หมอเฒ่าจำต้องยอมรับนับถือในฝีมือการแพทย์ของกู้เจียวอีกครั้ง

โรคหัวใจเช่นนี้ไม่มียาใดรักษาได้ โรคแบบนี้หากว่ากันตามสมัยนี้ก็เป็นโรคที่ไร้หนทางรักษาจริง ๆ หากแต่สามารทำให้เขาอาการดีขึ้นมาได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว

“ชีพจรของท่านชายไม่เลวเลย กินยาต่อไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว” เขาไม่รู้ว่ากู้เจียวมอบยาให้กับกู้เหยี่ยนตั้งแต่กี่วันก่อนหน้าแล้ว เขาจึงต้องเล่นละครต่อไป

“ข้านั้นปรุงยามานานแสนนาน ในที่สุดคืนก่อนก็ปรุงยาได้สำเร็จ แม่หนูกู้ เจ้าหยิบยามาแล้วใช่หรือไม่ ประเดี๋ยวอย่าลืมให้ท่านชายกู้ล่ะ”

กู้เจียว ‘ข้าเอาให้ตั้งแต่สิบวันก่อนแล้ว’

จู่ๆ ก็พลาดท่าเอาจนได้…

กู้เหยี่ยนหัวเราะยกใหญ่อยู่บนเตียง!

และแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนดอกไม้ก็ถึงหูของผู้ดูแลในที่สุด

หลายวันมานี้โหวฮูหยินเป็นหวัดจับไข้ นางกลัวว่า…ร่างกายของกู้เหยียนจะติดหวัด เพราะเพียงแค่อาการไข้หวัดเพียงเล็กน้อยก็อาจพรากชีวิตเขาไปได้

นางย้ายออกมาอยู่เรือนหลังท้ายจวนเพียงคนเดียว

เรื่องสำคัญในจวนล้วนแต่มีท่านโหวกู้เป็นผู้ตัดสินใจ

ด้วยเหตุนี้ผู้ดูแลจวนจึงรายงานต่อท่านโหวกู้ ทว่าเขากลับไม่ได้ใส่สีตีไข่เพิ่มเติมแต่อย่างใด เพียงแต่อธิบายเรื่องราวตามความจริง รวมทั้งเรื่องที่กู้เจียวล้มรั้วเพื่อช่วยชีวิตสุนัข เรื่องขัดแย้งระหว่างอวี้หรูและกู้เจียว รวมทั้งเรื่องทำที่ต้นดอกโบตั๋นของกู้จิ่นอวี้ล้มระเนระนาด และเรื่องที่แม่นมฝางทำให้กู้เหยี่ยนขุ่นเคือง

ผู้ดูแลเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “อวี้หรูมาจากเมืองหลวง ดูถูกดูแคลนบ่าวไพร่ในจวน คราวนี้ก็ถือว่าได้บทเรียนแล้ว… สงสารก็แต่แม่นมฝาง”

ท่านโหวกู้เอ่ยเสียงเย้ยหยัน “สงสารนางอย่างนั้นหรือ กล้าดีอย่างไรถึงได้ไล่คนอื่นไปทั่ว ข้าว่านางคงเป็นแม่นมมานานเกิน จนลืมไปแล้วว่าตัวเองก็เป็นแค่ข้าทาสคนหนึ่ง!”

เขาจะรับเด็กคนนั้นกลับมาเลี้ยงดูหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เด็กคนนั้นมิใช่บ่าวไพร่ต่ำต้อยที่จะยอมให้รังแกได้

ผู้ดูแลงุนงงไม่น้อย

เป็นบ่าวไพร่แล้วอย่างไรเล่า มิใช่ว่าตำแหน่งสูงกว่าเด็กหยิบยาหรอกหรือ

ยิ่งไปกว่านั้นแม่นมฝางเป็นคนจากตระกูลของโหวฮูหยิน ท่านโหวก็นับหน้าถือตานางมาตลอด เหตุใดจู่ๆ ถึงได้พูดถึงนางสาดเสียเทเสียเช่นนี้

ท่านโหวกู้เอ่ย “พวกเขาไม่ได้จะมาตอนบ่ายหรอกหรือ มาถึงก่อนแล้วเหตุใดถึงไม่มีคนมารายงานข้า”

ในเทียบเชิญเขียนว่าช่วงบ่ายก็จริง

เถ้าแก่รองเองก็ตั้งใจว่าจะมาถึงตอนบ่าย แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากู้เจียวจะกระตือรือร้นเพียงนี้ จึงออกเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้า

หมอชาวบ้านทั่วไปไม่มีทางได้พบท่านโหวอย่างแน่นอน อย่างมากก็แค่เข้ามาคำนับท่านโหวหลังรักษาเสร็จ ถึงจะมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตา

เพราะเหตุนี้ผู้ดูแลจึงไม่ได้แจ้งท่านโหวล่วงหน้า

แม่นมฝางก็โดนด่าไปแล้ว ผู้ดูแลย่อมไม่กล้าผลักความรับผิดชอบให้นาง “เป็นเพราะข้าน้อยไม่รอบคอบเองขอรับ ท่านโหวโปรดประทานอภัย”

“นางอยู่ที่ไหน” ท่านโหวกู้ถาม

“เหมือนว่าจะไปที่จวนของท่านชายน้อยขอรับ” ท่านชายน้อยเอาอกเอาใจพวกคนจากหุยชุนถังมากเกินไป แม้บ่าวไพร่พวกนั้นจะทำผิด แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องไล่แม่นมฝางกับอวี้หรูออกไปด้วย

หากโหวฮูหยินกับนายหญิงน้อยรู้เข้า เรื่องนี้จะไม่วุ่นวายไปกันใหญ่หรือ

“ข้าจะไปดูสักหน่อย” ท่านโหวกู้พูดจบก็ลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้

“ท่านโหว!” ผู้ดูแลเอ่ยรั้งเขาไว้ “แล้วคนที่อยู่ด้านนอก… จะจัดการอย่างไรหรือขอรับ”

ท่านโหวกู้เงียบไปครู่ใหญ่ “เหลือแม่นมฝางเอาไว้ คนที่เหลือไล่ออกไปให้หมด”

แม่นมฝางเป็นบ่าวที่ติดตามมาจากตระกูลเหยา หากไล่ออกไปคงไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ตระกูลเหยาเข้าใจ แม้ลูกชายจะไล่นางออกไป แต่เขาจำต้องพานางกลับมา เป็นพ่อก็ว่าลำบากแล้ว เป็นสามีนั้นยากกว่า

ยิ่งไปกว่านั้น แม้แม่นมฝางจะนิสัยน่ารำคาญไปนิด แต่ก็มิได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด นางจงรักภักดีต่อตระกูลเหยา เป็นคนเอาการเอางาน

“แม่นางอวี้หรู ก็ไล่ออกด้วยหรือขอรับ” พ่อบ้านถาม

ท่านโหวกู้เอ่ยเสียงเยือกเย็น “สาวใช้ที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ทั้งยังโยนความผิดให้ผู้อื่นเช่นนั้น หากไม่ไล่ออก จะให้นางอยู่จนฉลองปีใหม่หรือ หากนางพาอวี้เสียคน เจ้าจะรับผิดชอบหรือ”

พ่อบ้าลนลานขานรับในทันที “ขอรับ ขอรับ ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

“ยังมีอีกเรื่อง” ท่านโหวกู้เอ่ยรับสั่ง “หลังจากแม่นมฝางกลับมาแล้ว ห้ามมิให้นางไปที่จวนเหยี่ยนเอ๋อร์อีกเด็ดขาด”

“…ขอรับ”

กู้เหยี่ยนเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ละเดือนมักจะไล่คนออกเป็นโขยง ด้วยเหตุนี้พอเกิดเรื่องขึ้นจึงไม่ได้สร้างความปั่นป่วนในจวนมากนัก เพียงแต่พอเหล่าบ่าวรับใช้ได้ยินว่าคราวนี้ทั้งแม่นมฝางและอวี้หรูก็โดนไล่ออกด้วย จึงตื่นตกใจกันยกใหญ่

แม้ท่านชายน้อยจะเดือดดาลสักเพียงใด ก็คงไม่ถึงกับลงมือกับคนใกล้ชิดของโหวฮูหยินและนายหญิงน้อยหรอกกระมัง แล้วนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ตัวต้นเหตุอย่างกู้เจียวไม่ได้รับรู้ถึงความเคลือบแคลงสงสัยของคนอื่นแต่อย่างใด หลังจากความแตกต่อหน้ากู้เหยี่ยนไป นางก็แอบเดินออกมาตากลมที่สวนด้านหน้า นางอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว

ต้องโทษที่นางไม่ได้เตรียมการกับหมอชราไว้ก่อนล่วงหน้า แต่นางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าหมอชราจะเล่ห์เหลี่ยมถึงเพียงนี้ รู้จักพูดเอาดีเข้าตัวเหมือนเถ้าแก่รองกับผู้ดูแลหลัวอีกต่างหาก

ยาที่เขาเพิ่งปรุงสำเร็จเมื่อคืนอย่างนั้นหรือ นางมอบให้กู้เหยี่ยนตั้งแต่สิบวันก่อนแล้ว นางเสียท่าจนเหมือนถูกจับแก้ผ้าล่อนจ้อนอย่างไรอย่างนั้น

กู้เหยี่ยนมองนางด้วยรอยยิ้มอยู่บนระเบียง

กู้เจียว ‘ยังจะมองอีก เจ้ายังจะมองอีกเหรอ! ข้าไม่มีหน้าไปพบเจ้าแล้ว!’

กู้เจียวสะบัดหน้าหันหลังให้กู้เหยี่ยน

ขณะเดียวกันนั้น เจ้าหมาน้อยก็ตื่นขึ้นมา ก่อนจะเห่าโวยวายไปทั่วทิศเพื่อตามหากู้เจียว

กู้เหยี่ยนหิ้วมันขึ้นมา

หมาน้อยกลัวจนตัวสั่นยามกู้เหยี่ยนเข้ามาใกล้ ทั้งตัวสั่นเครือ ร้องหงิงไม่หยุด

กู้เหยี่ยนจ้องมองมันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

เขาไม่มีความเมตตา เขาเกลียดสัตว์ตัวเล็กน่ารักพวกนี้ โดยเฉพาะเจ้าที่อยู่ในอ้อมกอดนาง…

นางไม่เคยแม้แต่กอดเขา!

กู้เหยี่ยนถลึงตาจ้องมองเจ้าหมาน้อย ราวกับจะบีบมันให้แหลกคามือเสียเดี๋ยวนั้น

เจ้าหมาน้อยสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตของกู้เหยี่ยน จึงส่งเสียงร้องโหยหวนยิ่งกว่าเดิม

“เอ๋ง เอ๋ง เอ๋ง!”

กู้เหยี่ยนเอ่ยเสียงเย้ยหยัน “เห็นแก่นางหรอกนะ คราวนี้จะไว้ชีวิตเจ้า”

แม้จะเกลียดเจ้าตัวเล็กนี้สักเท่าไหร่ แต่หากนางชอบแล้วล่ะก็ เขาจะไม่เกลียดมันก็ได้

เมื่อท่านโหวกู้ก้าวเข้ามาในลานของเรือน สิ่งที่เห็นก็คือกู้เจียวและกู้เยี่ยนกำลังนั่งคุกเข่าสร้างกรงหมาอยู่ที่หน้าลาน

บนพื้นมีแท่งไม้กองพะเนิน กู้เจียวรับหน้าที่เลื่อยไม้ กู้เหยี่ยนรับหน้าที่ประกอบ ส่วนตอกตะปูก็เป็นหน้าที่ของกู้เจียวเช่นกัน

ทั้งสองทำงานเข้าขากันเป็นอย่างมาก พอกู้เจียวทำเสร็จขั้นตอนหนึ่ง กู้เหยี่ยนก็รู้ในทันทีว่าขั้นตอนต่อไปคือขั้นตอนไหน แม้เขาจะไม่เคยสร้างกรงหมามาก่อนก็ตาม

ทั้งสองมีความชอบคล้ายกัน

ยามเหล่าบ่าวหอบหิ้วผืนผ้ากระโปรงมาเพื่อปูพื้นกรง หากถูกใจก็จะถูกทั้งสองคน แต่หากไม่ถูกใจก็จะไม่ถูกใจทั้งคู่

ทั้งสองเหมือนเด็กน้อยที่กำลังเล่นสนุกอย่างจริงจัง บันเทิงไปกับการที่มีอีกฝ่ายอยู่เป็นเพื่อน

หรือว่าจะเป็นคู่แฝดหงส์เคียงมังกรอย่างที่ว่าจริง ๆ

กู้จิ่นอวี้และกู้เหยี่นนเติบโตมาด้วยกัน ท่านโหวคิดหาสารพัดวิธีวางแผนให้พี่น้องสนิทสนมกันมากขึ้น แต่ทั้งสองคนกลับเล่นไม่เข้าขากันสักเท่าไหร่

ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่กู้จิ่นอวี้ แต่คนอื่นเองก็เข้ากับกู้เหยี่ยนได้ยากเหมือนกัน เด็กคนนี้เหมือนมีหนามอยู่รอบตัว ไม่ว่าใครเข้าใกล้ก็ถูกทิ่มแทงเอาทั้งนั้น

ท่านโหวกู้ไม่เคยเห็นลูกชายท่าทางว่าง่ายขนาดนี้มาก่อน ไม่มีแววว่าจะอาละวาดเลยสักนิด นางหนูนั่นก็เหมือนกัน สงบปากสงบคำลงไปมากเลยทีเดียว

หากนางหนูนั่นเป็นเช่นต่อไปเรื่อย ๆ ก็คงไม่มีใครเขม่นเอาหรอกกระมัง

“ไม่เอาอันนี้ น่าเกลียดชะมัด” กู้เหยี่ยนเผยอหลังคาที่กู้เจียวทำเสร็จแล้วขึ้นพลางเอ่ย

“แต่ข้าไม่เห็นว่าจะน่าเกลียดตรงไหน” กู้เจียวเอ่ย

นี่คือขั้นตอนสุดท้ายแล้ว แค่ตอกตะปูหลังคาก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

สองตาของกู้เหยี่ยนแหงนมองฟ้า “ข้าไม่สน! ข้าไม่สน!”

“ได้” กู้เจียวรื้อหลังคาที่ตัวเองลำบากลำบนทำออก แล้วเริ่มลงมือทำใหม่

เถ้าแก่รองเองก็มึนงงไปหมด นางหนูขี้หงุดหงิดคนนั้น นอกจากเซียวลิ่วหลังแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นว่านางจะมีน้ำอดน้ำทนกับใครเช่นนี้มาก่อน

กู้เหยี่ยนไม่เคยปิดบังความคิดในหัวจากท่านโหวกู้ได้

เขาคงกลัวว่าหากสร้างกรงหมานี้เสร็จแล้ว กู้เจียวก็จะไม่มีเหตุผลใดให้มาที่นี่อีก

ฝาแฝดชายหญิงคงพิเศษเช่นนี้กระมัง แม้จะทำเรื่องเดียวกัน แต่หากดูฝาแฝดหงส์เคียงมังกรทำย่อมสนุกกว่าเด็กคนอื่นเป็นไหนๆ

บางทีหากรับนางกลับมาเลี้ยงอาจไม่ใช่เรื่องแย่

แต่หากรับกลับมาแล้ว ก็เกรงว่าจิ่นอวี้จะน้อยใจ

ท่านโหวกู้กังวลว่ากู้เหยี่ยนจะรังแกกู้จิ่นอวี้ยิ่งกว่าเดิม

หากเป็นเด็กคนอื่นทำเช่นนั้น ท่านโหวกู้คงลงโทษอย่างหนัก แต่กู้เหยี่ยนดันอารมณ์ร้ายมาตั้งแต่เกิด ใครทำให้เขาไม่พอใจ เขาก็จะเล่นงานให้ตายคาที!

ท่านโหวกู้ปวดหัวเหลือเกิน

“ท่านโหวขอรับ” หวงจงมาถึงแล้ว

“เจ้ามาทำไม” ท่านโหวกู้ขยับตัวออกไปด้านนอก ไม่ให้คนที่อยู่ในลานกว้างมองเห็นเขา เพราะเกรงว่าจะขัดจังหวะเด็กน้อยทั้งสองที่กำลังเล่นสนุกกัน

หวงจงเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง “ได้ข่าวว่านายหญิงน้อยมาแล้ว ข้าจึงมาคุ้มกันท่าน เกรงว่าท่านจะถูกนายหญิงน้อยทุบตีเอา!”

ท่านโหวกู้ส่งสายตาเย็นยะเยือกดั่งคมมีดไปให้เขา “คิดว่าข้าสู้นางไม่ไหวหรืออย่างไร ข้ายอมให้นางต่างหาก!”

“อ๋อ ขอรับ” สีหน้าของหวงจงราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

คิดอะไรได้บางอย่าง ท่านโหวกู้ก็โพล่งถามขึ้น “มีเข็มเงินหรือไม่”

“มีขอรับ!” หวงจงล้วงกล่องอาวุธลับออกมาจากอก “ท่านโหวจะเอาเข็มเงินไปทำอะไรหรือขอรับ”

ท่านโหวกู้ “ข้าจะไปเก็บเลือดนางสักหยด”

หวงจงถาม “ท่านจะเอาเลือดของนายหญิงไปทำอะไรหรือขอรับ ท่านไม่เชื่อว่านายหญิงน้อยเป็นลูกแท้ๆ ของท่านหรือ”

ท่านโหวกู้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าน่ะหรือไม่เชื่อ ยามนี้เป็นนางต่างหากที่ไม่เชื่อ!”

หวงจงนึกถึงคำพูดประโยคนั้นของท่านโหว ‘ข้าเป็นพ่อของเจ้า’ ก่อนจะมุมปากจะยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นอาจเป็นเพราะวิธีการแสดงออกของท่านมีปัญหากระมังขอรับ…”

ท่านโหวกู้เอ่ยเสียงเย้ยหยัน “ข้าไม่สนหรอก หากนางไม่เชื่อ ข้าก็จะหาหลักฐานมาให้นางเชื่อให้ได้!”

หวงจงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แล้วเหตุท่านถึงไม่บอกนายหญิงน้อยไปตามตรงเล่าขอรับ”

ท่านโหวกู้ถลึงตามองเขา “เจ้าคิดว่าบอกแล้วนางจะยอมข้าหรือ”

หวงจง “อ่อ…ไม่ขอรับ แต่หากท่านเอาเข็มไปทิ่มแม่นางน้อยเช่นนี้จะไม่เกินไปหน่อยหรือขอรับ”

“แล้วเจ้าจะเป็นคนทิ่มหรือ” ท่านโหวกู้มองหวงจงด้วยสายเยือกเย็น

“ท่าน ท่าน ท่าน… ท่านทิ่มเถิดขอรับ” หวงจงปาดเหงื่อเย็นเฉียบ เขาไม่กล้าหรอก

ท่านโหวกู้ถือเข็มเดินเข้าไปจริงๆ

ยามคนในลานบ้านเห็นเขา ก็พากันคำนับให้ แม้แต่เถ้าแก่รองและหมอเฒ่าที่นั่งจิบชาอยู่ในสวนก็ลุกยืนขึ้น

เขายกมือโบก เป็นสัญญาณบอกกับทุกคนว่าจะทำการทำงานอะไรอยู่ก็ทำไป อย่าได้เอะอะโวยวาย

เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสองพี่น้อง

เมื่อเงามืดปกคลุมเหนือศีรษะ ทั้งสองจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาเพียงครู่ ทว่าไม่มีผู้ใดสนใจเขา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาสร้างกรงหมาต่อ

ท่านโหวกู้ที่ถูกเพิกเฉย “…”

ช่างเถิด เขามาเพื่อเก็บหยดเลือด พวกเขาไม่สนใจเขาก็ยิ่งดี ทางสะดวกสำหรับเขา

เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอจังหวะ

ทันใดนั้น ทั้งสองก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทั้งยังมองเขาด้วยสายตาเอือมระอา

ท่านโหวกู้ยิ้มบาง “ทำตรงไหนไม่เป็นหรือ ข้าช่วยพวกเจ้าเอง!”

กู้เหยี่ยนเอ่ยอย่างรำคาญใจ “ท่านบังแสง”

ท่านโหวกู้หน้าบึ้งตึง ก่อนจะถอยไปยืนด้านหลังทั้งสองคนอย่างเงียบๆ

ไม่นานเขาก็หาทำเลที่ดีกว่าเดิมได้

ทิ่มสะเปะสะปะไปสักตำแหน่งก็พอแล้ว

ท่านโหวกู้เฝ้ารอคอยจังหวะอย่างใจจดใจจ่อ

ขณะกู้เจียวกำลังตอกตะปูหลังคา ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงแววตาสองคู่ที่จ้องมองมาที่ตัวนาง นางหันศีรษะน้อยไปมองอย่างนึกรำคาญ จึงสบสายตาเข้ากับท่านโหวกู้ที่ไม่ทันเบือนหน้าหนี

ท่านโหวกู้เตรียมลงเข็มแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่ากู้เจียวจะประสาทไวถึงเพียงนี้ เขาเกือบโดนจับได้แล้วไหมล่ะ!

เขารีบซ่อนมือที่ถือเข็มไว้ด้านหลังโดยพลัน!

กู้เจียวมองฝ่ามืออวบที่ชักกลับไป ก่อนจะมองที่บ่าของตัวเอง นางรู้สึกว่าท่าทางกระมิดกระเมี้ยนของนั้น… มีพิธุรสุดๆ ไปเลย!

“ท่านอย่าเกะกะพวกข้าตรงนี้จะได้ไหม!” กู้เหยี่ยนสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยหน่ายของกู้เจียวที่มีต่อท่านโหวกู้ ก่อนจะออกหมัดในทันที!

ท่านโหวกู้โมโหจนแทบลมจับ!

นี่เขายังเป็นพ่อของเจ้าพวกนี้อยู่หรือเปล่า หากไม่ใช่ลูกในไส้เขาคงสั่งโบยให้ตายไปตั้งนานแล้ว!

ท่านโหวกู้มิได้ยอมแพ้ง่ายขนาดนั้น หากทำในที่แจ้งไม่ได้ ก็ทำในที่ลับก็แล้วกัน

เขากระแอมขึ้นเบาๆ “ท่านทั้งหลายเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยแล้ว ข้ายังมีเรื่องมากมายอยากถามเกี่ยวกับอาการป่วยของลูกชายข้า ข้าเห็นว่าแม่นางกู้เหนื่อยแล้วเช่นกัน เช่นนั้นไปพักผ่อนในห้องรับรองก่อนดีหรือไม่ เถ้าแก่รองหูกับหมอหลี่ตามข้าไปที่ห้องหนังสือที”

เถ้าแก่รองหูกับหมอหลี่ไปยังห้องหนังสือของท่านโหวกู้ ส่วนกู้เหยี่ยนและกู้เจียวก็อุ้มเจ้าหมาน้อยไปยังห้องรับรอง

กู้เหยี่ยนไม่อาจเฝ้าจับตามองกู้เจียวได้ตลอดเวลา ฉวยโอกาสยามที่เขาไปเข้าห้องน้ำ ท่านโหวกู้จึงหาข้ออ้างปลีกตัวออกมาจากห้องหนังสือ

เขาหยอดยานอนหลับลงไปในน้ำชา ก่อนจะเรียกสาวใช้ยกไปให้กู้เจียว

พอนางนอนหลับเมื่อไหร่ ก็เก็บเลือดนางได้ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ

แผนการของเขานั้นไม่เลว เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่ากู้เจียวจะได้กลิ่นประหลาด

นางเรียกสาวใช้ให้เข้ามา “ผู้ใดให้เจ้ายกชานี้มา”

สาวใช้ตอบ “ท่านโหวเจ้าค่ะ”

แววตาของกู้เจียวเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันใด

เจ้ามือขาหมูนั่นพลาดท่าแล้ว เลยคิดจะวางยานางอย่างนั้นหรือ

อายุอานามก็คราวพ่อแล้ว แต่ยังลามกจกเปตรแบบนี้อยู่อีก!

กู้เจียวกำหมัดจนมือลั่นกรอบแกรบ นางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง ดันไม้ระแนงให้เปิดออก ก่อนจะเห็นท่าโหวกู้นั่งทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ริมหน้าต่าง

แรงอาฆาตของกู้เจียวเฉียบคมดั่งปลายมีด!

ท่านโหวกู้สัมผัสถึงไม่ความชอบมาพากลที่แผ่นซ่านออกมาจากรังสีอาฆาตของนาง หัวใจเขากระตุกวูบ ก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องนั้น เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ความจริงแล้วข้า…”

“ฝ่า! เท้า! ไร้! เงา! แห่ง! ฟอ! ซาน!”

“โอ๊ย”

โครม!

ตุบ!

ตุบ ตับ ตุบ ตับ!

ตุบ

เคร้ง

ตู้ม

“ข้าว่ายน้ำไม่เป็น!”