บทที่ 70 ตัวเอกปรากฏตัว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 70 ตัวเอกปรากฏตัว

บทที่ 70 ตัวเอกปรากฏตัว

เขาลองชิมน้ำแกงปลา น้ำแกงปลานั้นช่างเข้มข้น รสชาติอร่อย มีเนื้อสัมผัสนุ่มละมุนลิ้นดุจใยไหม ไม่เค็มไม่จืดเกินไป รสชาติกำลังพอดี

ไร้ซึ่งกลิ่นคาวและสาบโคลน แต่กลับมีรสชาติกลมกล่อม หรือนี่คือรสชาติที่ปลาควรมี?

หลี่ฝานวางชามและตะเกียบลงบนโต๊ะอาหาร ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และเขารีบสั่งลูกจ้างในร้านที่อยู่ข้าง ๆ เขาอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวเซิ่งจื่อ รีบไปส่งที่ห้องรับรองบนชั้นสาม”

ที่แท้เสี่ยวเอ้อในร้านคนนี้มีชื่อว่าเสี่ยวเซิ่งจื่อ

เห็นเสี่ยวเซิงจื่อวางจานอาหารลงในถาดแล้วรีบออกไป

เมื่อสักครู่หลี่ฝานไม่ได้บอกว่าจะส่งห้องรับรองห้องไหนที่ชั้นสาม เป็นไปได้ไหมว่าชั้นสามมีเพียงโต๊ะเดียว? กู้เสี่ยวหวานคิดกับตัวเอง

“สาวน้อย บอกข้าที เมื่อครู่ที่ข้าดื่มน้ำแกงนี้เข้าไป เหตุใดข้าถึงไม่ได้รสสาบโคลนเลยล่ะ? และทำไมหน่อไม้ฤดูหนาวผัดผักดองถึงมีรสเปรี้ยว และมีความกรุบกรอบ แต่ไม่มีความฝาดของหน่อไม้เลย?” หลี่ฝานเอ่ยถามมากมาย

หลี่พ่างจื่อและเกาจื่อที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็บีบคั้นเช่นกัน “ใช่ น้ำแกงที่ทำจากปลากลายเป็นสีขาว ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

“ใช่ ข้าก็ไม่เคยเห็นหรือกินมาก่อนเช่นกัน เถ้าแก่อร่อยหรือไม่ขอรับ” เกาจื่อเอ่ยถาม

“แน่นอนว่ามันอร่อยอยู่แล้ว เถ้าแก่ได้ตระเวนกินไปทั่วทุกสารทิศ และข้าไม่ได้เห็นเถ้าแก่กินอย่างมีความสุขเช่นนี้มานานแล้ว” หลี่พ่างจื่อที่ติดตามหลี่ฝานมาเป็นเวลานาน และรู้นิสัยของหลี่ฝานอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อเจอของอร่อยที่ไม่ลิ้มลองมาก่อน เถ้าแก่จะเผยความรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขออกมา

“เถ้าแก่ เหตุใดท่านไม่รอก่อน เมื่อสักครู่ท่านยกอาหารไปให้แขกเลยหรือ? หลังจากที่แขกได้ชิมแล้ว พวกเขาจะรับรู้มันได้โดยธรรมชาติ” กู้เสี่ยวหวานยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ

อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเซิ่งจื่อที่นำอาหารไปที่ชั้นสาม การตกแต่งชั้นสามเหมือนกับชั้นสอง แต่คนที่ใส่ใจจะพบว่าถึงแม้การตกแต่งชั้นสามจะเหมือนกับชั้นสอง แต่ความรู้สึกของมันนั้นแตกต่างกันมาก

เห็นเพียงว่าทางเดินบนชั้นสามปูด้วยพรมเปอร์เซียสีดำ ราวจับทำจากไม้หงมู่สีแดงเข้ม และมีลวดลายแกะสลักละเอียดอ่อนระหว่างบันไดกับพื้น เมื่อเหยียบลงบนพรมก็ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงฝีเท้า

ดูเหมือนว่าจะมีห้องรับรองเพียงห้องเดียวบนชั้นสาม และมันถูกซ่อนไว้ไม่ให้ทุกคนพบเห็น หลังจากที่เสี่ยวเซิ่งจื่อขึ้นไปถึงชั้นสาม ฝีเท้าของเขาก็ช้าลง เท้าของเขาถูกยกขึ้นและเดินอย่างนุ่มนวล แม้แต่การหายใจของเขาก็ตื้นขึ้น กังวลว่าตนจะส่งเสียงดัง

ไม่รู้ว่าลูกค้าในห้องรับรองชั้นสามเป็นคนแบบไหน ปีที่แล้วก็มาครั้งหนึ่ง ปีนี้ก็มาอีกหน ปีละครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า เถ้าแก่ปฏิบัติต่อบุคคลนี้ราวกับเป็นแขกผู้สูงส่ง

เขาไม่เพียงใช้ห้องรับรองบนชั้นสามที่ไม่เคยมีใครใช้เท่านั้น แต่เถ้าแก่ยังไม่ยอมให้ใครขึ้นไปรบกวนเขาอีกด้วย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนในนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อเสี่ยวเซิงจื่อกำลังจะมาถึงห้องรับรอง เขาถูกชายชุดดำที่อยู่หน้าประตูขวางไว้ เสี่ยวเซิ่งจื่อรีบก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว เขาก้มหน้างุด ยกมือขึ้นด้วยความเคารพ แล้วยื่นถาดในมือให้ชายชุดดำ

ไม่สำคัญว่าเขาจะก้มศีรษะลง ดาบที่เอวของชายชุดดำทำให้เสี่ยวเซิ่งจื่อหวาดกลัวแทบตาย

สวรรค์นี่คือดาบของจริง! มองแค่ฝักก็ทำให้คนกลัวจนหอบหายใจระรัว แล้วถ้าชักออกมาเล่า?

เสี่ยวเซิ่งจื่อรู้สึกเย็นวาบที่กระดูกสันหลัง เขาแค่อยากมาส่งอาหารให้โดยเร็วที่สุด และตนเองจะรีบลงไป

ชายชุดดำมีสีหน้าเย็นชา เขานำถาดมาอย่างเงียบ ๆ เสี่ยวเซิ่งจื่อสัมผัสเพียงมือของชายชุดดำ พลันรู้สึกราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูคู่อาฆาตจึงรีบกล่าวว่า “เชิญตามสบายขอรับ” และลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นด้านหลังของเสี่ยวเซิ่งจื่อออกไปอย่างรวดเร็ว ชายในชุดดำก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นผลักเปิดประตูข้างหลังเขาและเดินเข้าไป

ห้องรับรองมีขนาดใหญ่มาก เกรงว่าจะมีขนาดสี่สิบถึงห้าสิบตารางหมี่ ห้องรับรองแบ่งเป็นสองห้อง ห้องชั้นในและชั้นนอกมีม่านกั้น ตรงกลางห้องด้านนอกเป็นโต๊ะไม้หงมู่ทรงสี่เหลี่ยม นั่งได้สี่คน มีเก้าอี้ทรงกลมทำจากไม้หงมู่เหมือนกันสี่ตัว มีแจกันลายครามชั้นดี ซึ่งมีดอกเหมยขาวที่ส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ปักไว้

ภายในห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหรา มีฉากหลังเป็นภาพภูเขาน้ำแข็งและหิมะ ท่ามกลางหิมะสีขาว มีความสูงไล่ระดับของยอดเขา และม้าสีดำตัวหนึ่งก็วิ่งไปอย่างรวดเร็วในระยะไกลปะทะกับพายุหิมะที่รุนแรง

เมื่อมองดูภาพวาดนี้ ก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นของฤดูหนาวในทิวเขานี้ และความสุขที่ได้ขี่ม้าท่ามกลางสายลมและหิมะ

ตรงมุมด้านข้างมีกระถางต้นเสวี่ยซงวางประดับ ต้นเสวี่ยซงนั้นช่างงดงาม สูงและเขียวขจี มีชีวิตชีวาและแข็งแรง สะท้อนกับภาพการควบม้าอย่างมีความสุขบนฉากและเติมเต็มซึ่งกันและกัน

บนโต๊ะเล็กในห้องที่มีหนังสือบางเล่มวางอยู่บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบพิงอยู่กับขอบหน้าต่าง

ชายคนหนึ่งถือหนังสืออยู่บริเวณนั้น เขายืนอย่างภาคภูมิ ยืนตัวตรง มองอย่างตั้งใจ

“นายท่าน ได้เวลากินแล้วขอรับ” ชายชุดดำวางอาหารลงบนโต๊ะ แล้วเดินไปบริเวณหน้าต่างพลางกล่าวด้วยความเคารพ

“อือ” คนข้างหน้าต่างตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แล้ววางหนังสือลง ลุกขึ้นแล้วเดินไป

ชายผู้นั้นแต่งกายด้วยชุดสีฉูดฉาดงามสง่า จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น คิ้วรูปดาบเฉียงขึ้นไปทางขมับ ไรผมสีดำจำนวนหนึ่งร่วงหล่นมาที่ขมับซึ่งทำให้เขาดูสง่างามและหล่อเหลามากกว่าเดิม

ใบหน้าหล่อเหลา โครงหน้าก็ไร้ที่ติ บนศีรษะเป็นผ้าไหมสีดำคาดอยู่บนผมสีดำราวกับหมึก

ผู้คนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อได้เห็นบุรุษหล่อเหลาเช่นนี้อยู่บนโลก

ฉินเย่จือเดินมานั่งบนเก้าอี้ทรงกลม หลังจากที่อาจารย์นั่งลง ฉินซีก็ยกฝาอาหารขึ้น และทันใดนั้นกลิ่นหอมลอยโชยออกมา

ฉินเย่จือได้กลิ่นหอม และเมื่อเขาเห็นว่าในจานเต็มไปด้วยอาหารน่าอร่อยและมีกลิ่นหอมก็รู้สึกดึงดูดมาก เขายังไม่ได้กินสิ่งใดตั้งแต่เช้า เมื่อต้องเผชิญกับอาหารอันหอมยั่วยวนก็ทำให้รู้สึกหิวจริง ๆ

“ไม่เลว!” ฉินเย่จื่ออุทาน ดูเหมือนว่าฉินซีไม่ได้คาดหวังว่านายท่านของเขาจะชื่นชม และคิดกับตัวเองว่าพ่อครัวคนนี้โชคดีจริง ๆ ในวันนี้ และยังได้รับความชื่นชมจากนายท่านอีกด้วย

เขารู้ว่านายท่านได้ตระเวนกินมาแล้วทั่วแว่นแคว้น แม้แต่พ่อครัวในวังก็ยังทำได้ไม่ถูกปากของนายท่าน การจะได้รับการยกย่องจากนายท่านนั้นยากยิ่งกว่าการทะยานขึ้นสู่ฟ้า

ดูเหมือนว่าคราวนี้จะตรงกับความอยากอาหารของนายท่านแล้ว

ฉินเย่จือมองดูน้ำแกงปลาสีขาวนวล เมื่อสักครู่เขาไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ความอยากอาหารของเขากลับเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังดื่มน้ำแกงปลาไปสองชาม น้ำแกงปลามีรสชาติหอมหวาน และมีกลิ่นหอม เมื่อทอดปลาโดยมีการควบคุมความร้อน จากนั้นจึงเคี่ยวด้วยไฟอ่อน จะสามารถคงความสดของปลาไว้ได้อย่างดี

…………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ผู้ในอนาคตของเสี่ยวหวานปรากฏตัวแล้วสินะ

ไหหม่า(海馬)