หน้าร้อนจัดในเมืองฝานฮัว ผลไม้ทุกบ้านล้วนสุกงอม
องุ่น สาลี่หอม ผลพลัม บ๊วยเขียว ผลหลี ท้อหวาน ผลผีพา…ผลไม้หน้าร้อนแทบจะทุกชนิดล้วนหาได้ในเมืองฝานฮัว
องุ่นม่วงดำจากเขาต้าซื่อที่ซูสุ่ยเลี่ยนย้ายมาปลูกไว้สองต้นก็สุกเต็มต้น
“พี่สาวคนสวย องุ่นเยอะขนาดนี้ กินไม่หมดก็เสียนะ ทำไมไม่เอามาบ่มเป็นเหล้าองุ่น” ซือถูอวิ๋นนอนอยู่บนง่ามกิ่งต้นอิงเถา ในมือถือพวงองุ่นสีม่วงดำพวงอวบ เสนอขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้าน
“ใช่ ปีก่อนยังคิดจะบ่มเหล้าองุ่นอยู่เลย ตอนนี้องุ่นสุกจริงๆ แล้ว…” ซูสุ่ยเลี่ยนสองตาเป็นประกาย “อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าบ่มเหล้าเป็น?”
“ไม่เป็น ข้าแค่ดื่มเหล้าเป็น” ซือถูอวิ๋นตอบอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
“อ้อ…” ซูสุ่ยเลี่ยนไหล่ตก ยืดท้องขึ้นพิงเก้าอี้นอน “เฮ้อ อาเย่าไม่ให้ข้าบ่มแน่”
“อาจารย์ลุงเป็นกระมัง?” ซือถูอวิ๋นปากงับองุ่น หรี่ตาพิงกิ่งไม้เสพสุขแสงแดดยามอาทิตย์อัสดง เมืองฝานฮัวอากาศเย็นสบาย ลมพัดแผ่วเย็นมาเป็นระลอก
“เขาบ่มเหล้าเป็น?” ซูสุ่ยเลี่ยนแปลกใจ แต่ไรเขาไม่เคยบอกว่าเขารู้วิธีบ่มเหล้า เหล้าดอกกุ้ยครั้งก่อนก็เป็นนางอ่านตำราบ่มตามทีละขั้นตอน
“เอ๋? เขาไม่เป็น? เช่นนั้นไหเหล้าหอมๆ ใต้ต้นไม้นี่ใครเป็นคนบ่ม” ซือถูอวิ๋นแอบหลุดสิ่งที่เขาแอบทำออกมา เหล้าไหนั้น เขาจ้องตาเป็นมันนานแล้ว
“อวิ๋นเอ๋อร์!” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินปิดปากตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าใต้ต้นไม้มีไหเหล้าฝังอยู่”
“เอ่อ…ไม่ใช่ข้า เสี่ยวฉุนขุดออกมา” ซือถูอวิ๋นรีบปฏิเสธสิ้น
“ซือถูอวิ๋น”เป็นครั้งแรกที่ซูสุ่ยเลี่ยนคำรามเรียกชื่อพร้อมแซ่ นั่นเป็นเหล้าที่นางบ่มมาด้วยความยากลำบาก ไม่ถึงสองปีเปิดออกมาก็จะเสียเหล้าดีไปเปล่าๆ หนึ่งไห
“วางใจ ขุดออกมาแล้ววางกลับคืน ย่อมไม่ได้ทำให้อากาศเล็ดรอดเข้าไปเปลี่ยนรสชาติแน่ ข้ารับรอง” ซือถูอวิ๋นยกสองมือขึ้นแสดงการยอมแพ้ ไม่ลืมหันไปงับพวงองุ่นในมืออีกลูก
……
“จะว่าไป อาจารย์ลุงจะไม่ยอมให้ท่านบ่มเหล้าองุ่นได้อย่างไร ขอเพียงท่านพึงใจ” ซือถูอวิ๋นแกว่งขานั่งอยู่บนกิ่งต้นอิงเถา มองดูซูสุ่ยเลี่ยนที่กำลังล้างองุ่นดำในกะละมังอย่างสบายใจ กล่าวว่า “แม้ท่านอยากได้พระจันทร์บนท้องฟ้า ข้าว่าเขาก็เหินขึ้นไปเก็บลงมาให้ท่านได้ จุ๊ๆ พี่สาวคนสวย อาจารย์ลุงดีกับท่านมากจริงๆ มิน่าพวกอาจารย์จึงได้…”
“จึงได้อะไร” ซูสุ่ยเลี่ยนฟังไม่จบก็เงยหน้าถาม
“จึงได้อะไรเล่า ก็อิจฉาไง” ซือถูอวิ๋นหัวเราะลั่น
พวกอาจารย์ส่งเขามา ไม่ใช่มาดูเรื่องสนุกหรือ
มาดูงานก่อสร้างคือเรื่องลวง ให้มาเป็นก้างชีวิตแต่งงานระหว่างท่านกับอาจารย์ลุงสิเรื่องจริง!
เขาเป็นอาจารย์ไร้ศีลธรรมจริง ส่วนอาจารย์ลุงอีกสองคนนั่นทนดูอาจารย์ลุงซือหลิงที่ตอนนี้มีชีวิตสบายๆ ในแต่ละวันอย่างมีความสุขไม่ได้กระมัง เฮ้อ ใครให้พวกเขาสามคนยังหาเลี้ยงชีพด้วยมีดดาบยากลำบากพวกนั้นอีกเล่า
แต่ทว่าพอคิดถึงบ้านใหญ่ที่สร้างเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทุกวัน ซือถูอวิ๋นก็อดหรี่ตาคิดไม่ได้ว่า อาจารย์พวกเขาใกล้จะอำลาวงการนักฆ่ามาหลบซ่อนตัวปิดบังชื่อเสียงอยู่ที่นี่จริงหรือ
จะว่าไป หอเฟิงเหยาที่อาจารย์อยู่นั่นใจแคบบีบกันเกินไปแล้วเหมือนกัน โชคดีที่เขากับศิษย์พี่ศิษย์น้องฉลาดไม่ได้เข้าร่วมสำนัก แต่เป็นลูกน้องอาจารย์กับศิษย์พี่ใหญ่มาตั้งอีกองค์กรขึ้น แม้วันหน้าอาจารย์ไม่เกี่ยวข้องกับหอเฟิงเหยาแล้ว ก็เชื่อว่าอาจารย์เขาก็คงไม่วันๆ ตะโกนแต่ว่า ‘น่าเบื่อ’ ไม่มีอะไรทำกระมัง
ศิษย์ทุกคนในหอกว่างชื่อโหลวสาบานว่าจะต้องบรรลุเป้าหมายเป็นหอการข่าวอันดับหนึ่งบนแผ่นดินต้าหุ้ยให้ได้ และวันหน้าพวกเขาก็จะพยายามเดินเส้นทางนี้ เมืองฝานลั่วถือเป็นที่ตั้งมั่นหนึ่งของพวกเขาแล้ว และยังคิดขยายไปที่อื่นอีก การมาครั้งนี้เขา ซือถูอวิ๋น ยังมีงานทำเป็นเรื่องเป็นราวชิ้นหนึ่งเหมือนกัน
แน่นอนว่า ก็คือหลายวันที่อยู่ที่นี่ กินดี (อืม ตั้งแต่อาจารย์ลุงรู้ว่าเขามีฝีมือการทำครัว อาหารสามมื้อจากนั้นก็แทบจะให้เขาทำ) อยู่ดี (โอย ทุกคืนนอนบนต้นอิงเถา แทบลืมรสชาติเตียงไปแล้วนะเนี่ย) ยังได้เป็นเพื่อนคุยกับพี่สาวคนสวยท้องโตอีก อิสรเสรีตนแทบจะลืมงานที่ต้องทำ
โอย ยังต้องหาเวลาไปลงมือให้เร็วหน่อยแล้วกระมัง ไม่เช่นนั้นหากอาจารย์รู้ว่าหลายวันนี้เอาแต่ขี้เกียจ คงได้จัดการอัดเขาแน่
“พี่สาวคนสวย บ่ายวันนี้ข้าจะเข้าเมือง มีอะไรต้องการไหม” พอคิดได้แล้ว ซือถูอวิ๋นก็โดดลงจากต้นอิงเถา กะว่าจะทำตัวเป็นเด็กดีเข้าห้องครัวไปทำอาหารกลางวันก่อน
“อืม เข้าเมืองหรือ อย่างนั้นช่วยข้าซื้อผ้าฝ้ายขาว ไหเปล่าไว้ใส่เหล้าสองใบ และก็ผ้าขาวบางไว้สำหรับกรองกลับมาด้วยละกัน”
ซูสุ่ยเลี่ยนเอียงศีรษะคิดอยู่นาน ไล่เรียงของในบ้านที่ต้องใช้ขึ้นมาในสมอง ก่อนจะตัดสินใจซื้อผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดที่ใช้หมดแล้ว และไหไว้เตรียมบ่มเหล้าองุ่น ส่วนผ้าขาวบาง นางแอบพยักหน้ากับซือถูอวิ๋น
“โอย ข้าถามนิดเดียว ท่านก็อย่าได้จริงจังเช่นนี้เลย” ซือถูอวิ๋นตบท้ายทอยส่งเสียงร้องโหยหวน ร้านผ้าอะไรพวกนี้เขาเกลียดพอๆ กับงานครัว เห็นๆ ว่าเป็นสถานที่ของพวกผู้หญิงควรไปกันมากกว่าไหม คิดให้ชายชาตรีอย่างเขาไป เอ่อ เขาเป็นคุณชายเจ้าสำราญนะ ถึงกับขลุกในร้านผ้าเลือกซื้อผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดอะไรพวกนั้น เฮ้อ ฆ่าเขาเสียเถอะ
“…” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเขาอย่างไร้วาจาจะเอ่ย เขาเป็นคนบอกเองว่านางต้องการอะไรไหมนี่นา! คิดฝากเขาซื้อจริงๆ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ลำบากมากหรือ คิดแล้วสิ่งที่ตนเองฝากเขาซื้อก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกตินี่! อย่างน้อยนางก็ไม่ได้บอกให้เขาไปซื้อ…กระดาษชำระเสียหน่อย…
“เอาละ อย่าส่งสายตามองข้าแบบนี้ หากอาจารย์ลุงเห็นเข้า คงคิดว่าข้ารังแกท่าน ผ้าขาวบาง ไหเหล้าใช่ไหม ไม่มีปัญหา!” ซือถูอวิ๋นทวนอีกรอบ เห็นซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า จึงได้โบกมือแสร้งทำใจสงบเดินเข้าห้องครัว พวกนี้ล้วนเขาหาเรื่องเอง เฮ้อ ซือถูอวิ๋นเอ๋ย ครั้งหน้าควรเลิกให้ค่ากับคำว่ามารยาทอะไรพวกนี้อีก
จริงเลยที่ว่าคนบางคนไม่รู้จักคำว่าเกรงใจคืออะไร…
……
อีกสองสามวันต่อมา ซูสุ่ยเลี่ยนก็ยุ่งแต่กับขั้นตอนการบ่มเหล้าองุ่น พยายามรื้อฟื้นความทรงจำที่พี่ใหญ่เคยสอน พร้อมกับหาอ่านจากตำราเกี่ยวกับการบ่มเหล้าผลไม้ ซูสุ่ยเลี่ยนกำลังลองบ่มเหล้าองุ่นไหแรก
แน่นอน คนที่ลงแรงหนักในครั้งนี้ย่อมต้องเป็นซือถูอวิ๋น หลินซือเย่าไม่ปล่อยให้นางทำเรื่องเช่นนี้แน่ เพียงแต่ยอมให้นางหาอะไรทำคลายเหงา และจะได้เคลื่อนไหวร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่านางลงแรงได้เต็มที่ทั้งหมด
แต่แค่เพียงเท่านี้ซูสุ่ยเลี่ยนก็ดีใจมากแล้ว
เอาองุ่นที่ซือถูอวิ๋นเด็ดมาวางแช่ในกะละมังไม้ คัดเอาลูกแห้งและเน่าออก ล้างและตากแดดให้สะอาดอย่างดี ก่อนจะตำละเอียดใส่ลงไปในไหบ่มเหล้าประมาณเจ็ดแปดส่วนของไห ใช้ผ้าผ้าขาวบางปิดปากไหเหล้า
สามวันต่อมา เปิดผ้าคลุมออก เทน้ำตาลลงไปผสม รออีกห้าวัน คนวันละหนึ่งครั้ง
อีกห้าวันเปลือกและเม็ดองุ่นก็จะลอยขึ้นมาให้ตักทิ้งได้ จากนั้นก็ให้ซือถูอวิ๋นเทน้ำองุ่นลงไปในไหเหล้าที่ล้างเรียบร้อยและแห้งสะอาดแล้ว เอาเนื้อที่ตกตะกอนอยู่ออกมาใช้ผ้าขาวบางบีบน้ำให้แห้ง
ในไหเหล้าใหม่ก็มีแต่น้ำที่เป็นน้ำองุ่นบริสุทธิ์
เติมไข่ขาวที่ตีขึ้นฟองลงไป คนให้เข้ากัน ปิดปากไหเหล้า ครั้งนี้ปิดจริงๆ ปิดทับด้วยใบไม้แห้งก่อนจะใช้ดินเหนียวปิดทับแน่นหนา ไม่ให้ลมเข้าไป
“อย่างไรต่อ? ดื่มได้เมื่อไร” ซือถูอวิ๋นตบมือแปะๆ งานเสร็จแล้ว สีหน้าวาดหวัง ยิ้มแย้มถามซูสุ่ยเลี่ยน
“อย่างน้อยเดือนหนึ่งกระมัง มา เอาไปฝังใต้ต้นอิงเถา” ซูสุ่ยเลี่ยนชี้ไปที่ฝังไหเหล้าดอกกุ้ย ใช้สายตาบอกให้ซือถูอวิ๋นเอาไหเหล้าองุ่นไปฝังตรงนั้น
ใต้ดินอากาศอบอุ่นเย็น วันอากาศร้อนอย่างนี้ก็จะไม่เสียกระมัง
“พี่สาว ต้นอิงเถาช้าเร็วคงต้องถูกท่านทรมานตายแน่” ซือถูอวิ๋นค้อนขวับ จำยอมแบกจอบไปขุดดินฝัง
“อย่างนั้นน…ใต้ต้นพุทรา?” ซูสุ่ยเลี่ยนอุ้มท้องหนัก กะพริบตาปริบๆ คิดถึงต้นพุทราที่อยู่ลานด้านใต้ นั่นเจอแดดนี่นา อุณหภูมิจะสูงไปหน่อยไหมนะ
“ไม่เลือกฝังใต้ต้นไม้ได้ไหม!” ซือถูอวิ๋นบ่นดัง หากไหเหล้าฝังใต้ต้นไม้ เช่นนั้นรากต้นไม้คงได้ถูกขุดตายหมด!
“อย่างนั้น..เจ้าว่าฝังไหนดี” ใต้ต้นไม้ไม่ใช่ว่าอับแสงหรือ! และในบทเพลงไม่ใช่ร้องว่า…ฝังเหล้าดีไว้ใต้ต้นไม้ ผ่านไปหลายปีหอมจริง…
“เอ่อ หาเวลาให้อาจารย์ลุงสร้างห้องใต้ดินสิ” ซือถูอวิ๋นส่ายหน้าอย่างเสียไม่ได้ เขามองออกว่า สตรีเบื้องหน้าที่กำลังจะเป็นแม่คนผู้นี้ ย่อมไม่ได้แค่คิดบ่มเหล้าเพื่อความสนุกชั่วครั้ง หากยังไม่หาห้องใต้ดินเก็บอีก ต้นอิงเถาใหญ่ที่ตนอาศัยนอนที่ คงใกล้ถูกนางทำลายลงกับมือแล้ว
“ห้องใต้ดิน?” ซูสุ่ยเลี่ยนนั่งอยู่บนเก้าอี้หิน สองมือเท้าคางมองซือถูอวิ๋นก้าวเข้าไปขุดดิน เรื่องคิดถึงความเป็นไปในของข้อเสนอเขา
ที่นี่ไม่ปลอดภัยเท่านั้น บ้านเก่าหลายสิบปี แม้ว่าฉาบปูนจนดูเหมือนใหม่ แต่ความจริงก็ยังเก่ามาก ไม่อย่างนั้นอาเย่าคงไม่รีบหาทางสร้างบ้านใหม่อีกหลัง
บ้านใหม่น่าจะสร้างห้องใต้ดินได้ แม้ไม่ใช่เก็บเหล้าโดยเฉพาะ แต่ก็เอาไว้เก็บธัญพืช ปลาเค็มหรือเนื้อเค็มหน้าหนาวได้ อีกอย่างการสร้างโกดังเก็บบนดินก็คงสู้สร้างห้องใต้ดินไม่ได้กระมัง แม้ว่างานก่อสร้างจะใหญ่อยู่สักหน่อย แต่อย่างไรก็เป็นข้อเสนอที่ดีไม่ใช่หรือ
“ลำบากเจ้าแล้ว อวิ๋นเอ๋อร์” ซูสุ่ยเลี่ยนหรี่ตายิ้มมองซือถูอวิ๋นลงแรง ก่อนจะอุ้มท้องโตเดินข้าไปหาหนังสือในห้องหนังสือดูว่ามีเรื่องเกี่ยวกับการออกแบบสร้างห้องใต้ดินไหม
“เฮ้อ สตรีท้องล้วนเป็นเช่นนี้หรือ อยู่ๆ ก็คิดนั่นนี่ บ่มเหล้าองุ่นเสร็จก็จะไปหาวิธีต้มน้ำบ๊วย แต่พริบตาก็เปลี่ยนความคิดแล้ว เฮ้อ ข้าอยากดื่มน้ำบ๊วย เสี่ยวฉุน เจ้าเองก็อยากใช่ไหม” ซือถูอวิ๋นมองไปยังเจ้าตัวที่กำลังนอนตอนบ่าย มุมปากเหมือนมีน้ำลายไหลอยู่
โบร๋ว โบร๋ว โบร๋ว…ข้าไม่ได้อยากกินน้ำบ๊วยจนน้ำลายไหลเสียหน่อย ข้าอยากกินเนื้อเย็นนี้ต่างหาก เนื้อข้า…เสี่ยวฉุนส่ายหน้าสะบัดหางหอนอยู่นาน ก่อนจะเดินไปจ้องมองปลาริมแม่น้ำทางลานทิศใต้ตาเป็นมันด้วยความอยากกิน
ทิ้งซือถูอวิ๋นไว้คนเดียว เขายังคงแบกจอบขุดดิน ขุดๆๆ ฝังไหเหล้า…