บทที่ 107 – ศาสนจักรอิกดราซิล

 

ดวงตาของมิวเปิดขึ้นช้าๆ พร้อมความเจ็บปวดจากแขนที่ค่อยๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานความเจ็บปวดทั้งหมดก็หายไป

เมื่อมิวลืมตาขึ้นเธอก็พบว่าคนที่รักษาให้เธอไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเรนะที่อยู่ข้างๆ เธอใช้พลังศักดิ์สิทธิ์รักษาให้กับมิว

แต่น่าเสียดายที่พลังของเรนะไม่ได้มีมากพอที่จะสามารถรักษาแขนให้กลับมาได้ ดังนั้นสิ่งที่เธอทำได้มีเพียงทำให้บาดแผลปิดลงและทำให้ความเจ็บปวดหายไปเท่านั้น

“ไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันขอโทษ..”

เรนะแสดงสีหน้าเสียใจออกมา… แม้จะบอกว่าเธอคือเรนะ แต่เธอก็เป็นเรย์น่ามากไม่ต่างกับการเป็นเรนะ

การที่ทำให้เธอนึกถึงชาติก่อนได้ ไม่ได้แปลว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อมิวในชาตินี้จะหายไปแต่อย่างไร.. แน่นอนว่าสิ่งที่มิวเคยช่วยเธอก้ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด

ดังนั้นไม่ว่าจะสำหรับเรย์น่าหรือเรนะก็แล้วแต่ มิวเป็นเหมือนคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ความรู้สึกที่เธอมีต่อมิวมันหนักอึ้งขนาดนั้น

แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เช่นกันว่าทำไมความรู้สึกที่เรย์น่ามีต่อมิวทำไมมันถึงรุนแรงได้ถึงขนาดนั้น เอาเข้าจริงแล้วสิ่งที่ผูกพันทั้งสองควรจะมีเพียงแค่เซตติ้งที่เทพธิดาตั้งไว้ว่ามิวเคยช่วยเมืองที่เรย์น่าอยู่เท่านั้น

แต่ใครจะไปรู้ ความสัมพันธ์ของคนเรานั้นไม่สามารถพูดออกมาได้แค่จำนวนครั้งที่รู้จักหรือระยะเวลาที่ใกล้ชิดเสียหน่อย

“แขน.. แขน…”

มิวมองแขนขวาของตัวเองที่ไม่มีอีกแล้วเธอดูช็อกอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไร้ความทรงจำเธอก็ยังรู้จากสัญชาตญาณตัวเองว่าแขนคือส่วนสำคัญ

“ไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไร มันจะรักษากลับมาได้อย่างแน่นอน”

เรนะปลอบแบบนั้น แต่เธอก้ไม่แน่ใจว่ามันมีวิธีนั้นจริงหรือเปล่า เพราะการรักษาสิ่งที่ขาดหายไปนี่มันไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้โดยง่าย

ขนาดโลกที่เธอเคยอยู่ในอดีตชาติยังไม่มีวิทยาการ.. ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโลกนี้ที่แทบไม่เข้าใจโครงสร้างร่างกายมนุษย์ขนาดนั้นเลย

เมื่อมิวได้ยินแบบนั้นก็เหมือนจะสบายใจขึ้นเล็กน้อย เพียงแต่การสุญเสียแขนนั้นมันก็ยังทำให้เธอช็อกอยู่ดีนั่นแหละ

เรนะรู้ดีว่าคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่มิวจะกลับมาสงบสติอารมณ์ได้ เธอพามิวไปนั่งพักแล้วตัวเองก็เริ่มตรวจสอบสถานที่

ไอ้พวกหุ่นไม้ประหลาดเมื่อกี้นี้.. มันแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็คงเก่งที่สุดเท่าที่เรนะเคยรู้จักมาเลยก็ว่าได้

เธอทิ้งให้มิวนั่งสงบคนเดียว แล้วก็เดินไปทั่วห้องแห่งนี้.. อันที่จริงเพราะเมื่อกี้โฟกัสที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นเกินไปเลยไม่ได้สังเกตโดยรวม

ห้องนี้เป็นเหมือนห้องเก็บหุ่นพวกนั้น.. ในห้องนี้มีแท่งหลอดแก้วอยู่หลายแท่ง ถ้าให้เรนะเดาไอ้พวกนี้คงเคยอยู่ในหลอดแก้วพวกนั้นนั่นแหละ

เรนะเดินซ้ายทีขวาทีจนมาเจอโต๊ะ.. แน่นอนว่าเพราะสถานที่แห่งนี้ถูกกลับด้านอยู่ โต๊ะเลยลอยอยู่ด้านบน

แต่บนพื้น.. ตรงนั้นมีสมุดบันทึกเขียนไว้ด้วย ซึ่งทำให้เรนะรู้ทันทีว่าห้องนี้คือห้องเก็บของเหลือที่จะนำไปทิ้ง

ทางที่พวกเรนะเข้ามาก็คือประตูทางออกไม่ใช่ทางเข้าโบราณสถานจริงๆ แม้ในหนังสือจะไม่ได้บอกว่าเป็นการทดลองเกี่ยวกับอะไร

แต่มันก็ระบุไว้ในแต่ละหลอดแก้วว่ามันผิดพลาดยังไง

F-31 ผิดพลาด.. การเจริญเติบโตผิดปกติ แหล่งกำเนิดจิตสำนึกไม่ทำงาน

F-78 ผิดพลาด.. ไม่สามารถซึมซับพลังจากปฐพีได้

F-93 ผิดพลาด.. การทำงานไม่เสถียร มีความก้าวร้าวมากเกินไป

แน่นอนว่ารายการผิดพลาดนั้นมีเป็นร้อยเลย.. และจากที่เรนะสามารถแกะออกมาได้.. เธอค่อนข้างมั่นใจว่าโบราณสถานแห่งนี้กำลังทดลองสร้างสิ่งมีชิวิตจากไม้ขึ้นมา

จากความผิดพลาดต่างๆ ที่หนังสือระบุไว้มันเหมือนกับบอกว่าพวกมันต้องการอะไรไปในตัว สิ่งที่โบราณสถานแห่งนี้สร้างคือเหมือนสร้าง..

“เจ้าปีศาจจิตมรณะที่กำลังรุกรานโลกงั้นเหรอ…”

เรนะพึมพำ แม้เธอจะไม่ค่อยมั่นใจแต่พวกมันเหมือนกำลังทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกขึ้นมาเหมือนกับสร้างมนุษย์

แต่มีร่างกายเป็นไม้ แม้สิ่งที่พวกมันต้องการจะไม่ค่อยตรงกับเจ้าปีศาจจิตมรณะหรือเจ้ายักษ์ที่มีกิ่งก้านเป็นไม้นั้น

แต่นั่นก็เป็นเพราะข้อมูลเกี่ยวกับพวกนั้นน้อยเกินไป.. อีกอย่างมันมีตัวหนึ่งที่ผิดพลาดเรื่องที่อาจจะเกี่ยวข้องกับปีศาจจิตมรณะ

F-1403 ผิดพลาด.. ไม่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายจิตสำนึกได้ ไม่สามารถใช้โครงสร้างของจิตสำนึกมาหล่อเลี้ยงได้

ซึ่งเจ้าปีศาจที่โผล่มาตอนนั้นมันสามารถควบคุมพวกปีศาจจิตมรณะได้.. หากทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกันละก็..

งั้นต้นตอภัยพิบัติทั้งหมดก็มาจากศาสนจักรอิกดราซิลงั้นเหรอ ไม่สิ มันออกจะประหลาดเกินไปหน่อย ถึงจะเป็นเพราะคำสอนที่ต่างกันเรนะเลยไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับศาสนจักรนี้เลย

แต่ว่าเธอรู้ดีว่าคนที่นับถือศาสนจักรนี้ มีความเชื่อว่าบนโลกเรานั้นมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อิกดราซิล’ ดำรงอยู่ในที่แห่งนี้

อิกดราซิลคือต้นไม้ที่สร้างโลกทั้งใบ สร้างความเชื่อ สร้างทุกๆ นิยามให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้ เป็นต้นไม้การดำรงอยู่เลยก็ว่าได้

ดังนั้นอีกชื่อหนึ่งของมันจึงเป็น ‘ต้นไม้แห่งการดำรงอยู่’ นั่นแหละนะ แต่ต้นไม้นี้ไม่มีใครเคยเห็นหรือไม่รู้ว่ามีอยู่จริงไหม

เพียงแต่ว่าพลังของพวกศาสนจักรอิกดราซิลนี้ก็ส่วนใหญ่เกี่ยวกับต้นไม้ทั้งหมด.. บางทีคงมีต้นไม้อิกดราซิลที่บันดาลทุกอย่างให้พวกเขาอยู่จริงๆ

ซึ่งต้นไม้ที่เหมือนกับมอบการดำรงอยู่ให้กับทุกอย่างแบบนี้.. ทำไมจู่ๆ ก็เลือกที่จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและทำลายล้างล่ะ

มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย..

“หือ..”

ในระหว่างที่เรนะอ่านหนังสืออีกเล่มสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นโต๊ะที่ตั้งกลับด้านอยู่บนหัว และในนั้นมีลิ้นชักที่ใส่กุญแจ

ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการต่อสู้ของพวกสัตว์ประหลาดก่อนหน้านี้หรือเปล่า.. แต่กุญแจนั้นแตกหักและลิ้นชักแง้มออกมานิดหน่อย

ในนั้นมีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง.. เรนะรีบเอาลงมาดูแทบจะทันที

“นี่มัน.. คัมภีร์ของอิกดราซิล..?”

คัมภีร์ก็หนังสือที่บันทึกหลักคำสอนของแต่ละศาสนจักรเอาไว้ เช่นคัมภีร์ของศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ก็จะมีคำอธิบายและการนับถือลำดับชั้นบลาๆ

เอาง่ายๆ เป็นเหมือนหลักคำสอนนั่นแหละ.. ทุกคนที่นับถือศาสนจักรและเป็นนักบวชของศาสนจักรจะต้องมีติดตัวคนละหนึ่งเล่มเสมอ

เป็นทำเนียมที่มีมาแล้วนับพันหมื่นปี..

“คัมภีร์อิกดราซิลยังเหลืออยู่.. นั่นสินะ นี่เป็นโบราณสถานที่ไม่เคยค้นพบมาก่อนนี่นะ”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลัวสาวกตัวเองจะไปนับถือศาสนจักรอื่นหรืออย่างไร แต่ละศาสนจักรนั้นจึงหวงคัมภีร์กันเป็นอย่างมาก

และเมื่อการสิ้นสุดของศาสนจักรอิกดราซิลมาถึง.. ศาสนจักรอื่นเลือกที่จะทำลายคัมภีร์ไปจนหมดไม่ให้เหลือคนกลับมานับถืออีก

แต่เมื่อนึกดูแล้วนี่เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครค้นพบ.. การจะเจอในที่แบบนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เรนะเปิดอ่านแทบจะทันที

ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นแทบจะทันที..

“ต้นอิกดราซิล..หรือต้นไม้แห่งการดำรงอยู่”

นั่นคือชื่อที่ทุกคนบนโลกรู้จักกัน เพียงแต่ในคัมภีร์.. ในหนังสือเล่มนี้มันไม่ได้เรียกต้นไม้ดังกล่าวด้วยสองชื่อนั้น..

แต่เรียกว่า ‘ต้นไม้แห่งจินตนาการ’ ซึ่งกล่าวอธิบายไว้ว่าต้นไม้แห่งนี้เติบโตขึ้นใน ‘จินตนาการของสรรพชีพ’ มันอธิบายไว้ว่า

จินตนาการของผู้คนนั้นเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ดำรงอยู่ไปพร้อมกันและกัน คนไม่ได้มีเพียงความคิดเป็นของตัวเอง

แต่ทุกความคิด ทุกการตีความต่างส่งผ่านกันและกันด้วยต้นไม้แห่งจินตนาการของสิ่งมีชีวิต ดังนั้นในบางครั้งจึงมักมีเหตุการณ์ที่ผู้คนสามารถฝันถึงกันและกันได้

ผู้คนสามารถจินตนาการถึงที่ที่ไม่เคยไปได้ เพราะโลกใบนี้เชื่อมโยงกัน โลกใบนี้เกี่ยวข้องกัน.. เรนะปิดหนังสือแทบจะทันที

อันที่จริงหากเป็นผู้นับถือคนอื่นที่ไม่ใช่เธอคงทนอ่านไม่ถึงจุดนี้.. ทุกอย่างที่เขียนในนี้มันขัดแย้งกับศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ที่อธิบายไว้ว่าจิตสำนึกคือปัญญาอันสูงส่งที่พระเจ้ามอบให้โดยสิ้นเชิง

จิตสำนึกคือของขวัญที่พระเจ้าประทาน จิตสำนึกคือจินตนาการอันศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถวาดภาพ วาดฝันความเป็นจริงบางประการได้

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์.. แต่ทุกศาสนจักรล้วนขัดแย้งกับสิ่งที่เขียนในคัมภีร์อิกดราซิล

“แต่ถ้าหากนี่เป็นจริง….”

มันก็จะเกี่ยวข้องกับปีศาจ..ที่กลืนกินจินตนาการผู้คนเพื่อเติบโตขึ้นมาได้—