สถานการณ์ที่อยู่เหนือความคาดหมายของอินกอง
นาตาช่ามิได้เป็นทาส
ทว่าหากพินิจพิเคราะห์แล้วสิ่งนี้สมจริงมากที่สุด ใช่ว่าโลกมารจะสามารถจับทาสขายได้อย่างเสรี นอกเหนือจากหัวเมืองทาก้าก็แทบจะไม่มีตลาดค้าทาสให้พบเห็น
เช่นนั้น เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ทำให้นาตาช่าตกเป็นทาส?
เหตุมิคาดฝันเยี่ยงไรกันที่ทำให้ปุถุชนเปลี่ยนสถานะเป็นทาสได้ในหนึ่งปี?
ระหว่างที่อินกองครุ่นคิดปริศนาในหัวของเขา นาตาช่าที่ทำธุระกับนายหน้าเสร็จสิ้นก็เริ่มเดินออกจากร้านค้า
“นาตาช่า!”
อินกองตะโกนอย่างเร่งรีบ ทว่าอีกฝ่ายกลับเดินออกห่างโดยไม่มีทีท่าตอบรับแต่อย่างใด
แทนที่จะเคลือบแคลงสงสัยในตัวอินกอง เจ้าออร์คคารัครีบวิ่งตามหลังซัคคุบัสนางนั้นก่อนอินกองจะได้สติวิ่งตาม ร่างกายอันใหญ่โตในตลาดที่เต็มไปด้วยฝูงชนสัญจรอาจเป็นอุปสรรค แต่ทั้งสองก็ยังไม่คลาดสายตาไปจากเป้าหมาย
พริบตาที่นาตาช่าเดินเลี้ยวหัวมุมถนนทำให้อินกองรู้สึกไม่สบายใจ
ราวกับบทละครที่วางไว้
อินกองรีบเดินเลี้ยวมุมถนนตาม หากแต่นาตาช่าได้อันตรธานหายไปเสียแล้ว ฝูงชนตรงหน้าหามีผู้ใดที่มีเส้นผมสีชมภูหรือสีโทนแดง
อินกองพยายามมองสังเกตรอบตัว คารัคเงยหน้ามองด้านบน ถึงกระนั้นทั้งสองก็ไม่พบร่องรอยอะไร บางทีนาตาช่าอาจใช้ทักษะที่เกี่ยวกับการพรางตัวเพื่อหลบเลี่ยงการสะกดรอยของทั้งคู่
“ลักษณะของนางตรงตามที่องค์ชายบอกทุกอย่าง แต่นางกลับเดินหนีไป ไม่มีการตอบสนองเสียด้วยซ้ำ”
คารัคพูดพลางเกาหัว
แม้ยามที่อินกองตะโกนเรียกชื่อ นางก็ไม่มีอาการชะงัก นางทำเพียงเดินต่ออย่างไม่มีรีบร้อนเสียด้วย
บุคคลทั่วไปเมื่อถูกเรียกชื่อย่อมแสดงอาการรับรู้ออกมาไม่มากก็น้อย การที่จะทำตัวเมินเฉยดั่งที่นาตาช่ากระทำจะต้องมีการเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ไว้ล่วงหน้า
จากประสบการณ์ของเจ้าออร์ค ผู้ที่สามารถแสดงกิริยาเป็นธรรมชาติได้เช่นนี้มีเพียงเหล่ามือสังหาร และโจรที่มีรางวัลนำจับ
“องค์ชาย ความสัมพันธ์ระหว่างแแกกับนางแย่ขนาดนี้เลยรึ?”
คารัคหันมาถามอินกองอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่มีความสัมพันธ์อะไร นางยังไม่รู้จักผมเสียด้วยซ้ำ ผมทำพลาดเอง”
เท่าที่อินกองจำได้ นาตาช่าเป็นทั้งมือสังหารและโจรที่ถูกตั้งค่าหัว การที่นางจะหลบหนีเมื่อผู้ที่นางไม่รู้จักขานชื่อย่อมไม่แปลก
คารัคแน่นิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘ไม่มีความสัมพันธ์อะไร’ แต่มันเลือกที่จะไม่สอบถามอะไรเพิ่ม มันทำเพียงลูบหัวอินกองอย่างเอ็นดู
คุณแม่ตกใจเมื่อลูกชายกลายเป็นสตอล์คเกอร์
“องค์ชายไม่ผิดอะไร นี่ไม่ใช่ความผิดของแก นางแค่ได้เปรียบด้านสถานที่มากเกินไป… ”
ท่าทีที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่กัมมะ เดเลีย และเหล่าองครักษ์คลั่งไคล้ในตัวเจ้าออร์ค?
อินกองอมยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยปากบอก
“กรีนวินด์ มองสำรวจรอบด้านให้ที”
‘เข้าใจแล้วนายท่าน’
กรีนวินด์ปรากฏกายเนื้อขึ้นก่อนสลายตัวเป็นสายลมกระจายออกไปทั่วทิศทาง นางสามารถสอดส่องเหตุการณ์ได้ในมุมมองที่เกินความสามารถของอินกอง
“คารัค เราไปคุยกับนายหน้าที่ติดต่อกับนาตาช่ากัน”
ทำได้เพียงคาดหวังว่าเบาะแสเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้จะทำให้เขารับรู้ข้อมูลเพิ่มเติม
อินกองก้าวเข้าร้านค้า นายหน้าดังกล่าวต้อนรับพวกเขา
“สวัสดีครับคุณลูกค้า มีอะไรให้รับใช้ครับ?”
“ข้าอยากถามข้อมูลอะไรนิดหน่อย”
คารัคกล่าวด้วยรอยยิ้มใช้มือส่งถุงทองใส่ให้กับมือของนายหน้า จำนวนทองในถุงนั้นอยู่นอกเหนือการรับรู้ของอินกอง ทว่าหากสังเกตจากท่าทีที่เปลี่ยนไปของพนักงาน คาดว่าคงเป็นจำนวนที่ไม่น้อย
โชคร้ายที่นายหน้าไม่มีเบาะแสอะไรให้กับพวกอินกอง เขารู้เพียงแค่ว่าซัคคุบัสนางนั้นเคยมาเยือนร้านค้าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน นางสอบถามเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ และจำนวนทาสที่มีในตลาดค้าทาสแห่งนี้
การมาเยือนในคราวนี้เป็นครั้งที่สองของนาง แน่นอนว่าหากมีครั้งที่สอง ย่อมมีความเป็นไปได้ของครั้งที่สามตามมา
“เราอยากฝากข้อความไว้”
อินกองดีดเหรียญทองดวอฟให้กับนายหน้าค้าทาส ใบหน้าที่ปลื้มปิติแสดงให้เห็นความรู้สึกดีถึงโชคลาภในครั้งนี้
“กระผมจะรีบนำอุปกรณ์เครื่องเขียนมาให้ครับ เชิญพักผ่อนตามสบายครับ”
อาการที่ราวกับหนูตกถังข้าวสารทำให้อินกองมั่นใจว่าข้อความส่งถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน
อินกองคิดหาถ้อยคำเล็กน้อย ก่อนเขียนจดหมาย
เนื้อความเป็นเพียงถ้อยคำระบุว่าเขาต้องการพบตัวนาง รวมถึงสถานที่ที่นางสามารถใช้ติดต่อกลับ
ผิวเผินดูเป็นเพียงจดหมายทั่วไป แต่อินกองเขียนบางสิ่งที่นาตาช่าไม่สามารถมองข้ามลงไปด้วย
เมื่อนาตาช่าแวะมาเยือน พนักงานต้อนรับย่อมมอบจดหมายของอินกองให้กับนางอย่างแน่นอน หลังจากนั่นนายหน้าจะรีบติดต่ออินกองเพื่อบอกว่าข้อความส่งถึงมือผู้รับอย่างเรียบร้อย พร้อมความคาดหวังรางวัลเพิ่มเติมจากอินกอง
อินกองยื่นจดหมายให้กับนายหน้าที่ยิ้มแก้มแทบปริ พร้อมเสียงกระซิบของกรีนวินด์ดังขึ้น
‘ข้อขอโทษนายท่าน ข้าหานางไม่พบ’
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณที่เหนื่อยแรง”
อินกองลูกหัวกรีนวินด์ก่อนจะเดินทางเพื่อทิ้งข้อความถึงนาตาช่าไว้กับร้านค้าอื่น
มีความเป็นไปได้สูงว่านางแวะสอบถามข้อมูลจากร้านค้าหลายร้าน
คารัคย้ำความมั่นใจให้กับอินกอง หากมีข้อความทิ้งไว้เยอะเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ย่อมเกิดความสงสัยขึ้นแน่นอน
‘เพื่อได้ตัวนาตาช่า ทองแค่นี้จิ๊บจ๊อยมาก’
เช่นเดียวกับที่อินกองสอบถามข้อมูลจากหลากร้านค้า นาตาช่าก็เช่นกัน และแน่นอนว่าพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ย่อมไม่พลาดโอกาสเพิ่มทรัพย์สินเพียงแลกกับการส่งจดหมาย
กว่าอินกองจะแวะฝากข้อความไว้ที่ร้านค้าทั้งหมดเวลาก็ล่วงเลยได้บ่ายกว่า ถึงเวลาที่เขาควรเดินทางกลับที่พัก
ท่ามกลางความรู้สึกคาดหวังเรื่องข้อความ อินกองพบกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปของคณะ
‘เจ้าแรคคูนพูดมากกลายเป็นแรคคูนยิ้มมากไปแล้ว’
อย่างที่กรีนวินด์กล่าว อมิตาภายิ้มแก้มปริระหว่างนั่งกินขนมหลากชนิด ทุกครั้งที่ขนมหวานเข้าปาก ร่างของเจ้าแรคคูนตัวน้อยก็สั่นคลอน มันพยายามจะตีสีหน้าเรียบเฉยแต่ก็ไร้ผล
“ของหวานพวกนี้มันอะไรกัน?”
“ฉันแวะไปร้านขนมกับออนนี่มา ฉัตรกับคารัคลองชิมดูสิ อร่อยสุดยอด!”
เคทลินหัวเราะให้กับอาการประหลาดใจของเจ้าออร์ค พลางยื่นขนมให้มัน เป็นเค้กที่มีรูปร่างตามพระจันทร์
อินกองไม่ได้ชื่นชอบการกินขนมหวานสักเท่าไรแต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธเคทลินได้ เขาเลือกหยิบเค้กที่ชิ้นเล็กที่สุด ที่มีรูปร่างเป็นพระจันทร์เสี้ยว
“เป็นยังไงบ้าง? อร่อยมั้ย? ใช่มั้ย?”
“ใช่ครับ อร่อยมากครับ”
รสชาดเป็นตามที่อินกองคาดคิด อาจจะไม่มีรสขมของน้ำตาลเคี่ยวแต่นี่คือมาการูนที่มีส่วนผสมของน้ำตาลอย่างมาก
“ฉัตร? เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
ท่าทีของอินกองทำให้เคทลินถามอย่างห่วงใย
“ไม่มีอะไรครับ ผมแค่เหนื่อยจากการเดินตระเวนร้านค้าต่างๆ”
ถึงกระนั้นสีหน้าห่วงใยของเคทลินกลับมากขึ้น เฟลิซีขมวดคิ้วก่อนวางถ้วยน้ำชาของนาง
“ถ้าอย่างนั้น เธอจะนอนพักผ่อนไม่ต้องไปลานประมูลก็ได้นะ?”
“ไม่ครับ ผมไม่รู้จะมีโอกาสมาทาก้าอีกเมื่อไร ผมไม่ยอมพลาดงานประมูลแน่ๆ ยังไงก็ยังมีเวลาเหลือ ผมขอพักซักนิดก็สบายขึ้นแล้วครับ”
พวกเขาจะออกจากทาก้าวันรุ่งขึ้นหลังจากรวมตัวกับเหล่ากำลังเสริม หากอินกองพลาดงานประมูลครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไร
อินกองคลาดจากนาตาช่าต่อหน้าต่อตาไปแล้ว เขาไม่ยอมพลาดงานประมูลอีกแน่
“ถ้าเธอว่างั้นฉันก็หมดห่วง เอาเป็นว่าถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกได้ อย่าฝืนละ”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นผมขอตัวไปพักผ่อนนะครับ”
อินกองแยกตัวเข้าพักผ่อนในห้อง
&
สองชั่วโมงผ่านไป
คณะอินกองในชุดหลากสีสันก็มารวมตัวกันที่หน้าห้องรับรองของโรงแรม
เคทลินในชุดราตรีเปลือยไหล่สีเหลือง ลักษณะที่ต่างไปจากรสนิยมปกติของนาง
อินกองจ้องนางอย่างอัศจรรย์ใจ เซร่าพยายามกลั้นหัวเราะพลางกระซิบบอกบางอย่างกับคารัค ดูเหมือนชุดที่นางใส่ปกติจะเป็นเพราะอิทธิพลจากคริสต์
“มันเข้ากับฉันไหม?”
เคทลินถามอย่างเคอะเขิน นางทั้งตื่นเต้นและอายจากการใส่ชุดที่นางไม่สามารถสวมใส่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคริสต์
อินกองมองสำรวจนางหัวจรดเท้าก่อนจะหัวเราะออกมา
“เคทลินนูนะสุดยอด!”
อินกองตอบโดยพยายามเลียนแบบนาง เซร่าพยายามกลั้นหัวเราะส่วนคารัคหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
เคทลินอายม้วนเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
“แล้วฉันละ? หืม ฉัตรดูภาคภูมิมากกว่าที่วังรึเปล่า?”
ชุดของเฟลิซีไม่ต่างจากเคย ชุดรัดรูปสีม่วงที่แสดงเรือนร่าง แม้อินกองจะคุ้นเคยกับรสนิยมของนางอยู่ก่อนแล้ว แต่การจดจ้องจากสตรีตรงหน้าก็ทำให้เขาเขินอาย
เฟลิซีหัวเราะเล็กน้อยพลางนำผ้าคลุมขนสัตว์มาสวมไหล่ นางมองสำรวจชุดของอินกอง
“สีดำดูเข้ากับเธอดีนี่นา ทำให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ว่าไหม?”
อินกองใส่ชุดสูทสีขาวทุกครั้งในการประชุมสภาที่วังจอมมาร สีดำจึงทำให้ดูแปลกตา
ระหว่างที่เฟลิซีกับเคทลินให้คะแนนการแต่งตัวของอินกอง เหล่าองครักษ์ก็มองสำรวจคารัค
เดเลียก้าวเข้าหาคารัคพลางเอ่ยปาก
“นี่คารัค ไทเจ้าเบี้ยว ข้าแก้ให้”
“โอ้ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไร”
เดเลียยิ้มอย่างอบอุ่นพลางใช้มือทั้งสองของนางจัดแต่งเครื่องแต่งกายเจ้าออร์ค กัมมะ เซร่า และดาฟเน่จ้องมองตาโตราวกับพวกนางพลาดโอกาสสำคัญบางอย่างในชีวิต
ภาพตรงหน้าทำให้อินกองถอนหายใจออกมา
‘หวังว่านาตาช่าคงจะไม่… ’
แน่นอนว่านาตาช่ายังไม่เข้าร่วมกับเขา
เฟลิซีหัวเราะราวกับอ่านความคิดของอินกองออก
“งั้นเดี๋ยวฉันจัดแต่งเธอให้”
อินกองมิได้สวมเนคไท แต่เป็นโบว์ นั่นทำให้ไม่มีอะไรต้องจัดเข้าที่ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่พูดขัดเฟลิซี
&
ทาก้าอาจเป็นเมืองแห่งสถานเริงรมย์ แต่ลานประมูลก็ยังคงรูปแบบของลานประมูล
นอกจากสมบัติเลอค่าที่พบเห็นตามลานประมูลทั่วไป ยังรวมถึงสิ่งที่ซื้อขายกันอย่างลักลอบเช่น ยาเสพติด ทาส เครืองรางต้องสาป นั่นทำให้เงินทองจำนวนมากผลัดเปลื่อนมือ
สิ่งปลูกสร้างสีแดงประดับด้วยแสงไฟตั้งตระหง่านอย่างโอ่อ่า
ผ่านประตูเข้ามาเป็นห้องขนาดใหญ่ลักษณะเป็นหลุม มีเบาะโซฟาจัดเรียงรายล้อมเป็นครึ่งวงกลมไล่ความสูงลงไปยังกลางห้อง ลานเวทีที่มีผ้าม่านผืนใหญ่ตั้งปิดสิ่งของประมูล สร้างความลุ้นระทึกให้กับผู้เข้าร่วม
อินกองนั่งลงระหว่างเคทลินกับเฟลิซี พลางมองสำรวจรอบตัว แสงไฟในห้องทำให้สามารถมองเห็นผู้เข้าร่วมได้ไม่ยาก
“เช่นนั้นขอเชิญท่านผู้มีเกียรติทุกท่านรับชมการประมูลในวันนี้”
อินคุบัสหนุ่มผิวแดงสั่นกระดิ่งกล่าวเปิดการประมูล อมิตาภาที่นั่งตักดาฟเน่จดจ้องไปยังเวทีกลางห้อง มือทั้งสองหยิบขนมเข้าปาก
การประมูลซื้อขายดำเนินไปอย่างดุเดือด ทว่าอินกองกลับมองรอบตัวโดยไม่สนใจเวที
‘รู้สึก… หงุดหงิดแปลกๆ’
อินกองพบใบหน้าที่คุ้นเคยปะปนอยู่ในหมู่ผู้ร่วมงาน เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยในเกมบทกวีแห่งผู้กล้า
ทว่าอินกองไม่สามารถระลึกถึงข้อมูลสำคัญได้ ใบหน้าเหล่านี้อาจเป็นเพียงตัวละครเสริมที่ไร้บทบาท
อินกองพยายามนึกถึงความสำคัญของใบหน้าเหล่านี้ จนเขาเหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งที่ประตูทางเข้างาน ไม่แปลกที่ผู้ร่วมงานบางท่านจะมาสาย สิ่งที่แปลกคือการแต่งตัวของชายผู้นี้
ร่างกายที่ใหญ่โตเสียยิ่งกว่าคารัค ใบหน้าขาวซีด ดวงตาสีเหลือง แหละแผลเป็นจากคมอาวุธจากดวงตาขวายาวถึงริมฝีปาก เส้นผมที่รุงรังสะเปะสะปะราวกับมีชีวิต เสื้อกั๊กที่ทำจากหนังสัตว์ เผยให้เห็นกลามเนื้อหน้าทองเป็นมัด
ใบหน้าที่อินกองคุ้นเคยต่างไปจากเหล่าตัวประกอบ ใบหน้าที่เขาจดจำได้ว่ามีบทบาทสำคัญในสถานที่ใด
‘เพราโตส’
เพ-รา-โตส
น้องชายของเคราโตส ราชาชนเถื่อนเจ้าดินแดนที่เลยถัดไปจากเขตแดนเอเวีบง
เค-รา-โตส
บทบาทของเพราโตสผุดมาในหัวของอินกองอีกมากมาย… สิ่งที่สำคัญคือเพราโตสเป็นหนึ่งในแม่ทัพใหญ่ของราชาชนเถื่อน
เพราะอะไรเพราโตสถึงปรากฏตัวในทาก้า? เพียงเพื่อมาร่วมงานประมูล?
อินกองส่ายหน้าปฏิเสธข้อสันนิษฐานชั่ววูบอย่างรุนแรง ถ้าเพราโตสต้องการอะไรเขาปล้นชิงไม่เจรจาซื้อขาย ต้องมีจุดประสงค์อื่นที่เขามาที่นี้
“คารัคเตรียมตัวให้พร้อม มีบางอย่างผิดปกติกำลังเกิดขึ้น”
อินกองกระซิบบอกเจ้าออร์ค มันเปลี่ยนสีหน้าจริงจังในทันที
“เกิดอะไร? พวกเราควรรีบถอยออกห่างตอนนี้เลยไหม?”
เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวอินกองล้วนผิดปกติ และในครั้งนี้เจ้าตัวยังบอกเองว่าผิดปกติเสียด้วย การที่คารัคลนลานจึงไม่แปลก
อาการของเจ้าออร์คทำให้อินกองเสียใจเล็กน้อย แต่เรื่องที่กำลังจะเกิดสำคัญกว่า
“ยังไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก… แค่ตอนน-”
เพล้ง เพล้ง!
เสียงกระจกแตกกระจายดังขึ้นกลบคำว่า ‘ตอนนี้’ ของอินกอง