ตอนที่ 87 ที่นี่คือบ้านของข้า

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

“เซี่ยหมัวมัว[1] พ่อบ้านอาน ความหมายของพวกท่านข้าเข้าใจ เพียงแต่ไม่ว่าเมื่อก่อนเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้ข้าแต่งงานแล้ว และตั้งครรภ์แล้ว ไม่อาจเร่งเดินทางไปเมืองหลวงได้จริงๆ ขอท่านทั้งสองไปบอกกล่าวแทนข้า” ซูสุ่ยเลี่ยนคำนับกำลังจะก้มตัวลงก็ถูกหลินซือเย่ารั้งไว้

จะไปสนใจหมัวมัวพ่อบ้านอะไร ท่านอ๋องพระชายาอะไร แม้ว่าเป็นฮ่องเต้มาเอง ก็ไม่อาจรับการคำนับ กำลังตั้งครรภ์ ยังคิดจะก้มกายคำนับ ไม่ลำบากหรือ

“แต่ว่า คุณหนูสี่…” พ่อบ้านอานมีวาจากล่าวกับซูสุ่ยเลี่ยนแต่ก็กล่าวไม่ออก ถูกสายตาบ่าวหญิงหยุดไว้

“คุณหนูสี่กล่าวได้ถูกต้อง เป็นพวกเราที่ไตร่ตรองไม่รอบคอบ เช่นนั้นบ่าวกับพ่อบ้านอานกลับไปเมืองหลวงเฟิงเฉิงก่อน อีกสองสามวันจะส่งของเตรียมคลอดมา ท่านอ๋องเฒ่าได้ยินว่าคุณหนูสี่ตั้งครรภ์ จะต้องรีบเดินทางมาแน่นอน” บ่าวหญิงแซ่เซี่ยซึ่งก็คือนางกำนัลคนสนิทของพระชายาเฒ่า ตบหลังมือปลอบซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มกล่าว

ส่วนเรื่องอ๋องเฒ่าจวนจิ้งอ๋อง บิดานางในภพนี้ ก็เหมือนบิดาของนาง นอกจากมีแต่ความเคารพให้แล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้อีก ขออภัย นางไม่นิยมบิดาที่มีภรรยาหลวงน้อยมากมายพร้อมลูกหลานเต็มบ้าน ไม่ใช่บิดาที่นางให้ความเคารพเลื่อมใสและคิดใกล้ชิดด้วย

……

มองตามรถเทียมม้าสี่ตัววิ่งออกไปไกล ซูสุ่ยเลี่ยนจึงปิดประตูลง หันหลังจะเดินเข้าห้องโถง

ก็เห็นหลินซือเย่ายืนนิ่งอยู่ด้านหลังนาง สายตาลุ่มลึกยากคาดเดา

“อาเย่า?” นางแย้มยิ้มบางเอื้อมมือไปดึงมือเขา ถูไถฝ่ามือหยาบกระด้างของเขา ถามน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ทำไมหรือ” ตั้งแต่ก่อนอาหารกลางวันได้พบกับสองบ่าวเฒ่าจากจวนจิ้งอ๋อง เขาก็เหมือนไม่ยิ้มแย้มอีก

“สุ่ยเลี่ยน…” เขาถามน้ำเสียงแหบพร่าเบายิ่ง “เจ้า…ใช่คุณหนูสี่จวนอ๋องจิ้ง?” เขากุมมือน้อยนางไว้แน่น เอียงตัวบังแดดให้นาง ให้นางเย็นสบายหน่อย ดึงมือนางค่อยๆ เดินเข้าห้องโถงไป ดึงนางมานั่งบนตักตนเอง ถามคำถามที่เวียนวนในใจอยู่นานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร อาเย่า ตอนนี้ข้าเป็นภรรยาเจ้า ที่นี่คือบ้านของข้า นอกจากเจ้าไม่ต้องการข้า…อาเย่า”

ไม่รอให้ซูสุ่ยเลี่ยนกล่าวจบ หลินซือเย่าก็เอี้ยวตัวประกบปากน้อยๆ ที่พูดจาขัดหูไม่เหมือนปกติที่นางเคยเป็น

“ครั้งหน้าอย่าได้กล่าววาจาว่าต้องการไม่ต้องการอะไรพวกนี้อีก” เขาคลอเคลียริมฝีปากนางอยู่นาน เมื่อครู่ทำเอานางหายใจไม่ทัน ยามนี้หน้าผากชนกันพลางกล่าวเตือนเสียงเข้ม

“ได้” ซูสุ่ยเลี่ยนยกมือประคองใบหน้าเขาไว้ อดจุมพิตริมฝีปากเขาไม่ได้ “เจ้าเป็นของข้า…” นางกระซิบแผ่วเบา เขาเป็นของนางคนเดียว ไม่มีหญิงอื่นใดร่วมครอบครอง

“พวกเราเป็นของกันและกัน” หลินซือเย่าก้มลงจุมพิตนางเบาๆ ก่อนจะพัวพันคลอเคลียครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ห่าง สองมือสอดเข้าใต้เสื้อนาง ค่อยๆ ไล้ความนูนเด่นยิ่งอวบอิ่มหลังตั้งครรภ์ของนาง ก่อนจะซุกหน้าลงในซอกคอนาง

“ได้ไหม?” เขาสะกดอารมณ์ ถามน้ำเสียงแหบพร่า

“อืม…” นางตอบรับเอียงอาย

ตั้งแต่ตั้งครรภ์มา แม้หมอบอกว่าระยะนี้ร่วมเตียงได้บ้าง แต่เขาก็ยังเพียงแต่กอดนางเข้านอน พยายามระงับอารมณ์ไม่แตะต้องนาง

ขอความเห็นนางแล้ว หลินซือเย่าที่แอบทนไม่ไหวนานแล้ว ก็กอดเอวนางอุ้มเข้าห้องถอดชุดกระโปรงออก ตนเองก็รีบสลัดชุดตนเองทิ้ง นอนลงแนบข้างนาง ลูบไล้ท้องน้อยที่นูนขึ้นมาของนางเอาไว้ ก่อนจะแทรกลึกลงในช่องทางของนางที่ชุ่มชื้นนานแล้ว หัวเราะเบาๆ เงยหน้ามองนาง เหมือนว่าหลังตั้งครรภ์ นางจะร้อนแรงไม่น้อย

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ นอกจากเหนือความคาดหมายแล้วยังทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก นาง พยายามตอบสนองความต้องการของนางเอง เรียนรู้ที่จะตอบสนองความพึงพอใจตนเอง สตรีตระกูลสูงที่พยายามสงบเสงี่ยมรักษาจารีตคนเดิม ตอนนี้พยายามระงับความเขินอาย มีภรรยาเช่นนี้ สามีจะต้องการอะไรอีก

“อาเย่า…” นางร้องเรียกชื่อเขาเสียงแหบพร่า ยกร่างกายขึ้นเองไม่ให้กดทับลูกในครรภ์ ยกมือขึ้นโอบศีรษะเขาไว้ เชื้อเชิญเขาอย่างเขินอาย

เขาอมยิ้มจุมพิตนางลุ่มลึก ก่อนจะเข้าสู่กายที่แน่นชื้นของนาง เคลื่อนไหวสองสามทีแล้วก็เห็นนางกำลังตกในภวังค์เคลิบเคลิ้ม จึงได้ปลดปล่อยอย่างวางใจ เงยหน้าขยับขึ้นคุกเข่าแทรกกายเข้าไป

นางกัดฟัน พยายามไม่ส่งเสียงครางออกมา สองมือยันเตียงข้างกายเอาไว้ โก่งร่างกายตอบสนองการเคลื่อนไหวแข็งแกร่งแสนอ่อนโยนของเขา

อดกลั้นมานาน พอได้แตะต้อง สิ่งที่เรียกว่าพลังร้อนแรงจุดประกายไฟร้อนแรงในกายเขาขึ้น ความร้อนแรงแผดเผานางจนแทบทนรับไม่ไหว…

……

รถม้าตะบึงวิ่งมาหยุดลงที่หน้าประตูโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฝานลั่ว หยุดอยู่วันหนึ่งก่อนจะเดินทางกลับเมืองหลวง

“เจ้า ทำไม…” ตอนกินอาหารในห้องส่วนตัว เหลียงอานที่ยังคิดไม่เข้าใจ แอบมองเซี่ยหมัวมัวด้วยสายตาโมโห พอเอ่ยขึ้นก็ไม่รู้ควรเอ่ยอันใดกับนางต่อ

คุณหนูสี่ตั้งครรภ์เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของพวกเขา

คิดไม่ถึงว่า คุณหนูสี่ที่แต่ไรไม่ค่อยพูดจา จากจวนอ๋องไปได้ไม่ถึงสองปี ก็แต่งกับชายแปลกหน้าและยังตั้งครรภ์อีก นี่มัน…พวกเขาจะกลับไปรายงานท่านอ๋องเฒ่าที่นอนป่วยอยู่บนเตียงได้อย่างไร

ดังนั้นเหลียงอานจึงได้คิดนำคุณหนูสี่กลับไปด้วย หนึ่ง จะได้ให้ท่านอ๋องเฒ่าได้เห็นนางแล้วจะได้วางใจรักษาอาการป่วย สองน่ะหรือ ให้คุณหนูสี่ที่ตั้งครรภ์ท้องโตมาบอกท่านอ๋องเฒ่าเอง ไม่ใช่เรื่องอะไรของเขากับเซี่ยหมัวมัว เรื่องนี้น่าตกใจจริงๆ

“เจ้าไม่ใช่ผู้หญิง” เซี่ยหมัวมัวตอบกลับเหลียงอาน อธิบายอ่อนโยนเบาๆ

“เจ้า…หมายความว่าอย่างไร ข้าย่อมไม่ใช่ผู้หญิง” เหลียงอานได้ยินก็โมโหจนหนวดกระดิก ตาถมึงทึง

“ดังนั้นเจ้าจึงไม่รู้ว่าสตรีตั้งครรภ์นั้นลำบากเพียงใด” เซี่ยหมัวมัวกล่าวตอบอย่างไม่ร้อนใจ “ในเมื่อหาคุณหนูสี่พบแล้ว ไม่เดินทางมาเสียเปล่า ส่วนนางยอมกลับไปหรือไม่นั้น…” เซี่ยหมัวมัวหรี่ตาลง มองผ่านหน้าต่างออกไปยังคนเดินผ่านไปมาด้านนอก ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าไม่คิดหรือว่า หากท่านอ๋องเฒ่าได้ยินว่าคุณหนูสี่แต่งงานและตั้งครรภ์แล้ว จะรีบเร่งเดินทางมาด้วยตนเองหรือ”

“เจ้าหมายความว่า…” เหลียงอานแอบนึกรู้ขึ้นมาทันที ก่อนจะมองเซี่ยหมัวมัวอยู่พักหนึ่ง ถอนหายใจ “จิตใจสตรีซับซ้อนเช่นนี้เสมอหรือ”

“อาจเป็นข้าซับซ้อนแค่คนเดียว” เซี่ยหมัวมัวตอบอย่างไม่คิดเช่นนั้น

“หย่งชุน เจ้ายังแค้นใจข้า?” ในฐานะพ่อบ้านจวนอ๋อง ไม่มีอะไรไม่เคยผ่านมา แต่กับผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ เขากลับไร้หนทางจัดการ

“แค้นใจอะไรเจ้า? เจ้าและข้าล้วนแก่ใกล้ลงโลงแล้ว ยังมีอะไรแค้นใจอีก” เซี่ยหมัวมัวตอบกลับ ก่อนจะดื่มน้ำชากินอาหาร ไม่ได้คิดจะพูดกับเหลียงอานต่อ

เหลียงอานถอนหายใจ ในใจรู้ว่านางยังคงไม่อาจปล่อยวางอดีต เพียงแต่นางกล่าวได้ไม่ผิด เขาและนางตอนนี้อายุปูนนี้แล้ว ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็คง…เช่นนั้น ยังจะถือสายึดมั่นอะไรอีก

เพียงแต่ คิดถึงเรื่องต่างๆ ตอนนั้น เขาก็อดย้อนถามตนเองไม่ได้ว่า ตอนนั้นเขาตัดสินใจผิดหรือไม่?

หย่งชุนคือชื่อของเซี่ยหมัวมัว

นางเป็นสตรีชาวบ้านกำพร้าที่เซี่ยจื่ออิ๋ง คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ย ช่วยเอาไว้ตอนไปไหว้พระครั้งหนึ่ง

เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ หย่งชุนยอมเปลี่ยนไปใช้แซ่เซี่ย ยอมอยู่ตระกูลเซี่ยรับใช้คุณหนู แม้เหมือนเป็นสาวใช้ส่วนตัว แต่คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยไม่เห็นนางเป็นสาวใช้ เหมือนพี่น้องมากกว่า ไม่มีสัญญาขายตัวเป็นสาวใช้ ไม่มีสัญญาทำงาน มีแต่ความยินยอมของหย่งชุนเอง จะจากไปตอนไหนก็ได้ เตรียมเงินก้อนโตให้นางไว้แล้ว

เพียงแต่หย่งชุนที่ไม่มีบ้านให้กลับแล้ว ตัดสินใจรับใช้คุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ย ก็เลยติดตามคุณหนูใหญ่ตระกูลเซี่ยออกเรือนมาจวนอ๋องด้วย

นานวันเข้าก็ค่อยๆ เกิดความผูกพันกับเหลียงอานที่รับใช้ข้างกายท่านอ๋องเฒ่าตอนนั้น

พระชายารู้ก็มีใจคิดจับคู่หย่งชุนกับเหลียงอาน ทำอย่างไรได้ เหลียงอานเป็นบ่าวเกิดในเรือนอ๋อง เป็นบ่าวรับใช้มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ พอรู้ว่าหย่งชุนไม่เพียงไม่ใช่บ่าวในจวนเซี่ย แต่เป็นความต้องการรับใช้ของนางเอง เหลียงอานก็ปฏิเสธความเมตตาจับคู่ของพระชายา และยังตัดใจจากหย่งชุนด้วย

เขา ‘เหลียงอาน’ วางตัวเองในสถานะบ่าวในเรือนจวนอ๋อง รับใช้ข้างกายท่านอ๋อง พ่อบ้านจวนอ๋อง ไม่คิดเรื่องแต่งงานอะไรอีก

ส่วนหย่งชุน แต่นั้นมาก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องแต่งงานอีก หนึ่งปีผ่านไป จากสาวใช้ติดตามออกเรือนมาก็เลื่อนตำแหน่งเป็นหมัวมัวรับใช้ข้างกายพระชายา ช่วยพระชายาดูแลงานในจวน จนท่านอ๋องสละตำแหน่ง นางจึงได้ปลดภาระงานมารับใช้ข้างกายพระชายายามชรา

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เหลียงอานก็เหมือนคิดทีไรก็ปวดใจทุกครา หย่งชุนไม่ควรทำเช่นนี้ นางควรแต่งงานกับชายที่มีอิสระข้างนอก ไม่ใช่ผูกมัดตนเองไว้ในจวน โดดเดี่ยวคนเดียวชั่วชีวิต

“เอาละ ถอนใจทำไม? กินอาหารเสร็จแล้วก็กลับห้องไปพักเสีย” รอนแรมมานาน กระดูกกระเดี้ยวแทบเปลี่ยนตำแหน่งแล้ว เซี่ยหมัวมัวค้อนเหลียงอาน ผู้ชายคนนี้นี่ ตอนนี้ยังแอบนึกเสียใจการตัดสินใจในตอนนั้นอีก

เพียงแต่ ที่นางไม่คิดเรื่องแต่งงานก็ไม่ใช่เพราะเขาคนเดียว บางทีอาจเพราะไม่เจอคนที่ต้องใจ ผ่านมาสามสิบปีแล้ว ไม่มีใจคิดเรื่องพวกนี้แล้ว งานในจวนยุ่งจนนางแทบไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ดังนั้นจึงค่อยๆ พักความคิดที่จะแต่งงานเอาไว้ก่อน พระชายาบอกว่าจะเลี้ยงดูนางยามชราเอง นางก็สบายใจอย่างยินดี

“อืม กลับไปครั้งนี้ ท่านอ๋องเฒ่าควรวางใจได้แล้ว” เหลียงอานคลายความอัดอั้นในใจลง หาเรื่องมาสนทนาต่อได้อีก

“วางใจ? ข้าว่าไม่แน่ คุณหนูสี่ไม่ยอมกลับจวน ยังแต่งงานตั้งครรภ์ วางใจสิแปลก” เซี่ยหมัวมัวหรี่ตาหัวเราะเบาๆ

“หย่งชุน” วิจารณ์ท่านอ๋องเฒ่าลับหลังเช่นนี้ได้อย่างไร เหลียงอานตวาดเบาๆ ให้นางหยุด

“เอาละ กินข้าว” หย่งชุนก้มหน้ากินข้าวไม่สนใจเขาอีก แต่ไรมานางก็นิสัยเช่นนี้ เขายังไม่รู้อีกหรือ ท่านอ๋องกับพระชายาไม่ถือสาแล้ว เขาจะร้อนใจอะไร

——————————–

[1] หมัวมัวเป็นคำเรียกขานสตรีสูงวัย มารดา หรือแม่นมก็ได้ ในที่นี่เรียกขานสตรีสูงวัยอย่างให้เกียรติ