บทที่ 68 ก้าวเข้าสู่ร้านจิ่นฝู

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 68 ก้าวเข้าสู่ร้านจิ่นฝู

บทที่ 68 ก้าวเข้าสู่ร้านจิ่นฝู

ชายคนนั้นมีรูปร่างไม่สูงแต่ก็ทว่าไม่เตี้ย เขาสูงประมาณ 1.75 หรือ 1.76 หมี่ มีผิวซีดขาวและมีสัดส่วนที่ดี ดวงตาอ่อนโยนของเขาเป็นประกายฉายแววเฉียบแหลม สวมเสื้อแพรแขนยาวสีน้ำเงินกรมท่า มีพู่สีน้ำเงินยาวผูกรอบเอวประดับพู่หยกขาวชิ้นบางอันหนึ่ง ซึ่งเกรงว่าคงมีราคาสูง

กู้เสี่ยวหวานเดาว่าคนที่แต่งตัวดีคนนี้คงจะเป็นเถ้าแก่ร้าน ก่อนที่เขาจะพูด เหมียวเอ้อร์ก็รีบเอ่ยฟ้องก่อน “เถ้าแก่ เสี่ยวเซิ่งจื่อพาขอทานเข้ามาในร้านอาหารที่เต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย โชคดีที่ข้าคอยดูแลอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่รู้ว่านางจะรบกวนมื้ออาหารของลูกค้าขนาดไหน” หลังจากพูด เขาก็มองที่เสี่ยวเซิ่งจื่อที่หน้าแดงก่ำ

ก่อนที่เสี่ยวเซิ่งจื่อจะอธิบายได้ เขาก็เห็นว่าเจ้าของร้านไม่สนใจคำพูดของเหมียวเอ้อร์เลย “เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว เจ้าไปทำหน้าที่ของเจ้าเถอะ!”

“เถ้าแก่ แต่…” เหมียวเอ้อร์ยังไม่ยอมแพ้ เป็นไปได้อย่างไร สาวน้อยในชุดขาดรุ่งริ่งคนนี้ถูกเสี่ยวเซิ่งจื่อพาเข้ามา ลูกค้าที่มาที่นี่ต่างเป็นคนร่ำรวยและน่านับถือ จะปล่อยให้ขอทานเข้ามาได้อย่างไร ถึงแม้จะเป็นของเหลือที่แขกไม่กิน พวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์กิน!

“รีบไปเถอะ” หลี่ฝานพูดอย่างฉุนเฉียว ไม่พอใจเล็กน้อย

เมื่อเหมียวเอ้อร์เห็นว่าเจ้าของร้านไม่สนใจ เขาจึงรู้สึกขุ่นเคืองต่อเสี่ยวเซิ่งจื่อและขอทานตัวน้อยด้วยไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และพ่นลมใส่เสี่ยวเซิ่งจื่อที่มองดูอยู่อย่างดูถูกเหยียดหยามและเดินจากไป

จากนั้น เสี่ยวเซิ่งจื่อก็รู้สึกโล่งใจ แต่เขากลับไม่เห็นแววตาที่ชั่วร้ายของเหมียวเอ้อร์ที่จ้องมองมา

เมื่อหลี่ฝานเห็นเหมียวเอ้อร์เดินออกไป เขาก็หันกลับไปสำรวจกู้เสี่ยวหวานตั้งหัวจรดเท้า เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้อายุเพียงเจ็ดหรือแปดปีและสวมชุดขาดรุ่งริ่ง แต่ด้วยอารมณ์นิ่งสงบและท่าทางที่มั่นใจนั้นของนางก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาต้องเชื่อใจนาง และทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ หลี่ฝานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเอ่ยขึ้น “สาวน้อย เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้ามีฝีมือปรุงปลาจี้ได้ดีใช่หรือไม่?”

เมื่อนึกย้อนกลับไปในวันที่ร้านจิ่นฝูเปิดตัวครั้งแรกเมื่อสองปีที่แล้ว แผนของร้านจิ่นฝูคือบินบนฟ้า ว่ายในน้ำ วิ่งบนดิน พวกสองขา พวกสี่ขา พวกขาเดียว หรือแม้แต่พวกไม่มีขา ไม่ว่าจะเป็นมังสวิรัติหรือเนื้อสัตว์ ก็ต้องทำให้เป็นอาหารจานพิเศษ

ตอนนั้นมีอาหารจานปลาอย่างหนึ่งคือเนื้อปลาตุ๋น ซึ่งพ่อครัวปรุงอย่างไรก็ไม่อร่อย รสชาติแปลกประหลาดจนลูกค้าไม่ค่อยนิยมกิน ยิ่งไปกว่านั้นปลาจี้ชนิดนี้ยังมีขนาดเล็กและมีก้างจำนวนมาก จึงมักมีลูกค้าที่รับประทานอาหารอย่างรวดเร็วทำก้างปลาติดคอ ทำให้ร้านจิ่นฝูต้องเสียเงินชดใช้เป็นจำนวนมาก ในท้ายที่สุดอาหารจานปลานั้นก็ถูกยกเลิกไป และไม่มีลูกค้ากินมันอีกเลย!

ตอนนี้มีเด็กหญิงอายุเจ็ดหรือแปดขวบมาหาเขา และบอกว่าสามารถปรุงปลาจี้ให้มีรสชาติอร่อยจนทำให้ลูกค้าชื่นชอบมันได้ นี่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่!

หลี่ฝานรู้สึกประหลาดใจและงงงวย

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหน้าเขาอายุไม่มากนัก เสื้อผ้าของนางก็ขาดรุ่งริ่ง แต่บุคลิกของนางดูมีความมั่นใจและพากเพียรอย่างเป็นธรรมชาติ จนทำให้เขาต้องเชื่อนาง ดูเหมือนว่านางจะมีเวทมนตร์แบบนั้นอยู่ในมือ

“สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านอาเถ้าแก่ร้าน! ใช่แล้ว ข้ามีวิธีที่จะทำให้ลูกค้าของท่านเพลิดเพลินอย่างแน่นอน” กู้เสี่ยวหวานโค้งคำนับอย่างสุภาพและเอ่ยอย่างมั่นใจ!

หลี่ฝานเห็นท่าทางที่แน่วแน่และมั่นใจของกู้เสี่ยวหวานจึงเอ่ยขึ้น “เอาล่ะสาวน้อย เข้าไปคุยกันเถอะ”

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและเดินตามหลี่ฝานเข้าไปในห้องครัว ครัวอยู่ด้านหลังร้านอาหาร เดินลงบันไดที่ชั้นหนึ่งไปข้างหลัง ไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึงในครัว

ทันทีที่นางเข้าไปในครัว กู้เสี่ยวหวานกวาดสายไปรอบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ไม่น่าแปลกใจที่ร้านจิ่นฝูแห่งนี้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลิวเจีย เมื่อมองดูก็พบว่ามันสะอาดเป็นระเบียบ และเครื่องใช้ภายในก็ใหม่เอี่ยมทั้งหมด คาดว่าเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังร้านจิ่นฝูนี้ค่อนข้างมีอิทธิพลไม่น้อย

ห้องครัวครอบคลุมพื้นที่สองร้อยตารางหมี่ คาดว่ามีเตาขนาดใหญ่และขนาดเล็กกว่ายี่สิบเตา

อาหารที่ปรุงมีความประณีต หลากหลาย และสม่ำเสมอ ทั้งอาหารประเภทเนื้อสัตว์และผักได้รับการจับคู่อย่างชัดเจน และจัดวางอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะตรงกลาง อาจเป็นเพราะอาหารถูกปรุงสุกหมดแล้ว พ่อครัวทั้งสองจึงไม่ได้ปรุงที่หน้าเตา

แม้โดยปกติแล้วห้องครัวจะมีกลิ่นวัตถุดิบและกลิ่นน้ำมันรุนแรงแถมยังเปียกโชก แต่ห้องครัวนี้กลับสะอาดเป็นระเบียบมาก บนพื้นยังแห้งและสะอาด ซึ่งทำให้คนมองรู้สึกสบายใจ

“สาวน้อย เจ้าจะทำอะไร?” หลี่ฝานพากู้เสี่ยวหวานเข้าไปในครัวและถามด้วยรอยยิ้ม เมื่อเข้ามาแล้วก็ชำเลืองมองกู้เสี่ยวหวานทางหางตา และพบว่าเด็กหญิงตัวเล็กคนนี้ยังเด็กก็จริง แต่ท่าทางของนางกลับสงบนิ่ง ไม่มีความขี้ขลาดหรือตื่นตระหนกอย่างที่เขาจินตนาการไว้ จึงอดสงสัยไม่ได้

แต่เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้เป็นสาวบ้านนอกธรรมดา ๆ แต่จิตวิญญาณของนางกลับเป็นสตรีที่เปี่ยมไปด้วยความรู้นับพันปีต่อมา นางไม่เคยเห็นเบื้องหลังของร้านอาหารขนาดใหญ่มาก่อน และนางไม่เคยรับประทานอาหารรสเลิศจากภูเขาและทะเล

แม้ว่าร้านจิ่นฝูนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำด้านการปรุงอาหารอันหลากหลายในสมัยโบราณ แต่ในสมัยปัจจุบันกลับเป็นเพียงความรู้ผิวเผินเท่านั้น

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานสำรวจจนพอใจ จึงกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ท่านอาเถ้าแก่ร้าน ขอรบกวนให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ออกไปข้างนอกก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“นี่?” หลี่ฝานลังเลเมื่อเห็นปลาที่กู้เสี่ยวหวานถืออยู่ในมือ พลันรู้สึกเสียใจลึก ๆ ปีนี้เขาก็อายุเกินสามสิบปีแล้ว และเขาจะเชื่อได้อย่างไรว่าสาวน้อยคนนี้จะสามารถทำอาหารรสชาติยอดเยี่ยมที่แม้แต่พ่อครัวในวังก็ทำไม่ได้?

“จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร” พ่อครัวร่างท้วมคนหนึ่งเดินออกมา รูปร่างของเขาอ้วนท้วมและมีผิวขาว มีไขมันอยู่ทั่วใบหน้า ดูเหมือนว่าปกติแล้วเวลาทำอาหารคงไม่โดนลมฤดูใบไม้ร่วง!

“ใช่แล้ว ภายในครัวนี้มีอาหารมากมาย หากปล่อยให้เจ้าอยู่ในนี้เพียงคนเดียวในร้าน ถ้าผู้อื่นส่งเจ้ามาสร้างปัญหาจะทำอย่างไร” อีกคนที่มีรูปร่างสูงผอมแต่ดูเด็กกว่าเล็กน้อยมีท่าทางไม่พอใจอย่างมาก

ในหมู่พวกเขา หลี่พ่างจื่อที่อ้วนท้วนอยู่ในวัยสามสิบปี เขาเป็นลูกชายของคนรับใช้ในตระกูลหลี่ และเป็นคนรับใช้ของตระกูลหลี่มาหลายชั่วอายุคน เดิมทีเขาเป็นคนรับใช้ส่วนตัวที่เติบโตมากับหลี่ฝาน ต่อมาหลี่ฝานได้มาเปิดร้านอาหารนี้ เมื่อเห็นว่าหลี่พ่างจื่อชื่นชอบการทำอาหาร อีกอย่างเขาก็ฉลาดและมีความซื่อสัตย์ หลี่ฝานจึงให้เขามาเป็นพ่อครัวในร้านอาหารแห่งนี้

หลี่พ่างจื่อเต็มใจที่จะทำงานอย่างหนักเพื่อเรียนรู้วิธีการทำอาหาร ในขณะนั้น เขายังได้เรียนรู้ทักษะการทำอาหารจากพ่อครัวหลวงที่กลับมาจากวังหลวง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาจึงกลายเป็นพ่อครัวที่มีฝีมือคนหนึ่ง และอาหารครึ่งหนึ่งของร้านจิ่นฝูแห่งนี้ก็ล้วนเป็นหลี่พ่างจื่อที่ทำ

………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

รอดูเสี่ยวหวานโชว์สกิลการทำอาหารแล้วจะหนาว

ไหหม่า(海馬)