ตอนที่ 119 ศาสตร์แห่งการฆ่า (1) ตอนที่ 120 ศาสตร์แห่งการฆ่า (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 119 ศาสตร์แห่งการฆ่า (1)

เวลานี้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ดูเหมือนจะทรงถูกมัดมือมัดเท้าเมื่ออยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสีย จะมีผู้ใดกล้ากระโดดออกไปต่อกรกับนางบ้างหรือไม่

แม้แต่อู๋อ๋องนางก็ยังกล้าสังหาร นับประสาอะไรกับพระสัสสุระของฮ่องเต้ จวินอู๋เสียฆ่าโดยไม่จำเป็นต้องกะพริบตาสักนิด

คำสั่งที่ทุกครั้งมักจะถูกปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดราวกับเป็นวาจาสิทธิ์ บัดนี้ไร้ซึ่งเสียงตอบสนองแม้แต่เสียงเดียว

ดวงตาของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยแดงก่ำปกคลุมไปด้วยหยาดน้ำตา เขามองไปรอบๆ ขณะที่ดาบคมในมือของเขาสั่นเล็กน้อย

ทำไมกัน ทำไมเรื่องราวมันถึงกลับตาลปัตรเช่นนี้ได้!

พวกเขาผิดพลาดตรงไหน!

ที่นอกประตูวังหลวง ร่างเล็กของเด็กสาวใบหน้างดงามล่มเมืองกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่านางเป็นแค่ผู้หญิงที่ถูกเขาเขี่ยทิ้ง เป็นสตรีที่คนทั้งเมืองหลวงต่างก็ก่นด่าและสาปแช่ง แต่ทำไม…เขาถึงถูกนางกดดันถึงขั้นนี้ได้!

จวินอู๋เสียกวาดมองไปทั่วใบหน้าที่หล่อเหลาของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยลวกๆ ครั้งหนึ่ง ครั้นได้เห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายบิดเบี้ยวและน่าเกลียดมากเพียงใด จวินอู๋เสียก็มีความสุขนัก สายตาของนางเลื่อนตกไปอยู่ที่ร่างของฮ่องเต้อีกครั้ง

นางกำลังรอ รอให้ฮ่องเต้มีรับสั่งปล่อยตัวจวินเสี่ยนท่านปู่ของนางออกมา!

“จวินอู๋เสีย เจ้าอ้างว่าอู๋อ๋องมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการลอบทำร้ายองค์ชายรอง ซึ่งมันอาจจะเป็นไปได้ แต่ตาของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเล่าจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร! เพื่อทำร้ายองค์ชายรองที่เป็นหลานชายแท้ๆ ของตัวเองอย่างนั้นรึ!” ฮ่องเต้พยายามระงับความกริ้วของพระองค์ไว้ ในขณะที่ทรงกำพระหัตถ์ไว้ด้านหลังแน่นจนโลหิตไหลซึมออกมา

ใช่แล้ว! ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงแค่เด็กสาวคนหนึ่ง ต่อให้วิธีการที่นางใช้จะค่อนข้างโหดเหี้ยมดุดัน แต่มันก็ยังมีช่องโหว่ให้พระองค์สามารถเล่นงานได้ บอกว่าอู๋อ๋องลอบทำร้ายองค์ชายรอง เป็นไปได้ เรื่องนี้พระองค์ไม่มีหลักฐานมาโต้แย้ง แต่พระสัสสุระที่มีศักดิ์เป็นตาแท้ๆ ของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเล่า เขาไม่มีแรงจูงใจให้ต้องทำเช่นนั้นสักนิด!

ตรงจุดนี้ ฮ่องเต้ทรงมั่นพระทัยมากกว่าพระองค์กำลังถือไพ่ที่เหนือกว่าจวินอู๋เสียอยู่ จึงยกมันขึ้นมาเพื่อเล่นงานนาง

จวินอู๋เสียยกมือขึ้นทันที ในขณะที่เฝ้าดูสีหน้าระรื่นคล้ายเป็นต่อของฮ่องเต้ นางก็สั่งการลงไปว่า

“หลงฉี”

“ข้าน้อยอยู่นี่ขอรับ!” หลงฉีวิ่งขึ้นไปด้านหน้าและคุกเข่าลงต่อหน้าจวินอู๋เสีย

ม้วนกระดาษสองม้วนถูกดึงออกมาจากถุงผ้าที่ห้อยอยู่บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ ก่อนจะถูกโยนลงไปที่ปลายเท้าของหลงฉี

“อ่าน!”

หลงฉีไม่รอช้า หยิบมันขึ้นมาแล้วคลี่อ่านทันที เขาอ่านสิ่งที่บันทึกอยู่ในม้วนกระดาษนั้นด้วยเสียงอันดังก้องว่า

“เว่ยฉวินหวา รัชศกไคหยวนปีที่ยี่สิบสามเดือนสอง ในเมืองตงเย่ว์ได้แย่งชิงที่ดินสามสิบสองแห่งโดยเข่นฆ่าชาวนาทั้งสิ้นเจ็ดสิบหกคน รัชศกไคหยวนปีที่ยี่สิบสามเดือนห้า ได้รับมอบทองคำเป็นจำนวนทั้งสิ้นหนึ่งแสนสามหมื่นตำลึงทองจากใต้เท้าหลินหยาง…”

เสียงของหลงฉีนั้นชัดเจนและทรงพลังมาก และทุกถ้อยคำของเขาก็เปรียบเสมือนดั่งค้อนที่ตอกลึกลงไปในจิตใจของพวกชาวเมือง “จนถึงวันนี้ เว่ยฉวินหวามีความผิดฐานก่ออาชญากรรม รวมถึงวางเพลิง ฆาตกรรม ปล้นสะดม สังหารชีวิตประชาชน รับสินบน และอื่นๆ รวมทั้งสิ้นสามร้อยหกสิบเจ็ดครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาของเขามีจำนวนทั้งสิ้นห้าร้อยแปดสิบสามคน และรับสินบนเป็นจำนวนเงินทั้งหมดเจ็ดล้านสองแสนเจ็ดหมื่นตำลึงทอง…”

ความผิดของพระสัสสุระของฮ่องเต้ถูกร่ายยาวออกมาทีละข้อหา เสียงกระซิบจากที่แผ่วเบา ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเสียงก่นด่าและแพร่กระจายไปทั่วฝูงชนที่ยืนอยู่บริเวณหน้ากำแพงวังหลวง ทุกคนต่างจ้องมองไปที่ศพของพระสัสสุระของฮ่องเต้ที่นอนทอดร่างอยู่บนพื้นด้วยสายตาเกลียดชังและโกรธแค้น

เว่ยฉวินหวาอาศัยที่ตนเองเป็นพระสัสสุระของฮ่องเต้และได้รับความโปรดปรานอย่างมากจากพระองค์ ใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงประชาชนตาดำๆ หลายคนไม่กล้าตอบโต้เขาด้วยรู้ว่าเขามีอำนาจสูงส่งเพียงใด แต่วันนี้เมื่อได้เห็นอาชญากรรมทั้งหมดที่เขาเคยทำมาถูกตีแผ่ออกมาต่อหน้าผู้อื่น หลายคนที่เคยมีความแค้นส่วนตัวกับเขาก็ลอบยิ้มสะใจ

ไม่มีผู้ใดในกลุ่มประชาชนที่มีความรู้สึกสงสารหรือเห็นใจเขา พวกเขามีแต่ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพรุ่ยหลินสามารถกำจัดขุนนางกังฉินสกปรกผู้นี้ได้!

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้มืดครึ้มราวกับก้นหม้อ พระองค์ทรงรู้ดีว่าในอดีตเขาเคยทำอะไรมาบ้าง แต่ก็มิได้ทรงห้ามปรามหรือตักเตือน แม้ว่าประชาชนของพระองค์จะได้รับความเดือดร้อนและต้องทนทุกข์ทรมานจากการกระทำของเว่ยฉวินหวา อย่างไรก็ตามพระองค์ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าความผิดของเว่ยฉวินหวาจะถูกจวนหลินอ๋องรวบรวมเอาไว้ และถูกจับมาตัดศีรษะภายใต้ข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับโจรกบฏที่ลอบทำร้ายองค์ชายรองเช่นนี้!

ฮ่องเต้ยังคงจมอยู่ในความคิดของพระองค์ เมื่อเวลาผ่านไป ก่อนที่พระองค์จะทรงตระหนักได้ว่าหลงฉียังมีม้วนกระดาษอีกแผ่น ซึ่งเขากำลังจะประกาศความผิดทางอาญาต่างๆ ของอู๋อ๋องออกมา!

กองทัพรุ่ยหลินสังหารขุนนางชั้นสูงของราชสำนักไปทั้งสิ้นสองคน ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลที่สมควรตายเป็นพันๆ ครั้ง

ไม่มีชาวเมืองคนไหนพูดว่าอู๋อ๋องและเว่ยฉวินหวาไม่สมควรตาย ทุกคนล้วนแต่ส่งเสียงให้กำลังใจกองทัพรุ่ยหลิน ไม่ได้เสียใจกับการตายของทั้งคู่เลย!

ถ้าไม่ใช่เพราะกองทัพรุ่ยหลินลงมือ เกรงว่าหลายๆ คนอาจจะไม่มีวันได้เห็นศัตรูของพวกเขานอนตายอยู่ภายใต้คมดาบที่ประหัตประหารชีวิตของพวกเขาเช่นนี้!

ตอนที่ 120 ศาสตร์แห่งการฆ่า (2)

ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรไปที่จวินอู๋เสียด้วยพระวรกายที่สั่นเทา ในที่สุดพระองค์ก็เข้าใจแล้วว่าหากจวินอู๋เสียต้องการฆ่า ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่จะสามารถหยุดยั้งนางได้! ต่อให้นางคิดล้างเมืองหลวงแห่งนี้ด้วยเลือด นางก็สามารถทำได้อย่างชอบธรรมโดยที่พระองค์ไม่อาจหาข้อโต้แย้งใดมาหักล้างได้แม้แต่คำเดียว!

เสียงโห่ร้องเรียกชื่อจวินอู๋เสียและกองทัพรุ่ยหลินจากชาวเมืองเริ่มดังมากขึ้นทุกขณะ ฝูงชนมองการกระทำนี้ของกองทัพรุ่ยหลินด้วยสายตาบูชาและเทิดทูน

ตำแหน่งของกองทัพรุ่ยหลินกลับสู่จุดสูงสุดในหัวใจของผู้คนอีกครั้ง

สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ จวินอู๋เสียผู้ซึ่งถูกลือหนาหูว่าเป็นสตรีหยิ่งผยอง ใช้การไม่ได้ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กสาวที่เด็ดเดี่ยว องอาจ และเปี่ยมไปด้วยอำนาจถึงเพียงนี้ ข่าวลือในทางเสียหายของจวินอู๋เสียที่เคยแพร่สะพัดไปทั่วก่อนหน้านี้ ถูกทำลายลงในพริบตาเมื่อพวกเขาได้เห็นเด็กสาว

แน่นอนว่าบุตรหลานของสกุลจวินก็ย่อมต้องสง่างามเช่นนี้ตั้งแต่เยาว์วัยทั้งสิ้น!

แสงจันทร์อ่อนส่องกระทบลงมา จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ภายใต้แสงจันทร์นวล ช่างงดงามราวกับเทพธิดาที่เยื้องย่างลงมาจากสรวงสวรรค์ ใบหน้าที่งดงามล่มเมือง กับกลิ่นอายรอบตัวที่สูงศักดิ์ ทำให้ผู้คนอดคิดไม่ได้ว่าเด็กสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เหตุใดมั่วเซวี่ยนเฝ่ยจึงปฏิเสธได้ลง

จวินอู๋เสียมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเงียบๆ เปลวไฟเย็นๆ ในดวงตาของนางวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ชื่อเสียงของจวนหลินอ๋องถูกสร้างขึ้นจากเงื้อมมือจวินเสี่ยนอย่างยากลำบาก ท่านปู่ ท่านพ่อ และท่านอาเล็กของนาง ล้วนแล้วแต่อุทิศชีวิตของพวกเขาเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของจวนหลินอ๋องไว้

นางจะไม่ยอมให้มันหม่นหมองและเสื่อมเสียเพราะชื่อของนางเป็นอันขาด!

การก่อกบฏของนาง จะทำมันภายใต้กฎแห่งความยุติธรรมที่แท้จริง และการฆ่าของนาง ก็จะยิ่งส่งเสริมให้จวนหลินอ๋องรุ่งโรจน์มากขึ้นเรื่อยๆ

จวินอู๋เสียต้องการให้ฮ่องเต้ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพระองค์ถูกประหารชีวิตในขณะที่พระองค์ไม่สามารถจะหยุดยั้งนางได้ นางจะให้ฮ่องเต้มองดูขุนนางสุดที่รักของพระองค์ถูกฆ่าทีละคนๆ ในขณะที่พระองค์ได้แต่กล้ำกลืนฝืนกลืนความโกรธนั้นลงไป นางต้องการให้ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของจวนหลินอ๋องกลับมาปรากฏและโด่งดังไปทั่วแผ่นดินอีกครั้ง! ใครก็ตามที่บังอาจเป็นศัตรูกับจวนหลินอ๋องของนาง นางจะฆ่าพวกมันให้หมด เหมือนอย่างที่นางกำลังจะทำในตอนนี้!

การฆ่า ไม่จำเป็นต้องแบกรับคำวิพากษ์วิจารณ์ในด้านลบเสมอไป ตราบเท่าที่วิธีการนั้นถูกต้องและดำเนินการภายใต้ชื่อเสียงแห่ง ‘ความชอบธรรม’ มันก็สามารถนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์ได้เช่นกัน

“เสด็จพ่อ พระองค์จะทรงปล่อยให้จวินอู๋เสียกระทำการป่าเถื่อนโหดร้ายเช่นนี้ต่อไปหรือพ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความโกรธจัด ท่านตาของเขาถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาเขาเอง จะให้เขากลืนความแค้นนี้ลงไปได้อย่างไร

นอกจากนี้ นางยังทำลายชื่อเสียงของท่านตาเขาด้วยการเปิดโปงความผิดของเขาออกมาต่อหน้าผู้คนทั้งเมืองหลวงอีก!

ฮ่องเต้พระพักตร์ซีดเผือด พระองค์น่ะหรือต้องการให้เรื่องเป็นเช่นนี้ แต่เพราะทรงไม่ได้คาดคิดว่าสาวน้อยคนหนึ่งจะมีแผนการที่รอบคอบและระมัดระวังตัวขนาดนี้ แม้ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นางก็ยังเตรียมการไว้พร้อมสรรพ!

จากช่วงเวลาที่นางปรากฏตัวหน้าประตูวังหลวง ทุกการเคลื่อนไหวของนางก็ถูกคำนวณมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว และมีการเชื่อมโยงกันอย่างลงตัวไร้ช่องโหว่ ทำให้พระองค์ได้แต่ฝืนกลืนความโกรธนี้ลงไป อนึ่งสิ่งที่ทำให้พระองค์ทรงผิดหวังอย่างแท้จริงก็คือ จนถึงตอนนี้พระองค์ก็ยังทรงไม่สามารถหาเหตุผลใดมาตำหนินางได้!

เป็นความจริงที่ว่าจวินอู๋เสียฆ่าคน แถมคนที่นางฆ่ายังเป็นเชื้อพระวงศ์และขุนนางในราชสำนักอีก แต่นางก็ปฏิบัติภายใต้ธงแห่งความยุติธรรมและข้อหาอาชญากรรมของทั้งคู่ก็ล้วนถูกตีแผ่ต่อหน้าสาธารณะอย่างเปิดเผย

ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนมัดตัวเช่นนี้ พระองค์จะเอาอะไรไปต่อว่านาง

กำแพงสูงสองข้อนี้ เป็นดั่งโล่ที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ที่สามารถปกป้องจวินอู๋เสียจากข้อครหาทั้งปวง

แม้ว่าฮ่องเต้จะทรงปรารถนาบั่นคอจวินอู๋เสียให้ตายเป็นร้อยๆ ครั้ง พระองค์ก็ไม่สามารถลงมือทำได้โดยปราศจากความโกรธแค้นของประชาชน

นับตั้งแต่ที่พระองค์ทรงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ นี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์ประสบกับความปราชัย! ไม่ว่าจะเป็นการล้มล้างตระกูลของอดีตฮองเฮา หรือว่าการลดการดำรงอยู่ของจวนหลินอ๋องในหัวใจของผู้คน ทุกอย่างก็ล้วนราบรื่นมาโดยตลอดจนกระทั่งจวินอู๋เสียปรากฏตัว!

ฮ่องเต้ทรงเค้นสมองของพระองค์อย่างหนักเพื่อคิดหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบัน พระองค์รู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่าจวินอู๋เสียจะไม่หยุดเพียงเท่านี้แน่ๆ

“สั่งให้คนของเราสังหารจวินเสี่ยนทิ้งเสีย!” ฮ่องเต้กัดพระทนต์และรับสั่งต่อขันทีที่ยืนอยู่ข้างๆ ขันทีผู้นั้นก็ถอนตัวออกไปจากฝูงชนและรีบลงไปจัดการทันที

ตราบเท่าที่จวินเสี่ยนไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป จวินอู๋เสียก็จะหมดหนทางสู้ และสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ ก็จะเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ!

รุ่งสางยามที่พระอาทิตย์ขึ้นแตะขอบฟ้า เมื่อข่าวการเสียชีวิตของจวินเสี่ยนถูกประกาศออกมา จวนหลินอ๋องก็จะพังพินาศไปเอง!

ข้าต้องยืนหยัดผ่านค่ำคืนนี้ไปให้ได้ จากนั้นจวินอู๋เสียก็จะถูกสับออกเป็นพันๆ ชิ้น!

พระหทัยของฮ่องเต้เต้นอย่างลิงโลด แววตายามที่ทรงมองไปที่จวินอู๋เสียเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่า

ขุนนางชั้นสูงถูกลากตัวให้มาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูวังมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา