บทที่ 67 ซูหม่านซิ่ว
“ฉันทุบตีแกทำไมน่ะหรือ? ยังกล้าถามอีกหรือไง?” แววตาของไอ้หมาหวังแตกเป็นฝอย สีหน้าแทบจะกลืนกินซูหม่านซิ่วทั้งเป็น
“แล้วฉันไปทำอะไรให้คุณ?” ซูหม่านซิ่วถามอย่างไม่ยอมแพ้
“นังคนชั้นต่ำ นังโสเภณีสมควรโดนลงโทษ ฉันใช้แกทำกับข้าวให้เสี่ยวชุ่ย แต่กลับกล้าลงมือ แกตั้งใจให้ฉันขาดลูกสิ้นหลานหรือ? เป็นแค่แม่ไก่ไม่วางไข่ ยังกล้าลงมือกับเมล็ดพันธุ์ของฉันอีก ถ้าฉันไม่ตีแกจนตายล่ะก็! ถ้าฉันไม่ตีคนต่ำต้อยแบบแกให้ตาย…”
ที่นอกหน้าต่าง ยายหวังถูกเสียงไอ้หมาหวังลูกชายเธอทำให้ตกใจจึงก่นด่า “ยัยแม่ไก่ไม่วางไข่ ดึกดื่นป่านนี้ร้องไห้ส่งเสียงคร่ำครวญอะไรนักหนา! เหล่าเอ้อร์ ตีมันให้ตาย ๆ เลย ตีตายแล้วพรุ่งนี้แม่จะให้คนไปสู่ขอแต่งหญิงม่ายเข้าบ้าน”
จากนั้นก็ตามด้วยถ้อยคำดูถูกซูหม่านซิ่ว
เธอรู้สึกผิดหวังกับคำพูดของผู้เป็นแม่สามีมากขึ้น
นี่คือแม่สามีที่เธอรับใช้มาหลายปี กับแม่ตัวเองยังไม่เคยกตัญญูขนาดนี้เลย
แต่กลับให้ไอ้หมาหวังพูดออกมาได้ว่าจะตีเธอให้ตาย อีกฝ่ายไม่คิดหน่อยหรือว่าตัวเองเคยดีอย่างไรมาก่อนบ้าง?
ชีวิตของเธอไร้ค่าจริง ๆ หรือ?
เธอเคยเป็นหญิงสาวผู้งดงาม แล้วทำไมถึงตกต่ำลงมาได้ขนาดนี้?
ไอ้หมาหวังถูกแม่ตนเองยุยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินว่าถ้าตบตีซูหม่านซิ่วให้ตายก็สามารถแต่งงานได้ ฝ่ามือที่ตบยิ่งเร็วขึ้นและหนักขึ้น
ฝ่ามือที่เหมือนพัดตบเอา ๆ บางทีก็ใช้เท้าเตะสองสามที ซึ่งใช้แรงเป็นอย่างมาก
ตอนแรกซูหม่านซิ่วยังคงคร่ำครวญสองสามเสียง แต่หลังจากนั้นแรงจะกรีดร้องก็ไม่มีอีกแล้ว ราวกับว่าซี่โครงหัก เจ็บจนไม่สามารถหายใจได้
หัวใจของซูหม่านซิ่วรู้สึกชาเล็กน้อย
พอได้ฟังคำสบถของไอ้หมาหวัง เธอก็รู้เรื่องราวทั้งหมด
หลิวเสี่ยวชุ่ยคนนั้นบอกว่าหล่อนรู้สึกไม่สบายท้องหลังจากกินอาหารที่เธอส่งไป จึงคิดว่าซูหม่านซิ่วต้องการจะฆ่าเด็กในท้องหล่อน
ไอ้หมาหวังก็เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ เลยมาหาเธอเพื่อทุบตีระบายความโกรธ
เธอเป็นตัวขวางทางของหลิวเสี่ยวชุ่ย ตราบใดที่เธอปฏิเสธที่จะหย่า หลิวเสี่ยวชุ่ยก็ไม่สามารถแต่งงานเข้าบ้านได้ เป็นแม่ม่ายกำลังตั้งครรภ์ถือเป็นโสเภณี
เด็กในท้องของหลิวเสี่ยวชุ่ยเกือบสามเดือนแล้วใช่ไหม? ถ้าแต่งงานไม่ได้และจะปิดบังก็ไม่ได้ ถึงได้รีบเร่งมาก!
เนื่องจากซูหม่านซิ่วไม่อยากหย่า ช่วงนี้หลิวเสี่ยวชุ่ยจึงยุยงให้ไอ้หมาหวังทุบตีเธออยู่หลายครั้ง
ด้วยเสียงตะโกนของยายหวังด้านนอกและเสียงก่นด่าตามอำเภอใจของไอ้หมาหวัง รวมถึงเสียงฝ่ามือตบดังปึกปัก ซูหม่านซิ่วหวนนึกถึงชีวิตของตัวเองในตระกูลนี้มาหลายปี รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าเธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง
การขาดสติเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด สุดท้ายเธอก็หมดสติไป
ตอนที่ซูหม่านซิ่วฟื้นขึ้นมา เธอนอนอยู่บนพื้น ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว ทั่วทั้งร่างเจ็บปวดราวกับถูกรถทับ
เธอชันร่างขึ้นด้วยความเจ็บปวด ดวงตากวาดมองโดยรอบห้องอันมืดมิด ไอ้หมาหวังไม่อยู่ น่าจะไปหาแม่ม่ายหลิวอีกแล้ว
เสียงไก่เสียงหมาเห่าจากที่ไกล ๆ พิสูจน์ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ และไม่ได้ถูกไอ้หมาหวังตบตีจนตาย!
เมื่อนึกถึงไอ้หมาหวังตีตนเองอย่างแรง เธออดหัวเราะไม่ได้ แต่ไม่มีใครรู้ว่ารอยยิ้มนั้นช่างสิ้นหวังและไร้หนทางเพียงใด
เพียงเพราะคำพูดยั่วยุไม่กี่คำ ไอ้หมาหวังมันไม่ใช่คนแล้ว ทั้งเตะทั้งต่อยเธอขนาดนี้ มันยังเป็นสามีของเธออยู่ใช่ไหม?
ไม่ เป็นคนที่แสนเกลียดชังต่างหาก
แต่งงานกับครอบครัวนี้มาตั้งหลายปี เธอต้องโดนทารุณและมีชีวิตที่ย่ำแย่
แต่สามีกลับคิดถึงหญิงอื่นอยู่ตลอดเวลาและคิดหย่าอยู่บ่อยครั้ง จะให้เธอทำอย่างไร?
ซูหม่านซิ่วไม่เต็มใจจะหย่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอทนทุกข์กับความไร้มนุษยธรรม
ผู้หญิงที่หย่าจะถูกคนอื่นชี้นิ้วติเตียน แม้แต่ครอบครัวและญาติพี่น้องก็ต้องเป็นที่อับอาย
ตัวเธอไม่เป็นไร แต่ไม่สามารถให้คนในครอบครัวมาเกี่ยวข้องได้
พวกหลาน ๆ อายุไม่น้อยแล้วและถึงวัยที่ต้องมีคู่ ไม่อยากให้เรื่องของเธอมาทำให้ชีวิตของหลานล่าช้า!
ซูหม่านซิ่วตัดสินใจอย่างเชื่องช้า
ณ ชุมชนการหลิตหงซิน
วันนี้เป็นวันแจกจ่ายธัญพืช และสมาชิกทั้งชุมชนยิ้มแย้มแจ่มใส
นักบัญชีได้คิดคำนวณไว้แล้ว และในปีนี้ทุกคนจะได้รับธัญพืชราว ๆ สิบเจ็ดจิน นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
“เหล่าสหาย ปีนี้ก็มีลูกหมูมาด้วยเหมือนกัน ใครยินดีเลี้ยงมาลงชื่อที่ผมนะ หนึ่งครอบครัวเลี้ยงได้มากสุดสองตัว!” ซูฉางจิ่วประกาศอย่างมีความสุข อีกคนหนึ่งกำลังฉากแจกจ่ายอาหารอย่างมีความสุขเช่นกัน
ลูกหมูเป็นสัตว์ที่ทางชุมชนใหญ่จัดส่งมาให้ ปีก่อนชุมชนการผลิตหงซินไม่ได้รับมัน แต่ปีนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ส่งมาให้เป็นที่แรก ทั้งคุณภาพของลูกหมูก็ดีกว่าปีก่อนมาก
ตอนนี้อาหารที่ใช้เลี้ยงลูกหมู หลัก ๆ มาด้วยกันสองวิธีคือ มาจากทางสมาชิกของชุมชนที่ตั้งใจจะเลี้ยง และทางชุมชนที่เป็นฝ่ายเลี้ยงเอง
หากสมาชิกในชุมชนการผลิตริเริ่มจะเลี้ยง หมูหนึ่งตัวจะได้รับธัญพืชสองร้อยจิน และภายในสิ้นปีจะต้องส่งเนื้อหมูหนึ่งร้อยห้าสิบจินมาให้ทางชุมชน
อันที่จริงธัญพืชพวกนี้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงหมูหรอก แต่จะมีใครเลี้ยงได้ด้วยสิ่งนี้เชียวหรือ?
ดังนั้นหมูส่วนใหญ่จึงพึ่งพาวัชพืชที่ใช้ทำอาหารหมูเป็นหลัก ขอแค่ขยันก็มีวัชพืชพวกนี้บนเขาจำนวนมาก เลี้ยงตัวสองตัวแทบไม่เป็นปัญหาเลย
พวกสมาชิกในชุมชนที่กำลังรอแจกจ่ายอาหาร พอได้ยินว่ารับลูกหมูไปเลี้ยงได้ อารมณ์จึงเพิ่มขึ้นสูง
ซูฉางจิ่วรู้สึกคลุมเครือเกี่ยวกับประกาศในวันนี้ บางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับคำพูดของหัวหน้าเฉินก่อนหน้านี้ก็ได้
ต้องขอบคุณตระกูลผู้เฒ่าซู
“คุณย่า ทำไมเราไม่เลี้ยงลูกหมูสองตัวล่ะครับ?” ซูอู่ร่างเดินเข้ามาหาผู้เป็นย่า และเอ่ยแนะนำด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เสี่ยวเถียนตอนนี้น่าทึ่งมาก ไก่ที่เธอเลี้ยงวางไข่ทุกวัน และคนในครอบครัวก็มักจะได้กินไข่ด้วยกัน
ถ้าเราเลี้ยงหมูสองตัว ปีหน้าจะได้กินเนื้อเพิ่มไหม?
สำหรับบ้านที่เลี้ยงหมู นอกจากจะจ่ายส่งเนื้อที่มีคุณภาพให้พอกับทางชุมชนการผลิตแล้ว เนื้อส่วนอื่น ๆ ก็จะขายให้ชุมชนการผลิตในราคายุติธรรมด้วย และบ้านที่เลี้ยงหมู นอกจากจะได้เนื้อส่วนหนึ่งก็ยังได้รับเครื่องในอีกด้วย
ถึงเครื่องในจะไม่อร่อยเท่าเนื้อ แต่ก็ช่วยบรรเทาความอยากได้ใช่ไหมล่ะ?
บ้านซูไม่ได้เลี้ยงหมูมานานแล้ว เพราะผู้ใหญ่ต้องไปทำงาน เด็ก ๆ ก็ไปเรียนหนังสือกันหมด
ปีนี้คุณย่าซูไม่มีความคิดเช่นนั้น แต่พอหลานชายของเธอพูด เธอก็ขบคิดจริงจัง
อย่าบอกนะว่าเราจะเลี้ยงได้จริง ๆ
อย่างที่ว่าไป พวกลูกหลานในบ้านมีอยู่หลายคนเลยที่ไม่ไปโรงเรียนแล้วในตอนนี้ ทั้งยังบอกว่าที่โรงเรียนไม่ค่อยเหมาะจะอ่านหนังสือ อยู่บ้านอ่าหนังสือเองจะดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามีอะไรที่ไม่เข้าใจก็สามารถถามฉือเก๋อและตู้ถงเหอได้
ตอนนี้พวกเขาขึ้นเขาไปถอนวัชพืช และเก็บผลไม้กันทุกวัน วันหนึ่งเก็บได้เยอะมาก
ถ้าเลี้ยงหมูที่บ้าน แล้วไม่ส่งหญ้าซึ่งเป็นอาหารหมูให้กับทางชุมชน อย่างมากที่สุดคือเสียคะแนนการทำงาน แต่ปีหน้าจะมีเงินกินเนื้อได้มากขึ้น นี่ก็นับว่าไม่เลวนัก
“ได้สิ บ้านเราไปลงชื่อเลี้ยงหมูสองตัวกัน”
คุณย่าซูเป็นคนเด็ดเดี่ยว แกรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อลงทะเบียนรับลูกหมูสองตัว ก่อนจะเดินกลับมาอย่างพึ่งพอใจ
ผู้ที่ลงทะเบียนไว้จะมาเลือกลูกหมูได้ คุณย่าซูพาเสี่ยวเถียนที่เป็นเด็กนำโชคสุด ๆ มาด้วย
ถูกต้อง ให้ซูเสี่ยวเถียนเป็นคนเลือกลูกหมู
คุณย่าซูรู้สึกว่าหลานสาวตัวน้อยโชคดีพอที่จะเลือกหมูดี ๆ สักตัว!
ลูกหมูจะดีหรือไม่ดีต้องรอดูว่าปีหน้าว่าจะโตได้ดีหรือเปล่า ถ้าโตไม่ดีคนที่เลี้ยงหมูก็เสียผลประโยชน์ไป
ลูกหมูกลุ่มใหญ่ถูกใส่ไว้บนรถม้า เสียงดังฮึมฮัม
ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้เลือกลูกหมูที่ตัวใหญ่และแข็งแรงที่สุด แต่เลือกสองตัวที่ดูธรรมดามาก
คนที่อยู่รอบ ๆ อดพูดไม่ได้ บ้านซูเคยชินกับเด็กเกินไป เรื่องใหญ่แบบนี้ยังรอให้เด็กเป็นคนจัดการอีก และเรื่องอื่นมากมาย
แต่บางคนกลับโชคดีมาก ลูกหมูที่ดีที่สุดยังไม่ถูกเลือกไป พวกเขาจึงยังมีโอกาสได้เลือกตัวที่ดีที่สุด
แม้คุณย่าซูจะสงสัยว่าทำไมซูเสี่ยวเถียนถึงเลือกลูกหมูสองตัวนี้ที่ไม่ได้ดูดี แต่เธอก็ยังเชื่อมั่นต่อเพราะเป็นสิ่งที่หลานสาวเลือกมา
บางทีอาจเป็นราชามังกรที่จัดมาให้ก็ได้!
คุณย่าซูบอกให้ซูเหล่าซานเอาลูกหมูสองตัวกลับบ้าน ก่อนจะมาถึงลานกว้างด้วยความเบิกบานเพื่อรอการแจกจ่ายอาหาร
ตอนนั้นเองก็ได้ยินข่าวที่น่าตกใจ
หลี่จู้จื่อที่ไปชุมชนใหญ่ได้ยินข่าวว่า ซูหม่านซิ่วปลิดชีพตัวเองด้วยการโดดแม่น้ำ!
พอคุณย่าซูได้ยินว่าลูกสาวปลิดชีพตัวเอง ความดันพลันขึ้นสูงและเป็นลมสลบไป