งคนหนึ่งดีๆ นี่เอง!

สามีของนางที่ไม่อยู่ในลู่ในทางจะอดใจไหวได้อย่างไร?

นางไม่ตรึกตรองใดๆ ทั้งนั้น ตรงปรี่มาหาหัวหน้าหมู่บ้านทันที

ยามนี้ดวงตะวันลอยเด่นแล้ว สามีนางยังไม่ปรากฏตัวเสียที ไม่แน่ว่าเมื่อคืนจะเหน็ดเหนื่อยจนสลบไสล หลับเป็นตายอยู่ในห้องของนางจิ้งจอกสาวชั่วร้ายผู้นั้น!

แววตาซ่งอิงในตอนนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด

“หลิวซื่อ! นี่ล้วนเป็นการคาดเดาของเจ้าทั้งสิ้น เจ้าได้เห็นกับตาแล้วหรือว่าหลี่ซานเข้าไปในบ้านของซ่งอิง? ได้เห็นกับตาว่าพวกเขา…” หัวหน้าหมู่บ้านกระดากปากเกินกว่าจะพูด “เจ้าอย่าได้จงใจให้ร้ายซ่งอิงเพียงเพราะความไม่พึงพอใจส่วนตัว มิเช่นนั้นหากข้าตรวจสอบได้ความกระจ่างแล้ว จะจับตัวเจ้าไปยังโถงบรรพชนของหมู่บ้าน แล้วลงไม้โบยอย่างหนัก!”

แต่ละหมู่บ้านก็ย่อมมีกฎระเบียบประจำหมู่บ้าน

หมู่บ้านพวกเขาแห่งนี้ แม้จะมีตระกูลครอบครัวใหญ่ๆ หลายตระกูล แต่ด้วยความที่มีประสบการณ์หนีความอดยากเมื่อสิบกว่าปีก่อน ดังนั้นทุกครอบครัวล้วนไม่ค่อยมั่งคั่ง กล่าวตามตรงคือ หลากหลายแซ่อาศัยอยู่ปะปนกันไปเท่านั่นเอง

เพื่อสะดวกแก่การควบคุมจัดการ กลับไม่ต่างจากชนกลุ่มน้อย หากครอบครัวใครกระทำความผิดอันเป็นเรื่องใหญ่โตที่ไร้คุณธรรมอย่างร้ายแรง จำเป็นต้องได้รับการลงโทษ ณ โถงบรรพชนของหมู่บ้าน

แน่นอนว่า หัวหน้าหมู่บ้านซ่งเป็นคนตรงไปตรงมาแต่ก็ใจอ่อน อย่างมากก็แค่ลงไม้โบยหรือไม่ก็ให้คุกเข่าที่โถงบรรพชนอะไรทำนองนี้ ไม่มีเคยลงโทษประเภทที่ว่า ‘จับขังใส่กรงไม้ไผ่ถ่วงน้ำ’ หรือลงโทษด้วยการจุดไฟเผาอะไรทำนองนั้นเช่นหมู่บ้านอื่นๆ

“นั่นเป็นสามีข้านะเจ้าคะ เขาไปไหนข้ามีหรือจะไม่รู้ ไม่เชื่อท่านก็ไปตรวจสอบเลยเจ้าค่ะ เขาต้องอยู่ในบ้านซ่งอิงแน่นอน! ตอนที่ข้ามาได้ให้คนจับตาดูประตูบ้านของซ่งอิงเอาไว้แล้ว!” หลิวซื่อกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เชิญหลิวซานเหนียงไปดูพร้อมกับข้าเลยแล้วกัน” ซ่งอิงเดินออกมาจากในห้อง

———————–

[1] หลี่เจิ้งต้าเหริน (里正大人) หลี่เจิ้ง (里正) เป็นคำเรียกเจ้าหน้าที่ทางการยุคสมัยโบราณ ถือเป็นผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่ากับหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง ต้าเหริน (大人) หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า ใต้เท้า ซึ่งเป็นคำสำหรับเรียกขุนนางที่มีศักดิ์สูงส่ง

[2] จับขังใส่กรงไม้ไผ่ถ่วงน้ำ (浸猪笼) คือวิธีการลงโทษชายหญิงที่ลักลอบคบชู้กันในยุคสมัยโบราณ โดยจับมัดมือมัดเท้าแล้วเอาใส่กรงที่ปกติจะเอาไว้ใส่หมู จากนั้นนำไปวางในแหล่งน้ำ รอให้นำค่อยๆ สูงขึ้น กระทั่งท่วมมิดคนผู้นั้นจมน้ำตายไป