บทที่ 69 แสดงฝีมือ

บทที่ 69 แสดงฝีมือ

นอกจากนี้ยังมีชายร่างสูงผอมสูงที่ถูกเรียกว่าเกาจื่อ เขามีชื่อจริงว่าเกาปั๋ว เขามีร่างกายผอมแห้ง เป็นคนประเภทที่ไม่ว่าจะกินมากเท่าไรน้ำหนักก็ไม่เพิ่ม ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษณ์ของพ่อครัวอย่างสิ้นเชิง เมื่อหลี่ฝานอยู่ในเมืองหลวง เขาได้ลิ้มลองอาหารจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง และรู้สึกว่าอาหารเหล่านี้มีรสชาติอร่อย จึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อแย่งชิงตัวพ่อครัวคนนี้มา เขาจึงมีความสัมพันธ์กับร้านอาหารเพียงสัญญาจ้างเท่านั้น เมื่อใดที่อายุมากขึ้น เขาก็สามารถเลือกที่จะอยู่ในเมืองฮาซื่อได้ ทักษะการทำอาหารของพ่อครัวมือหนึ่งถือได้ว่าเป็นขั้นสุดยอด เขาเชี่ยวชาญในอาหารซานตง อาหารเสฉวน อาหารกวางตุ้ง อาหารเจียงซูเป็นต้น ว่ากันว่าเขาเคยเดินทางลงใต้และขึ้นเหนือ กินไปทั่วทุกสารทิศและค้นหาแรงบันดาลใจในการปรุงอาหาร

หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อผู้ปรุงอาหารหลักแปดอย่างในประเทศไปแล้วครึ่งหนึ่งล้วนเป็นพ่อครัวที่เคารพนับถือของร้านจิ่นฝู

“ใช่ สาวน้อย ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า เพียงแต่ที่นี่มีอาหารสะอาดมากมาย หากมีเหตุไม่คาดฝัน ลูกค้าคนใดคนหนึ่งได้กินของไม่ดี ร้านของข้าก็จะถูกปิด” หลี่ฝานทำอะไรไม่ถูกเลย ตอนนี้เขาหมกมุ่นมากเกินไป

“ท่านอาเถ้าแก่ร้านเจ้าคะ ข้ารู้ว่าท่านอาจจะไม่เชื่อข้า เอาอย่างนี้ ข้าจะบอกวิธีและให้พ่อครัวลงมือทำอาหารเอง” กู้เสี่ยวหวานกล่าวต่อ “หนึ่งคือน้ำแกงปลาจี้ที่ดีต่อสุขภาพ และอีกอย่างคือหน่อไม้ฤดูหนาวผัดผักดอง คงต้องรบกวนพ่อครัวแล้ว”

นี่มัน…

หลายคนในตอนนี้ต่างตกตะลึง

ปลาจี้นี้สามารถทำน้ำแกงได้จริงหรือ? และยังดีต่อสุขภาพ?

หน่อไม้ฤดูหนาวนี้คืออะไร? ปัจจุบันทุกคนเคยได้รู้จักเพียงหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่นี่เป็นหน่อไม้ฤดูหนาว มันคือหน่อไม้ที่ขึ้นในฤดูหนาวใช่หรือไม่?

“นี่….” หลี่พ่างจื่อผู้อ้วนท้วนเห็นเด็กหญิงตัวเล็กพูดชื่ออาหารสองจานที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะเกาหัวอย่างงุนงง “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน จานนี้ชื่ออะไรนะ? ปลาจี้สามารถทำน้ำแกงได้หรือ? ”

“แน่นอน!” กู้เสี่ยวหวานจงใจสั่นคลอนความอยากอาหารของคนหลายคนที่อยู่ที่นี่ “ท่านอาเถ้าแก่เจ้าคะ ถ้าท่านไม่ต้องการอาหารสองจานนี้ ข้าก็จะไปที่อื่น ข้าเชื่อว่าตราบใดที่มันมีรสชาติถูกปาก จะต้องมีลูกค้ามาเป็นจำนวนมาก!” หลังจากพูดจบเสี่ยวกู้หวานก็ยกเท้าขึ้นและกำลังจะจากไป

“เฮ้ สาวน้อย รอเดี๋ยว! รอก่อน!” เมื่อหลี่ฝานได้ยินกู้เสี่ยวหวานพูดแบบนี้ก็รีบปิดกั้นทางออก

เมื่อเห็นว่าพ่อครัวสองคนทำอะไรไม่ถูก หลี่ฝานรู้ดีว่าวันนี้เขาต้องรั้งเด็กผู้หญิงคนนี้ไว้ หากนางจากไป นางจะต้องไปร้านอื่นอย่างแน่นอน

ตอนนี้ผู้คนล้วนชื่นชอบการกินข้าวนอกบ้าน แค่เพื่ออาหารที่สดและอร่อยใช่หรือไม่? ร้านของเขาไม่มีอาหารจานใหม่มาสักพักแล้ว ถ้าสาวน้อยคนนี้ไปร้านอาหารอื่น คงจะไม่คุ้มกับการสูญเสีย!

“ท่านอาเถ้าแก่ ท่านยังเชื่อข้าหรือไม่”

“ข้าเชื่อ ข้าเชื่อ ตราบใดที่เจ้าสามารถทำอาหารพิเศษสองจานได้ ข้าจะขอบคุณมาก!” หลี่ฝานพูดขณะสั่งคนอื่น ๆ “หลี่พ่างจื่อ เกาจื่อ พวกเราออกไปก่อน ออกไปกันเถอะ!”

เมื่อได้ยินหลี่ฝานเรียกพ่อครัวทั้งสองแบบนั้น กู้เสี่ยวหวานก็อดยิ้มไม่ได้ เป็นชื่อที่คู่ควรกับพวกเขาจริง ๆ!

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง กู้เสี่ยวหวานก็ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในครัว

เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าทุกคนออกไปแล้ว และไม่ได้ปล่อยเวลาไปให้เสียเปล่า ตอนนี้มีเตาว่างอยู่หลายเตา จุดไฟ ต้มน้ำ ฆ่าปลา ไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด

อย่างแรกเลย โยนปลาลงไปในอ่าง ใส่น้ำและเกลือลงไป จุดประสงค์ก็เพื่อให้ปลาคายโคลนออกมา

ในช่วงเวลานี้ กู้เสี่ยวหวานนำหน่อไม้ฤดูหนาวและผักดองออกมาจากตะกร้าบนหลัง หลังจากลอกผิวชั้นนอกของหน่อไม้ฤดูหนาวออกแล้ว นางก็หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ และหลังจากหั่นแล้วก็โยนลงหม้อและแช่น้ำ ผักดองก็เช่นกัน เด็กสาวจัดการหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และจัดใส่จานไว้

หลังจากเตรียมวัตถุดิบเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็นำปลาออกจากอ่าง ขอดเกล็ด เลาะเหงือก ควักอวัยวะภายใน ทำความสะอาดภายในทั้งหมด จากนั้นซับน้ำออกจากปลาด้วยผ้าสะอาด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้นางลงมืออย่างรวดเร็ว

กู้เสี่ยวหวานทำความสะอาดหม้อขนาดใหญ่ใบหนึ่งแล้วอุ่นให้แห้ง เพราะกลัวว่าน้ำมันจะกระเด็นในภายหลังจึงอุ่นหม้อให้นานขึ้นครู่หนึ่ง เมื่อหม้อร้อนแล้วก็เทน้ำมันลงไปเล็กน้อย ใช้แปรงใยบวบทาน้ำมันตรงขอบหม้อเบา ๆ จนกระทั่งน้ำมันร้อนได้ที่และมีควันลอยออกมา และเมื่อมันร้อนขึ้นอีกเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานก็ใส่ปลาจี้เข้าไป ตัวปลาไหลไปตามจุดที่ถูกทาด้วยน้ำมัน จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ปลาติดขอบกระทะ แล้วทอดช้า ๆ ด้วยไฟอ่อน จนปลาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองทั้งสองด้าน

เมื่อน้ำในหม้ออีกใบเริ่มเดือด กู้เสี่ยวหวานก็รีบตักน้ำร้อนเทลงในหม้อทอดปลา ดังคำที่ว่า ‘เนื้อเย็นปลาร้อน’ หมายความว่า น้ำที่ใช้ต้มน้ำแกงเนื้อต้องเป็นน้ำเย็น ส่วนน้ำที่ใช้ต้มน้ำแกงปลาต้องเป็นน้ำต้มสุก น้ำมันและน้ำเดือดถึงจะผสมกันและเปลี่ยนเป็นสีขาวได้อย่างรวดเร็วในระหว่างการเคี่ยว

ครั้นเทน้ำจนเกือบท่วมปลา กู้เสี่ยวหวานก็เห็นว่ามีขิงอยู่ในครัว หลังจากล้างขิงแล้ว นางก็หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วโยนลงในหม้อ หลังจากที่ต้มน้ำแกงปลาแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ดึงไม้ฟืนสองชิ้นออกจากเตาอย่างรวดเร็ว จากนั้นควบคุมไฟอีกครั้งและเริ่มเคี่ยวช้า ๆ

หลังจากต้มน้ำปลาจนเป็นสีขาวนวลแล้วจึงเติมเกลือ ชิมรส และน้ำแกงปลาหม้อนี้ก็เปลี่ยนเป็นสีสันและรสชาติที่ชวนน้ำลายสอ

เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพียงหนึ่งเดียว

ด้านนอกห้องครัว หลี่ฝานกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ สวรรค์รู้ดีว่าเขากังวลมากแค่ไหน สาวน้อยคนนี้สามารถทำอาหารที่เขาไม่มีที่นี่ได้จริง ๆ สองปีแล้ว เกือบสองปีแล้วตั้งแต่เขาเปิดร้านอาหารในเมืองหลิวเจีย เว้นแต่การนำจานอาหารนั้นออกจากรายการอย่างต่อเนื่องในช่วงสองปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเขาไม่ได้เพิ่มจานอาหารใด ๆ ให้กับร้านอาหารเลย

หลี่ฟานภาวนาถึงพระโพธิสัตว์อยู่ในใจนับครั้งไม่ถ้วน และบางครั้งเขาก็แอบดูการเคลื่อนไหวที่ชั้นบน

ประมาณครึ่งชั่วยามต่อมา ประตูห้องครัวก็เปิดออกในที่สุด หลี่ฝานและคนอื่น ๆ อีกหลายคนต่างรุมเข้ามา

ก่อนที่จะเข้าไปข้างใน ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

จากนั้นหลี่ฝานก็เดินไปข้างหน้าสองก้าวจนกระทั่งมาถึงเตา อาหารสีเขียวและเหลืองในจานมีกลิ่นเปรี้ยวเล็กน้อย อีกจานเต็มไปด้วยน้ำแกงชามใหญ่ และเมื่อเปิดฝาออกก็มีกลิ่นหอมลอยอบอวล น้ำแกงนั้นมีสีขาวราวน้ำนม ทำให้ความอยากอาหารของผู้คนเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“เร็วเข้า เอาชามกับตะเกียบมาให้ข้าด้วย!” หลี่ฝานไม่พูดอะไรมาก และขอให้ใครซักคนนำชามและตะเกียบมาให้ทันที

หลี่ฝานลองชิมหน่อไม้ฤดูหนาวผัดผักดอง หน่อไม้ฤดูหนาวมีรสสัมผัสกรุบกรอบผสานกับผักดองรสชาติเปรี้ยวและเค็ม ทั้งสองถูกทำให้เป็นกลางราวกับว่ากำลังจับคู่กัน และเข้ากันได้เป็นอย่างดี

…………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แปลแล้วหิวเลย มีใครสนใจอยากลองทำบ้างไหมคะ

ไหหม่า(海馬)