ตอนที่ 111 ยอมจํานน
“บัดซบ! ไอ้สารเลวนี้! ดูถูกผู้อื่นเกินไป!” ผู้นําของผู้เล่นที่เห็นเย่เฉินกลับมายังสนามรบ ใบหน้าของเขาแดงก่ําและคํารามด้วยความโกรธ
“ไอ้นี่มันดูถูกเรา มันจงใจดูถูกเราแน่ๆ เจ้าเห็นมันไหม ไอ้สารเลวนั่นนําทหารม้าวิ่งกลับมา!” ผู้นําคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“สังหารมัน! ต้องสังหารมัน! ไอ้สารเลวนี่!” ชายคนหนึ่งร่างกายเขาสั่นและคํารามด้วยความโกรธ
“ไม่ต้องสนใจเรื่องเดียวเสี้ยนอีก เมื่อมีโอกาสที่จะฆ่าไอ้เวรนี่ด้วยกัน! บางทีเย่เฉินอาจจะยังต้องกังวลเรื่องเธออยู่!” จู่ๆก็มีอีกคนหนึ่งจําบางอย่างได้แล้วก็ตะโกนออกมา
“ใช่! ไม่ต้องสนใจเรื่องเตียวเสี้ยนฆ่ามันถ้าพวกเราฆ่ามันได้ แม้เราจะไม่ได้รับทักษะบ่มเพาะระดับราชา แต่เราไม่สามารถปล่อยให้เจ้าเยู่เฉินมีชีวิตต่อได้อีก! ไม่เพียงแต่เราจะฆ่าเขา แต่ในโลกความเป็นจริงเราต้องจัดการเขาเช่นกัน!” ผู้นําอีกคนเห็นด้วยอย่างมาก และตะโกนออกมา
ชายวัยกลางคนมองไปที่เย่เฉินด้วยความขุ่นเคืองไป เขาเห็นเย่เฉินที่ขี่ม้าศึกและสวมชุดเกราะสีดําในระยะไกล จากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยน้ําเสียงที่จริงจัง
“ส่งผ่านคําสั่ง! ทั้งกองทัพโจมตี ใครกล้าถอย ตัดหัวมันซะ! สั่งนักธนู ตราบใดที่เย่เฉินเข้าไปในระยะยิง โจมตีเขาทันที ไม่ต้องสนใจอะไรอีก แค่โจมตีมัน!”
ทันที่ที่ชายวัยกลางพูดจบ ทุกคนก็เงียบลง
หลังจากผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ผู้นําทั้งหมดก็ลุกขึ้นและตะโกนออกคําสั่ง
“เอาล่ะ! จัดการมันซะ! ไม่ต้องสนการที่จะต้องสูญเสียทหารแค่บางส่วน เพียงแค่ใช้จ่ายเล็กน้อยค่อยฝึกพวกมันขึ้นมาใหม่ ข้าไม่สนการสูญเสียเงินจํานวนเล็กน้อยเช่นนี้ ข้าไม่สามารถกลืนความโกรธนี้ได้หากข้าไม่ฆ่าไอ้เวรเย่เฉินในวันนี้!”
“ข้าเห็นด้วย! ข้าไม่เชื่อว่าเยู่เฉินจะรอดไปไดอีกในครั้งนี้เ” ผู้นําคนหนึ่งกําหมัดของเขาและตะโกนด้วยเสียงทุ่ม
“ยอดเยี่ยม!”
ในไม่ช้า ทหารของกองกําลังพันธมิตรนับล้านได้รับคําสั่งให้โจมตีเยู่เฉินด้วยกําลังทั้งหมดหากใครถอยต้องโดนตัดหัว!
พลธนูก็ได้รับคําสั่งเช่นกัน ตราบใดที่เย่เฉินเข้าสู่ระยะการยิง ไม่ต้องสนใจอะไร แค่โจมตีออกไป
ไม่ต้องสนใจทหารคนอื่นงั้นหรอ พวกเขาไม่เข้าใจ นักธนูโกลาหลขึ้นทันที
ไม่เป็นไร แค่โจมตี หมายความว่าอะไร พวกเขาไม่เข้าใจ
สักพักนักธนูเหล่านี้ก็มองหน้ากันและสีหน้าของพวกเขาทั้งหมดดูไม่ดีเลย
พวกเขาอาจจะโจมตีโดนพวกเดียวกัน เพื่อนของพวกเขาคนในหมู่บ้านเดียวกัน หรือแม้แต่ญาติของพวกเขาที่อาศัยอยู่ในชายคาเดียวกัน
ทําไมพวกเขาต้องทํา
ขวัญกําลังใจของพวกเขาเริ่มถดถอยมานานแล้ว แต่ในตอนนี้ ขวัญกําลังใจของพวกเขากลับลดลงไปอีก
และทั้งหมดนี้ ผู้นําของกองกําลังผู้เล่นทั้งหมดที่ยืนอยู่ในที่ห่างไกลไม่รู้ด้วยซ้ำ
ในมุมมองของพวกเขา ทหารเหล่านี้เป็น NPC ทั้งหมด แต่นี่เป็นเพียงข้อมูลบางส่วนเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติต่อทหารเหล่านี้เหมือนมนุษย์เลย
“ตูม” เสียงดังสนั่น
ม้าสามพันตัวที่วิ่งมา เปิดฉากโจมตีอีกครั้ง
เร็วขึ้น เร็วขึ้นอีก
กองทัพหลุนฮุยที่ควบม้าได้มาถึงกองกําลังพันธมิตรนับล้านอย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็เจาะทะลวงไปได้อย่างง่ายดาย
อ๊ากก!
เสียงกรีดร้องดังออกมาตลอดทาง ศพจํานวนมากลอยขึ้น
เย่เฉินซึ่งเป็นผู้นํา เหวี่ยงหอกสังหารออกไปโดยไม่มีศัตรูแม้แต่คนเดียวเข้าใกล้เขาได้ และ ทหารของศัตรูที่เห็นเพื่อนถูกสังหารล้วนหวาดกลัว
ฝ่ายเตียนอุยที่ปกป้องเยู่เฉินก็โจมตีอย่างดุเดือดด้วยจ้าวปั้นสอง เสียงลมในอากาศดังขึ้นซ้ํา แล้วซ้ําเล่า และทหารของศัตรูก็ส่งเสียงโหยหวนตลอดเวลา
กองทหารหลุนฮุยที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็โหดเหี้ยมเย็นชาและไร้ความปราณีไม่แพ้กันหอกของพวกเขาเก็บเกี่ยวชีวิตของทหารศัตรูไม่หยุดหย่อน
เส้นที่ถูกละเลงไปด้วยโลหิตและซากศพปรากฏขึ้นอีกครั้งในสนามรบ
ไม่มีใครหยุดพวกเขาไม่มีใครกล้าที่จะหยุด!
ขวัญกําลังใจของกองกําลังพันธมิตรนับล้านลดลงอย่างรวดเร็ว เกิดความหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจโดยไม่มีกําลังใจจะสู้ต่ออีก
“เกิดอะไรขึ้น ทําไมทหารม้าของเยเฉินแข็งแกร่งขึ้น?” ผู้นําที่เห็นการเปลี่ยนแปลงใน สนามรบใบหน้าเปลี่ยนไปทันที และตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ว่าเย่เฉินจะแข็งแกร่งขึ้น แต่เป็นทหารของเรา…พวกเขากําลังกลัวหรือเปล่า?” ผู้นำคนหนึ่งพูดออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ทําไมเป็นแบบนั้น พวกเขาเป็นแค่ NPC ไม่ใช่ว่าพวกเขาควรเชื่อฟังคําสั่งของเราหรือ? ทําไมพวกเขาถึงหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขวางทาง?” อีกคนพูดด้วยความประหลาดใจ
“บัดซบ! บอกนักธนูพวกนั้นให้ยิง เร็วเข้า!” ผู้นาคนหนึ่งเห็นทหารไม่สามารถขวางเส้นทางการจู่โจมของเยเฉินและถอยร่นอย่างต่อเนื่องบางคนเริ่มหลบหนี เขาจึงตกใจและรีบตะโกนออกไป
“สายไปแล้ว…” ชายวัยกลางคนที่เฝ้าดูสมรภูมิอยู่ก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“อะไรคือสายไป โปรดออกคําสั่งด้วย มิฉะนั้น ทหารทั้งหมดที่เรานํามาจะถูกเย่เฉินฆ่า!” คนหนึ่งตะโกนด้วยใบหน้าแข็งค้าง
ชายวัยกลางคนเพิกเฉยต่อผู้นําคนที่สั่งโจมตี สายตาของเขาจับจ้องไปที่สนามรบ แล้วเขาก็พูดกับตัวเองว่า:
“เกมนี้ไม่ใช่อย่างที่เราคิด ที่นี่…บางที่…คือเรื่องจริง…หรืออาจเป็นการจําลองที่ เหมือนจริงมาก…รวมถึงธรรมชาติของมนุษย์ รวมไปถึงจิตใจ รวมถึงทุกสิ่งเหมือนกับความเป็นจริงหรือทุกอย่างเหมือนในสมัยโบราณ
“นี่เจ้า เจ้ากําลังพูดถึงอะไร อย่าคิดว่าเจ้าเป็นแม่ทัพ แล้วข้าจะกลัวเจ้า สั่งคนของเจ้า! เดี๋ยวนี้! สั่งให้นักธนูโจมตี! เจ้าทุกคนมอบทหารให้ข้า ข้าจะสั่ง! สั่ง!” ผู้นําที่ถูกเพิกเฉยคํารามด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว
“ได้สิ สั่งเลย ข้ารู้แค่ว่าถ้าไม่ออกคําสั่ง ทหารของข้าก็จะตายเปล่า!” ผู้นําคนหนึ่งฟื้นคืนสติ และพยักหน้าเป็นคําตอบ
“ข้าจะออกคําสั่ง พวกทหารจะตายก็ไม่เป็นไร ข้าแค่ต้องการให้เย่เฉินตาย!” อีกคนคํา รามด้วยความบ้าคลั่ง
เมื่อผู้นําแต่ละคนกําลังจะออกคําสั่งให้นักธนูโจมตี เย่เฉินที่อยู่ในสนามรบมองดูทหารศัตรูที่ไม่เหลือขวัญกําลังใจอีก มุมปากของเขาโค้งงอ แล้วเขาก็ตะโกนะ
“ประกาศออกไป วางอาวุธแล้วยอมจํานนซะ! หากใครขัดขืนมีโทษเป็นกบฏ!”
“วางอาวุธยอมจํานนแล้วจะไม่ฆ่า!” กองทัพหลุนฮุยไม่ลังเลที่จะฟังคําสั่งของเยเฉินและตะโกนออกไปพร้อมกัน
“ลงโทษพวกกบฏ!”
“วางอาวุธยอมจํานนแล้วจะไม่ฆ่า!”
“ใครขัดขืนมีโทษเป็นกบฏ!”
คําประกาศของกองทัพหลุนฮุยดังขึ้นในสนามรบทันที
ในตอนนี้ มีทหารมากกว่า 800,000 อยู่คนในสนามรบ และมีคนเพียงพันคนที่ประโกนให้ พวกเขายอมจํานน!
มองยังไงก็ไม่มีทางสําเร็จ แต่หลังจากได้ยินคําประกาศ “ยอมจํานนและจะไม่ฆ่า” การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติก็เกิดขึ้นในสนามรบ
“ตึก ตึก ตึก”
ทหารบางส่วนทิ้งอาวุธ แล้วคุกเข่าและยอมจํานน
“วางอาวุธยอมจํานนแล้วจะไม่ฆ่า!”
“ลงโทษพวกกบฏ!”
เสียงตะโกนของกองทัพหลุนฮุย ยังคงดังอยู่ในสนามรบ
ทหารศัตรูยอมจํานนมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้กระทั่งนักธนูที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนในสนามรบ
“บ้าเอ้ย! ใครสามารถบอกข้าได้ว่าทําไมถึงเป็นเช่นนี้! ทหารของเรายอมจํานนโดยต่อเย่เฉินที่มีทหารเพียงหนึ่งพันนาย?” ผู้นําของกองกําลังผู้เล่นคํารามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าก็อยากรู้ด้วย ที่นี่มีทหารกนาย 800,000 อย่างน้อย 800,000นาย! พวกเขาตกใจกลัวคนแค่พันคน?” อีกคนหนึ่งตะโกนด้วยใบหน้าหมองคล้ำ
“ไอ้สารเลวพวกนี้ ไอ้สารเลว! ไอ้พวกขยะ! ทําไมถึงยอมจํานนง่ายๆแบบนี้!” ผู้นําคนหนึ่งตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง
“เราขาดแม่ทัพที่สามารถนําทัพได้ เมื่อไม่มีแม่ทัพนําทัพ พวกเขาเป็นแค่กลุ่มคน. และอย่าปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็น NPC อีกในอนาคต ทหารเหล่านี้ล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง…” ชายวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดออกมา
ทันทีที่ได้ยินคําพูดของชายวัยกลางคน กลุ่มผู้นําของกองกําลังผู้เล่นที่กําลังโกรธและละอายใจก็ตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของชายวัยกลางคนมาซักพักแล้ว